In News

นายกฯบุกภูเก็ตตามปัญหาดินโคลนถล่ม กำชับทุกส่วนร่วมแก้ย้ำเร่งป้องกันจุดเสี่ยง



กรุงเทพฯ-นายกรัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาดินโคลนถล่มในพื้นที่ จ.ภูเก็ต กำชับทุกส่วนราชการร่วมกันแก้ไขปัญหา เน้นย้ำเร่งดำเนินการป้องกันพื้นที่เสี่ยง

วันนี้ (8 สิงหาคม 2567) เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมแสดงพันธ์ุสัตว์น้ำจังหวัดภูเก็ต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาดินโคลนถล่มในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมีนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเข้าร่วม

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมการบริหารจัดการช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากในพื้นที่ทะเลอันดามัน ณ ศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร โดยนายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมห้องพยาบาลรักษาสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น บ่อฟื้นฟูสุขภาพสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล  และบ่อฟื้นฟูสุขภาพเต่าก่อนปล่อยคืนสู่ทะเล นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ปลูกฝั่งจิตสำนึกในการอนุรักษ์เต่าทะเล พร้อมประชาสัมพันธ์ให้เห็นถึงโทษของการทิ้งขยะลงทะเลส่งผลต่อเต่าทะเล ซึ่งเป็นสัตว์หายาก หากช่วยกันประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจให้ความรู้กับประชาชน จะช่วยให้รักษาและขยายพันธุ์สัตว์น้ำทะเลมากยิ่งขึ้น

จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินตรวจเยี่ยมชมพื้นที่บ้านพักอาศัยข้าราชการ โดยการตรวจเยี่ยมพื้นที่พักอาศัย ระหว่างเยี่ยมชมนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่มาตรวจดู รัฐบาลห่วงความเป็นอยู่ของข้าราชการ โดยเมื่อวานนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการอนุมัติในเรื่องของบ้านพักข้าราชการ ทหารและตำรวจ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้พูดในที่ประชุมว่า กรมราชทัณฑ์  พนักงานและข้าราชการต้องอาศัยอยู่ใกล้กับพื้นที่ จึงอยากจะให้มีการก่อสร้างที่อยู่อาศัยของข้าราชการเกิดขึ้น

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้ได้มีโอกาสลงพื้นที่และรับทราบว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีพนักงานและข้าราชการที่ต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่ต้องอยู่ใกล้กับหน้างาน เพื่อความสะดวกและในแง่ของการปฏิบัติหน้างาน ซึ่งที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้นบ้านพักที่ได้เห็นในวันนี้ก็มีอายุค่อนข้างมากแล้ว กว่า 50 ปีขึ้น การสร้างขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยในวันนี้ นาย เกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยก็ได้มีการพูดคุยในเรื่องบ้านพักของหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฉะนั้นก็จะค่อยๆ ทยอยดำเนินโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยให้ข้าราชการ ซึ่งจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนไป โดยจะดำเนินการสร้างที่อยู่ รวมถึงอุปกรณ์ภายใน เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ครบ 

“ขอให้ทยอยทำโครงการไปเป็น pilot project ซึ่งเป็นตัวอย่างว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ของข้าราชการโดยจะได้ไม่ขาดแคลนบุคลากรในการเข้ามารับใช้ประเทศชาติต่อไป ให้อยู่อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ” นายกฯ ย้ำ

โอกาสนายกรัฐมนตรีได้มอบแนวทางการป้องกันและแก้ปัญหาดินโคลนถล่ม ดังนี้

1.ขอให้บูรณาการการทำงานร่วมกันในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดินโคลนถล่มในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และพื้นที่เสี่ยงอื่น ๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน

2. มอบหมายให้กรมทรัพยากรธรณี จัดทำแผนแม่บทในการบริหารจัดการพื้นที่เสี่ยงภัยและเร่งนำข้อมูลแผนที่เสี่ยงภัยดินโคลนถล่มระดับชุมชน ที่ทำเสร็จแล้ว ไปทำความเข้าใจแก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง และประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการเตรียมความพร้อมในการรับมือทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเกิดธรณีพิบัติภัย และดูแลความปลอดภัยของประชาชน

3. ให้กรมทรัพยากรธรณี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมการออกแบบทั้งระบบในการป้องกัน เฝ้าระวัง และเตือนภัย โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงของจังหวัดภูเก็ตให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมที่ทันสมัย ภาพถ่ายทางอากาศ และภาพถ่ายดาวเทียมและข้อมูลอื่น ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสัมพันธ์กับการใช้ประโยชน์ที่ดินโดยเฉพาะการก่อสร้างสาธารณูปโภค และการก่อสร้างอาคาร

และ 4.ให้กรมทรัพยากรธรณี สำรวจและตั้งสถานีวัดการเคลื่อนตัวของมวลดินพร้อมอุปกรณ์ เครื่องมือในการเฝ้าระวังเพื่อแจ้งเตือนภัยแผ่นดินถล่ม และน้ำป่าไหลหลากโดยให้ซักซ้อมการแจ้งเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงให้เข้าถึงประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวทุกครัวเรือนและดำเนินการในพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดอื่น ๆ ด้วยต่อไป

“การแก้ไขปัญหาระยะยาวขอให้ดำเนินการต่อไป  แต่ขอให้เร่งดำเนินการในพื้นที่สีแดงก่อน ก่อนจะถึงหน้าฝน พร้อมกับสั่งการให้ผู้ว่าราชการภูเก็ตประสานงานกับหน่วยงานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจ สาเหตุการเกิดปัญหาให้ประชาชนเข้าใจ“ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ