In News

นายกฯให้สัมภาษณ์สื่อหลังประชุมครม. พรบ.สถานบันเทิงฯ-ศาลรธน.-ปรับครม.



กรุงเทพฯ-นายกฯ ระบุไม่มีปัญหาพรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วยร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร มองเห็นต่างได้ ตามระบอบประชาธิปไตย พร้อมรับฟังความเห็นพรรคร่วม ยึดประโยชน์ของสังคมเป็นหลัก และนายกฯ ประกาศเจตนารมณ์เสนอ “ภูเก็ต” เป็นเจ้าภาพการจัด InterPride World Conference 2025 และเตรียมเสนอเป็นเจ้าภาพ WorldPride 2030และไม่มีแผนสำรองรองรับคำตัดสินของศาล รธน.พรุ่งนี้ ยันไม่ได้คิดเรื่องยุบสภา ย้ำวางแผนงานถึงสิ้นเดือน เพราะต้องทำหน้าที่นายกฯ ชี้ หากไม่ได้ทำต่อ นายกฯ รักษาการก็สามารถสานงานต่อได้ทันที 

วันนี้ (13 ส.ค. 67)  เวลา 18.10 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงกรณีพรรคภูมิใจไทย มีมติไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรฯ หรือ กฎหมายเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงของการรับฟังความคิดเห็น การทำประชาพิจารณ์ เป็นช่วงที่ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเราเป็นประชาธิปไตย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี จะได้ออกมาแสดงความเห็น เพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน พรรคภูมิใจไทยมี สส. 70 คน และเป็นตัวแทนของประชาชนหลายจังหวัด “ผมว่าเราต้องมาพูดคุยกัน เป็นเรื่องที่ดีครับ ไม่มีอะไร”

ส่วนจะสามารถพูดคุยทำความเข้าใจกับพรรคภูมิใจไทย ได้หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ได้แน่นอนไม่มีปัญหาเลยครับ เป็นช่วงต้นเฉย ๆ ไม่ได้จะเร่งอะไร เป็นเรื่องที่รับฟังความคิดเห็น เพราะค่อนข้างจะเซนซิทีฟ และเป็นเรื่องดีที่มีความคิดเห็นที่หลากหลาย แล้วเราก็มานั่งคุยกันว่าตรงไหนที่เหมาะสม เป็นประโยชน์สูงสุดกับสังคมไทย“

ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า แค่ทำประชาพิจารณ์อาจจะไม่เพียงพอ อาจจะต้องทำประชามติด้วยนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่าเดี๋ยวค่อยมาคุยกัน อย่างที่บอกเรื่องเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ เป็นเรื่องที่เราพูดกันมานานมากแล้วหลายสิบปี เรื่องการพนันอย่างที่ใช้คำพูดกันว่า  “สังคมอีแอบ” ก่อนหน้านี้มีการพูดกันว่าจะยกขึ้นมาบนดิน ผมเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยเห็นด้วย แต่จะยกขึ้นมาอย่างไร เป็นอย่างไร โครงสร้างอย่างไร จะมีกี่เจ้า จะเป็นอย่างไร ยืนยันพร้อมรับฟังทุกพรรค ไม่ใช่เพราะพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคใหญ่อันดับ 2 แล้วเราฟังเขาคนเดียว ตนเองเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยก็อยากให้พรรคพลังประชารัฐเสนอลความคิดเห็นออกมา หรือพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือพรรคชาติไทยพัฒนาของนายวราวุธ ศิลปอาชา  หรือพรรคของท่านทวี สอดส่อง (พรรคประชาชาติ) ก็เหมือนกัน ไม่ต้องห่วง 

ผู้สื่อข่าวถามถึงการประชุม ครม.วันนี้ (13 ส.ค. 67) ที่มีวาระจรของกระทรวงยุติธรรม เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการขอพระราชทานอภัยโทษ สำหรับบุคคลบางกรณี นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าว ปฏิเสธที่จะแสดงความ  เพียงแต่ระบุสั้น ๆ ว่า “ไม่ทราบ ไม่มี” ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินไปขึ้นรถ 

นายกฯ ประกาศเจตนารมณ์เสนอ “ภูเก็ต” เป็นเจ้าภาพการจัด InterPride World Conference 2025

นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดและปาฐกถาพิเศษในงาน “Unity in Action: Thailand's Next Steps in Equality” ในหัวข้อ “Towards Equality and Unity: Announcing Thailand's Advancements in Marriage Equality Legislation and Readiness to Propose Hosting the InterPride World Conference” ประกาศจุดยืนของไทยในประเด็นการสนับสนุนความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศ พร้อมประกาศเจตนารมย์ของไทยในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัด InterPride World Conference 2025 และเตรียมเสนอเป็นเจ้าภาพ WorldPride 2030 โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรียินดีต่อความก้าวหน้าของประเทศไทยในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ และการผลักดันสิทธิของชุมชน LGBTQ+ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ด้วยการสนับสนุนอย่างไม่ย่อท้อจากประชาชนชาวไทยและรัฐบาลไทย นำไปสู่การผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมอันเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ใช่เพียงชัยชนะทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นภาพสะท้อนอย่างลึกซึ้งถึงค่านิยมของไทย ซึ่งเป็นสังคมที่โอบรับความแตกต่าง เฉลิมฉลองให้กับความหลากหลายของมนุษย์ และมุ่งมั่นสร้างโลกที่เต็มไปด้วยความรักและความเคารพที่ครอบคลุมไม่มีข้อจำกัด

ทั้งนี้ รัฐบาลมองไปยังอนาคต ให้ความสำคัญกับการวางแผนระยะยาวที่มุ่งส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ และสร้างสังคมที่เปิดกว้าง ไม่แบ่งแยก ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนกฎหมายที่ยกระดับสิทธิของ LGBTQ+ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยสำหรับชุมชน LGBTQ+

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แม้อุปสรรคจะยังคงมี แต่รัฐบาลจะยังคงยืนหยัดและต่อสู้ต่อไปเพื่อสร้างความเท่าเทียมต่อไป

นอกจากนี้ รัฐบาลเสริมสร้างพลังและกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวของไทย ยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทย พร้อมทั้งสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และจุดหมายปลายทางสำหรับการพำนักระยะยาวของครอบครัว LGBTQ+ พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นในการสร้างพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชีย ด้วยการจัดตั้งเครือข่ายและพันธมิตรผู้นำด้านการส่งเสริมและความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศในภูมิภาคเอเชีย (Asian Pride Alliance) เพื่อเป็นความร่วมมือระดับภูมิภาค โดยไทยมุ่งหวังที่จะผลักดันวาระ LGBTQ+ และสนับสนุนชุมชนไพรด์ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลมีความยินดีที่จะประกาศความมุ่งมั่นในการเสนอให้จังหวัดภูเก็ตเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม InterPride World Conference ในปี พ.ศ. 2568 ซึ่งการเสนอเป็นเจ้าภาพงานนี้แสดงถึงความร่วมมืออันเข้มแข็งของชุมชน LGBTQ+ ของไทย และเป็นก้าวสำคัญในแคมเปญ “Road to WorldPride” เพื่อเตรียมเสนอเป็นเจ้าภาพ WorldPride 2030 ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนไพรด์ของเรา และเชื่อมโยงกับเครือข่ายไพรด์ระดับโลก

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าขอให้ทุกคนร่วมกันสร้างโลกที่ไม่แบ่งแยก อยู่ร่วมกันด้วยความเคารพ และร่วมเฉลิมฉลองความหลากหลายนี้ให้เป็นรากฐานที่สำคัญของสังคมต่อไป

นายกฯ เผย ไม่ปรับ ครม.เดือนนี้ ระบุ พรรครวมไทยสร้างชาติส่งชื่อขอปรับ ครม. มาแล้ว

นายเศรษฐา ถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หารือกับบรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา มีความคืบหน้าเรื่องปรับ ครม.หรือไม่ ว่า ไม่มี ยังไม่มีการส่งสัญญาณใด ๆ แต่ยอมรับว่า พรรครวมไทยสร้างชาติได้ส่งหนังสือมาเรียบร้อยแล้ว แต่อย่างที่ตนได้บอกไปว่า เดือนสิงหาคมนี้มีเรื่องเยอะ ต้องให้เกียรติก่อน ถ้าจะไปปรับตอนนี้คงไม่มีความเหมาะสม  ส่วนจะมีการปรับหลังเดือนสิงหาคมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องมีการพูดคุยกันอีกที ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ที่มีรัฐมนตรีบางคนที่น้อยใจและลาออกไป ถ้าเสนอเข้ามาจะอยู่ตรงไหน และเกิดปัญหาเดิมอีกหรือไม่ เราอยู่ด้วยกันต้องพูดคุยกัน

นายกฯ เผยไม่มีแผนสำรองรองรับคำตัดสินของศาลรธน.พรุ่งนี้

นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีการพูดคุย ในที่ประชุม ครม.เรื่องการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ และตั้งแต่วันที่ได้ส่งคำแถลงปิดคดีไปก็ไม่ได้พูดคุยกับนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีอีก ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และในวันพรุ่งนี้จะมอบให้นายแพทย์พรพรหมมินทร์ เลิศสุรีย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี  เดินทางไปฟังแทน โดยในวันพรุ่งนี้ ตนเองมีภารกิจงานที่ทำเนียบรัฐบาลตลอดทั้งวัน โดยไม่ได้มีการตั้งวอรูมแต่อย่างใด 

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีจะมีการติดตามรับฟังการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตั้งแต่เริ่มเลยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนเองมีประชุมภายในกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินในทำเนียบ ซึ่งทีมงานตนคงเข้ามาแจ้งเป็นระยะ ๆ อยู่แล้ว ส่วนกรณีหากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินแล้วไม่ได้ไปต่อนั้น นายกฯ กล่าวว่า  ไม่ได้คิดเรื่องแผนสำรองไว้

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า หากเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ ก็สามารถยุบสภาได้ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้คิดเรื่องเรื่องนี้  ให้มันเกิดขึ้นก่อน แล้วค่อยว่ากัน 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนนายกรัฐมนตรี มีความมั่นใจพอสมควรเกี่ยวกับคำตัดสินของศาล นายกฯ กล่าวว่า ไม่ครับ ตนเองมีหน้าที่ต้องปฏิบัติ 

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องต่าง ๆ ที่ทางสำนักข่าวไปวิจารณ์ว่า ตนนั้นน่าเศร้า ก็เพราะทางด้านตนนั้นเพิ่งจะเสียคุณแม่ไป ก็เป็นเรื่องน่าเศร้าเป็นธรรมดา หรือแม้ว่าบางคนก็กล่าวว่าตนนั้นมั่นใจมากมีการไปเตรียมการประชุมออกวาระตรางถึงสิ้นเดือน เรื่องดังกล่าวนั้นเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีที่ต้องบริหารราชการแผ่นดิน มีการเตรียมงานความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ซึ่งตนก็ต้องมีการเตรียมไป โดยถ้าผลออกมาเป็นบวกกับตน ตนก็ต้องเดินหน้าทำงานต่อไป แต่ถ้าผลมาเป็นลบทางด้านรักษาการนายกรัฐมนตรี ก็นำเอาแผนงานที่ตนได้เตรียมไว้ ไปพิจารณาปรับปรุงตามความเหมาะสม 

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของการทำงานแบบทั่ว ๆ ไปมากกว่า ไม่ได้เป็นการแสดงออกถึงความมั่นใจ หรือไม่มั่นใจอย่างไร ซึ่งตนเองนั้นทำดีที่สุดแล้วเราได้มีการ Submit closing statement ไปแล้วเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม 

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าทางด้านแผนงานที่นายกรัฐมนตรีได้เตรียมไว้สามารถที่จะดำเนินการต่อหรือต้องมีการพิจารณาอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ตนนั้นเตรียมงานไม่ใช่เป็นความต้องการของตน ตนนั้นได้เตรียมงานตามปัญหาของพี่น้องประชาชนที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าถ้าหากตนนั้นหลุดจากตำแหน่งทางด้านรักษาการนายกรัฐมนตรีก็ต้องมาดูและพิจารณาตามลำดับความสำคัญที่เห็นว่าเหมาะสม ซึ่งอย่างน้อยถ้าหากทางด้านรักษาการนายกรัฐมนตรีเข้ามาแล้วนั้นก็จะรับทราบว่าดำเนินการอะไรไปแล้ว 

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ในส่วนทางด้านภาคเอกชนหากนายกรัฐมนตรีหลุดจากตำแหน่งจะมีผลการที่ทางด้านนายกรัฐมนตรีเคยเดินทางไปพูดคุยกับทางต่างชาติในเรื่องการลงทุนต่าง ๆ  นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในเรื่องดังกล่าวนั้นตนเองไม่ทราบ และในเรื่องของกระแสของทางด้านการลงทุนโรงงานรถยนต์ไฟฟ้า เทสล่ามีการปรับแผนงานในประเทศไทย ทางด้านทีมงานก็ยังดำเนินการคุยอยู่ เพราะในปัจจุบันนี้ความอ่อนไหวของทางด้านตลาดความต้องการของรถยนต์ไฟฟ้าEV ก็มีสูง ตนเองเข้าใจว่าที่มีการพูดคุยในการลงทุนก็มีการเลือกประเทศอินดียเช่นเดียวกัน เพราะทางประเทศอินเดียมีความต้องการสูงมาก และหากจะมีการลงทุนสร้างคือประเทศไทย ตนเองทราบเพียงแค่นี้

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าก่อนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ทางด้านนายกรัฐมนตรีมีอะไรอยากจะกล่าวพูดกับทางด้านประชาชนหรือสื่อในสิ่งที่ทางนายกรัฐมนตรีอยากพูดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี ตนเองได้แจ้งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าในวันนี้มีการทำอะไรไปแล้ว ซึ่งในช่วงบ่ายก็มีวาระงานอยู่ก็ทำงานต่อเรื่อย ๆ