In News
นายกฯแถลงหลังถกครม.ในหลายประเด็น ปราบสินค้าผิดกม.-แผนจัดการน้ำรับฝน
กรุงเทพฯ-นายกฯ สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปราบปรามสินค้าผิดกฎหมาย กำชับ ก.เกษตรฯ จัดการโรคใบด่างในมันสำปะหลัง ทำราคาแป้งตก พร้อมเคาะงบฯ กลางแก้ไขโรคในโคกระบือ-แผนจัดการน้ำรับฤดูฝน
วันนี้ (13 สิงหาคม 2567) เวลา 12.00 น. ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเปิดเผยภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพในการหามาตรการป้องกันและปราบปรามธุรกิจขายสินค้าจากต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย เช่น การตรวจสอบจดทะเบียนธุรกิจการค้า และใบอนุญาตต่าง ๆ การตรวจสอบใบอนุญาตการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ และการชำระอากรขาเข้าของผู้ประกอบการ เพื่อหาทางสนับสนุนและพัฒนาให้ผู้ประกอบการ SME ไทยสามารถปรับตัวและแข่งขันได้ในตลาดสินค้าออฟไลน์และออนไลน์ ต้องเสริมมาตรการภายในสิ้นเดือนนี้
นายกฯ กล่าวต่อไปว่า ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรและกรมวิชาการเกษตรประสานกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อเร่งแก้ปัญหาโรคใบด่างของมันสำปะหลังโดยด่วน เพื่อเร่งตัดวงจรการระบาดของโรคให้ได้และเร่งวิจัยท่อนพันธุ์มันสำปะหลังที่ทนต่อโรคได้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในหลาย ๆ พื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อผลผลิตมันสำปะหลังเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ เข้าใจว่ากระทรวงเกษตรฯ ได้มีการพัฒนาพันธุ์มันสำปะหลังแล้ว และขอให้เร่งรัดการผลิตต่อไป ซึ่งโรคใบด่าง ทำให้ผลผลิตของแป้งต่ำ ทำให้ราคามันสำปะหลังไม่ดีเท่าที่ควร ตรงนี้เป็นเรื่องที่เร่งด่วน เพราะว่ามันสำปะหลังเป็นพืชหลักของเกษตรกรไทย
นายกฯ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามหลักการที่กระทรวงการคลังเสนอ การจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติหรือ "นากก้า" (NaCGA) เป็นนวัตกรรมที่ยกระดับค้ำประกันของไทย โดยเป็นนิติบุคคล หน่วยงานของรัฐ ทำหน้าที่ค้ำประกันโดยตรง โดยเป็นผู้ประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ขอสินเชื่อ ซึ่งทำให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงสินเชื่อของสถาบันการเงินได้ง่ายขึ้น เพราะมีหนังสือค้ำประกันความเสี่ยงจาก NaCGA
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศ เสนอ เอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้างครั้งที่ 9 ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์นี้ ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยตนเองจะไปร่วมประชุมในตอนเช้า ซึ่งธรรมดาแล้ว เข้าใจว่านายกฯ ก็ไม่ไป แต่ว่าวันนี้มีเรื่องความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี การท่องเที่ยว การบินพลเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปราบปรามยาเสพติด เป็นที่ทราบกันดีว่า แหล่งผลิตอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก ตลอดจนยับยั้งการฉ้อโกงผ่านทางการค้าออนไลน์ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นเรื่องของ call center ที่ตนเองไปมาเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว ถือเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลต้องการผลักดันต่อ และตนเองก็จะลงพื้นที่ที่เชียงแสนเพิ่มเติมอีกทีในอาทิตย์ถัดมา เพื่อติดตามผลงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ กล่าวอีกว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์ เสนอ ความตกลงร่วมกันระหว่างราชอาณาจักรไทย กับรัฐบาลคาซัคสถาน ซึ่งวันนี้ท่านรองนายกฯ ภูมิธรรม ได้ลาประชุมเพื่อเดินทางไปประเทศคาซัคสถาน เพื่อทำความร่วมมือการค้าเศรษฐกิจระหว่าง 2 ประเทศในระยะยาว ผ่านการส่งเสริมให้มีการร่วมภาคธุรกิจในกิจกรรมส่งเสริมการค้าต่าง ๆ เช่น การแสดงสินค้า การจับคู่ธุรกิจ การสัมมนาที่เกี่ยวข้อง การยกเว้นชำระภาษีศุลกากรและภาษีตามกฎหมายภายใน และพันธกรณีระหว่างประเทศของตนให้แก่สินค้าที่มาจากประเทศคู่ภาคีเป็นการชั่วคราว เป็นต้น อย่างที่เราทราบกันดีอยู่ว่า คาซัคสถานเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง มีน้ำมัน มีกำลังซื้อสูง แล้วก็เป็นประเทศที่เข้ามาทำการค้ากับประเทศไทยเยอะ อีกทั้ง มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะ เพราะฉะนั้น ไม่ใช่แค่ประเทศคาซัคสถานอย่างเดียว ประเทศที่ลงท้ายด้วย สถาน ตนก็มีการขอไปที่ทางคณะรัฐมนตรีว่าใครมีประเด็นในการที่จะไปเปิดการค้าเพิ่มเติมกับประเทศที่ลงท้ายด้วยสถาน ก็ให้กระทรวงต่างประเทศเป็นผู้ประสาน สนับสนุนให้มีการค้าระหว่างประเทศเกิดขึ้น
พร้อมกันนี้ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติตามกระทรวงเกษตรฯ เสนอ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 งบกลาง เพื่อควบคุมโรค lumpy skin ในโคกระบือ วงเงินทั้งสิ้น จำนวน 429.76 ล้านบาท ซึ่งสามารถฉีดให้โคกระบือได้ 7.85 ล้านตัว กระจาย 70 จังหวัด หรือประมาณร้อยละ 64 ของโคกระบือทั่วประเทศ
และคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 งบกลาง เพื่อดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน และส่งเสริมความมั่นคงด้านน้ำอุปโภคบริโภค วงเงิน 9,167.44 ล้านบาท ผ่านกระทรวงเกษตร กระทรวงมหาดไทยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 3,032 โครงการ