Think In Truth

มหากาพย์'กัญชา'มหาภัยหรือยาวิเศษ ชาวโลก(ตอนที่4)โดย: ฅนข่าว2499



ก่อนหน้านี้นั้น ได้มีคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับสารสกัดจากกัญชาว่าแท้จริงแล้วมีประสิทธิผลรักษามะเร็งได้หรือไม่เพราะการศึกษาเกือบทั้งหมดยังอยู่ในระดับห้องปฏิบัติการและสัตว์ทดลอง

ทั้งนี้ โดยภาพรวมที่ออกมาแล้วเป็นไปในเชิงบวก กล่าวคือ ทั้งสาร THC และ CBD สามารถทำลายเซลล์มะเร็งหลายชนิดในห้องปฏิบัติการได้โดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติ การทดลองในสัตว์พบว่า สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ลดการแพร่กระจาย รวมทั้งมีหลักฐานในการลดอุบัติการณ์ (อัตราการเกิดใหม่) ของมะเร็งตับและมะเร็งลำไส้ใหญ่ในหนู และเชื่อว่าอาจใช้ในการรักษามะเร็งชนิดดังกล่าวได้

นอกจากนี้แล้ว จากการศึกษาวิจัยด้านการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ระดับสัตว์ทดลอง ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาที่ให้ผลที่ค้านกันอยู่ด้วย กล่าวคือ ในกรณีที่ผู้วิจัยฝังเซลล์มะเร็งในหนูที่ถูกทำให้ไม่มีภูมิต้านทาน  พบว่าหนูที่ได้รับสาร THC จะลดขนาดมะเร็งได้ถึงร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ใช้ แต่เมื่อทดลองให้สาร THC ในหนูที่มีภูมิต้านทานปกติ  กลับเกิดผลตรงกันข้ามคือ ก้อนมะเร็งกลับมีขนาดที่โตขึ้น ดังนั้น ประสิทธิผลของการรักษาโรคมะเร็งด้วยสารสกัดกัญชา จึงมีความจำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยในรายละเอียดแต่ละประเด็นต่อไป

การสูบกัญชารักษามะเร็งได้หรือไม่?

ยังไม่มีการศึกษาวิจัยถึงผลของการสูบกัญชากับการรักษาโรคมะเร็ง แต่มีบางการศึกษายอมรับว่าการสูบกัญชาอาจช่วยลดอาการปวด  จากมะเร็งได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ได้ยาเคมีบำบัดบางกลุ่ม (Platinum-based chemotherapy และ Taxanes) แต่กลับไม่มีข้อมูลสนับสนุนว่าการสูบกัญชาสามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน จากยาเคมีบำบัด หรือเพิ่มความอยากอาหารในผู้ป่วยมะเร็งได้เลย ส่วนในเรื่องการลดความเครียด หรือการควบคุมอารมณ์นั้น พบว่าการสูบกัญชามักทำให้อารมณ์ถูกกระตุ้นให้คึกคัก สนุกสนานมากกว่าจะทำให้อารมณ์สงบลง

งานวิจัยเรื่องการใช้สารกัญชากับการรักษามะเร็ง

เมื่อปี 2518 มีนักวิจัยกลุ่มแรก (Antineoplastic activity of cannabinoids., 1975. Munson AE, Harris LS, Friedman MA, Dewey WL, Carchman RA.)รายงานว่าสารสกัดจากกัญชาอาจยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งปอดและยับยั้งการเติบโตของเนื้องอกมะเร็งบางอย่างในหนูทดลองได้ หลังจากนั้น เมื่อมีการวิจัยเพิ่มขึ้น พบว่าสารสกัดจากกัญชาสามารถต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งชนิดต่างๆ ได้จริง โดยการยับยั้งกระบวนการสร้างเส้นเลือดของก้อนมะเร็ง (Angiogenesis) และลดการกระจายตัวของเซลล์มะเร็งไปยังส่วนอื่นๆ (Metastasis) ในโรคมะเร็งหลายชนิด ด้วยการกระตุ้นให้เกิดการสร้างโปรแกรมการตายของเซลล์มะเร็ง (Program cell death) ผ่านกระบวนการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง

 

ในปัจจุบันสารกลุ่มนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาทางคลินิก โดยพบว่าการให้สาร Cannabinoids ร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัด Temozolomideสามารถช่วยลดการเติบโตของเนื้องอกสมอง (Gliomaxenograft) ได้ และมีการรายงานในลักษณะคล้ายกันจากอีกหลายงานวิจัยที่พบว่าการให้สารสังเคราะห์ในกลุ่ม Cannabinoids (เช่น HU-210) สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการต้านมะเร็งของยา Paclitaxel และ ยา 5-Fluorouracil ได้

ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียนจากการได้รับเคมีบำบัด

สาร Nabiloneและ Dronabinolเป็นสารสังเคราะห์ที่เป็นอนุพันธ์ของสาร THC มีผลการวิจัยทางคลินิกยืนยันว่า Nabiloneมีประสิทธิภาพในการลดอาการคลื่นไส้ อาเจียนในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดได้ดี และได้รับการอนุมัติให้ใช้ในประเทศแคนาดา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 เป็นต้นมา ส่วนสาร Dronabinolมีประสิทธิภาพลดอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ดี และได้รับการอนุมัติให้จำหน่ายทั้งในประเทศอเมริกา (ปี พ.ศ. 2528) และในแคนาดา (ปี พ.ศ. 2538)

เพิ่มความอยากอาหารในผู้ป่วยมะเร็งและเอดส์

สาร THC ช่วยเพิ่มความอยากอาหารให้ผู้ป่วยมะเร็งและเอดส์ เมื่อมีการทดลองใช้ทางคลินิกเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์ และได้รับการอนุมัติให้ใช้สาร Dronabinolซึ่งเป็นอนุพันธ์ของสาร THC เพื่อเพิ่มความอยากอาหารได้ในประเทศแคนาดาสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้

ลดอาการปวด

สารในกลุ่มแคนนาบินอยด์ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะ THC ช่วยลดอาการปวดแบบเฉียบพลัน และแบบเรื้อรังได้ (Acute และ Chronic pain) ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้เพิ่มขึ้น ยาในรูปแบบสเปรย์พ่นในปาก (Oromucosal spray, Nabiximols) โดยใช้ส่วนผสมร่วมระหว่าง THC และ CBD ช่วยลดอาการปวดข้อ (Rheumatoid arthritis) ได้ แต่สำหรับอาการปวดเรื้อรังในผู้ป่วยมะเร็งยังไม่มีข้อสรุปทางคลินิกที่ชัดเจน

 

การใช้สารสกัดน้ำมันกัญชา

สำหรับผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์โดยการใช้สารสกัดน้ำมันจากกัญชา ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม  / โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

กำหนดเป็นตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ ที่ให้เสพเพื่อการรักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยได้ พ.ศ. 2562 (ลงวันที่ 29 มีนาคม 2562)

เป็นตำรับยาที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตในประเทศภายใต้การรักษาโรค กรณีจำเป็นสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย (Special Access Scheme)

เป็นตำรับยาที่ได้รับอนุญาตภายใต้โครงการศึกษาวิจัยที่ได้รับอนุญาต จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยามีดังนี้

สารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร THC

 

สารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร THCขนาดบรรจุ 5 มิลลิลิตร(ใน 1 หยดประกอบด้วยสาร THC 0.5 มิลลิกรัม)

ข้อบ่งใช้ :  สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด (chemotherapy induced nausea and

vomiting)ภาวะปวดประสาท (neuropathic pain)หรือใช้ตามแพทย์สั่ง

วิธีการใช้ยา :  ใช้หยดใต้ลิ้น ในขนาดเริ่มต้น: 1-2 หยด และปรับเพิ่มขนาดช้าๆ ตามคำแนะนำของแพทย์

ข้อห้ามใช้

- ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่แพ้ THC หรือส่วนประกอบใดๆ ในตำรับ

- ไม่ควรใช้ยาสารสกัดกัญชาในผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดสมองที่รุนแรง หรือผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ

- ผู้ที่เป็นโรคจิตมาก่อน หรือมีอาการของโรคอารมณ์แปรปรวน (concurrent active mood disorder) หรือโรควิตกกังวล (anxiety disorder)

- หลีกเลี่ยงการใช้กัญชาในสตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร รวมถึงสตรีวัยเจริญพันธุ์ที่มิได้คุมกำเนิด หรือสตรีที่วางแผนจะตั้งครรภ์เนื่องจากมีรายงาน การศึกษาพบว่ามีทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักตัวน้อย รวมถึงพบ cannabinoids ในน้ำนมแม่ได้

ข้อควรระวัง

- ควรใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาร่วมกับยากล่อมประสาทหรือยาที่ออกฤทธิ์ทางจิตอื่นๆ เนื่องจากเสริมฤทธิ์กดประสาท ส่วนกลางหรือเพิ่มผลกระทบทางจิตประสาท

- ควรใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีประวัติของการใช้สารเสพติดรวมถึงผู้มีประวัติติดสุรา

- อาจทำให้ง่วงซึม จึงไม่ควรขับขี่ยานพาหนะ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล หรือทำงานที่เสี่ยงอันตราย

- ไม่ควรใช้ ในบุคคลที่อายุต่ำกว่า 25 ปี ยกเว้นในกรณีที่แพทย์พิจารณาแล้วว่าผู้ป่วยได้รับประโยชน์มากกว่าเสี่ยง

- ไม่ควรใช้กัญชาในผู้ป่วยที่มีภาวะการทำงานของตับหรือไตบกพร่องรุนแรง

ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานเพราะอาจเกิดการติดยาได้ นอกจากแพทย์สั่ง

- หากใช้เป็นประจำควรประเมินผลการรักษาเป็นระยะ และควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดใช้ยา เพราะจำเป็นต้องปรับลดขนาดยาลงทีละน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการถอนยา

- ใช้ภายใต้การควบคุมและสั่งจ่ายโดยแพทย์ที่ได้รับการอบรมแล้วเท่านั้น

ย้อนกลับ

สารสกัดน้ำมันกัญชาสูตร THC:CBD 1:1

 

สารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร THC:CBD 1:1 ขนาดบรรจุ 5 มิลลิลิตร (ใน 1 มิลลิลิตรประกอบด้วย THC 27 มิลลิกรัม และ CBD 25 มิลลิกรัม)

ข้อบ่งใช้ :              ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง (spasticity) ในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (multiple sclerosis) หรือใช้ตามแพทย์สั่ง

วิธีการใช้ยา :        ใช้หยดใต้ลิ้น ในขนาดเริ่มต้น: 1-2 หยด และปรับเพิ่มขนาดช้าๆ ตามคำแนะนำของแพทย์

ข้อห้ามใช้:            ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่แพ้ THC: CBD (1:1) หรือส่วนประกอบใดๆในตำรับไม่ควรใช้กัญชาในผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดสมองที่รุนแรง หรือผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ

  • ผู้ที่เป็นโรคจิตมาก่อน หรือมีอาการของโรคอารมณ์แปรปรวน (concurrent active mood disorder) หรือ โรควิตกกังวล (anxiety disorder)
  • หลีกเลี่ยงการใช้กัญชาในสตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร รวมถึงสตรีวัยเจริญพันธุ์ที่มิได้คุมกำเนิด หรือสตรีที่วางแผนจะตั้งครรภ์เนื่องจาก มีรายงานการศึกษาพบว่ามีทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักตัวน้อย รวมถึงพบ cannabinoids ในน้ำนมแม่ได้

ข้อควรระวัง : ควรใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาร่วมกับยากล่อมประสาทหรือยาที่ออก

ฤทธิ์ทางจิตอื่นๆ เนื่องจากเสริมฤทธิ์กดประสาท ส่วนกลางหรือเพิ่มผลกระทบทางจิตประสาท

  • ควรใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีประวัติของการใช้สารเสพติดรวมถึงผู้มีประวัติติดสุรา

-     อาจทำให้ง่วงซึม จึงไม่ควรขับขี่ยานพาหนะ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล หรือทำงานที่เสี่ยงอันตราย

- ไม่ควรใช้ ในบุคคลที่อายุต่ำกว่า 25 ปี ยกเว้นในกรณีที่แพทย์พิจารณาแล้วว่าผู้ป่วยได้รับประโยชน์มากกว่าเสี่ยง

- ไม่ควรใช้กัญชาในผู้ป่วยที่มีภาวะการทำงานของตับหรือไตบกพร่องรุนแรง

ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานเพราะอาจเกิดการติดยาได้ นอกจากแพทย์สั่ง

- หากใช้เป็นประจำควรประเมินผลการรักษาเป็นระยะ และควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดใช้ยา เพราะจำเป็นต้องปรับลดขนาดยาลงทีละน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการถอนยา

- ใช้ภายใต้การควบคุมและสั่งจ่ายโดยแพทย์ที่ได้รับการอบรมแล้วเท่านั้น

สารสกัดน้ำมันกัญชาสูตร CBD

 

สารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร CBDขนาดบรรจุ 10 และ 30 มิลลิลิตร (ใน 1 มิลลิลิตรประกอบด้วย CBD 100 มิลลิกรัม)

ข้อบ่งใช้ :              โรคลมชักที่รักษายาก / โรคลมชักที่ดื้อต่อการรักษา (intractable epilepsy)หรือใช้ตามแพทย์สั่ง

วิธีการใช้ยา :        ใช้หยดใต้ลิ้น ในขนาดเริ่มต้น: 1-2 หยด และปรับเพิ่มขนาดช้าๆ ตามคำแนะนำของแพทย์

ข้อห้ามใช้ :           ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่แพ้ CBD หรือส่วนประกอบใดๆ ในตำรับ

ข้อควรระวัง

- หลีกเลี่ยงการใช้กัญชาในสตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร รวมถึงสตรีวัยเจริญพันธุ์ที่มิได้คุมกำเนิดหรือ สตรีที่วางแผนจะตั้งครรภ์

- อาจทำให้ง่วงซึม จึงไม่ควรขับขี่ยานพาหนะ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล หรือทำงานที่เสี่ยงอันตราย

- ไม่ควรใช้กัญชาในผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดสมองที่รุนแรง

- ไม่ควรใช้กัญชาในผู้ป่วยที่มีภาวะการทำงานของตับหรือไตบกพร่องรุนแรง

- ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานเพราะอาจเกิดการติดยาได้ นอกจากแพทย์สั่ง หากใช้เป็นประจำควรประเมินผลการรักษาเป็นระยะ และควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดใช้ยา เพราะจำเป็นต้องปรับลดขนาดยาลงทีละน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการถอนยา

- ควรใช้กัญชาด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาร่วมกับยากล่อมประสาทหรือยาที่ออกฤทธิ์ทางจิตอื่นๆ เนื่องจากเสริมฤทธิ์กดประสาทส่วนกลางหรือเพิ่มผลกระทบทางจิตประสาท

- ควรใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีประวัติของการใช้สารเสพติดรวมถึงผู้มีประวัติติดสุรา

หากมีอาการแพ้ยา เช่น มีผื่น ปากบวม ตาบวม หน้าบวม ให้หยุดใช้ยาและปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

ใช้ภายใต้การควบคุมและสั่งจ่ายโดยแพทย์ที่ได้รับการอบรมแล้วเท่านั้น

สารสกัดน้ำมันกัญชาสูตร THC

 

สารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร THCขนาดบรรจุ 5 มิลลิลิตร(ใน 1 หยดประกอบด้วยสาร THC 0.5 มิลลิกรัม)

ข้อบ่งใช้ :              สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด (chemotherapy induced nausea and vomiting) / ภาวะปวดประสาท (neuropathic pain)หรือใช้ตามแพทย์สั่ง

วิธีการใช้ยา :        ใช้หยดใต้ลิ้น ในขนาดเริ่มต้น: 1-2 หยด และปรับเพิ่มขนาดช้าๆ ตามคำแนะนำของแพทย์

ข้อห้ามใช้ :           ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่แพ้ THC หรือส่วนประกอบใดๆ ในตำรับ

- ไม่ควรใช้ยาสารสกัดกัญชาในผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดสมองที่รุนแรง หรือผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ

- ผู้ที่เป็นโรคจิตมาก่อน หรือมีอาการของโรคอารมณ์แปรปรวน (concurrent active mood disorder) หรือโรควิตกกังวล (anxiety disorder)

- หลีกเลี่ยงการใช้กัญชาในสตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร รวมถึงสตรีวัยเจริญพันธุ์ที่มิได้คุมกำเนิด หรือสตรีที่วางแผนจะตั้งครรภ์เนื่องจากมีรายงาน การศึกษาพบว่ามีทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักตัวน้อย รวมถึงพบ cannabinoids ในน้ำนมแม่ได้

ข้อควรระวัง

- ควรใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาร่วมกับยากล่อมประสาทหรือยาที่ออกฤทธิ์ทางจิตอื่นๆ เนื่องจากเสริมฤทธิ์กดประสาท ส่วนกลางหรือเพิ่มผลกระทบทางจิตประสาท

- ควรใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีประวัติของการใช้สารเสพติดรวมถึงผู้มีประวัติติดสุรา

อาจทำให้ง่วงซึม จึงไม่ควรขับขี่ยานพาหนะ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล หรือทำงานที่เสี่ยงอันตราย

- ไม่ควรใช้ ในบุคคลที่อายุต่ำกว่า 25 ปี ยกเว้นในกรณีที่แพทย์พิจารณาแล้วว่าผู้ป่วยได้รับประโยชน์มากกว่าเสี่ยง

- ไม่ควรใช้กัญชาในผู้ป่วยที่มีภาวะการทำงานของตับหรือไตบกพร่องรุนแรง

- ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานเพราะอาจเกิดการติดยาได้ นอกจากแพทย์สั่ง

- หากใช้เป็นประจำควรประเมินผลการรักษาเป็นระยะ และควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดใช้ยา เพราะจำเป็นต้องปรับลดขนาดยาลงทีละน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการถอนยา

- ใช้ภายใต้การควบคุมและสั่งจ่ายโดยแพทย์ที่ได้รับการอบรมแล้วเท่านั้น

น้ำมันกัญชาตำรับหมอพื้นบ้าน

ผลิตโดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกโดยกำหนดเป็นตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ ที่ให้เสพเพื่อการรักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยได้​พ.ศ. 2562 (ลงวันที่ 29 มีนาคม 2562)เป็นตำรับยาที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตในประเทศภายใต้การรักษาโรค กรณีจำเป็นสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย (Special Access Scheme)เป็นตำรับยาที่ได้รับอนุญาตภายใต้โครงการศึกษาวิจัยที่ได้รับอนุญาต จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

น้ำมันกัญชาสูตร : ตำรับหมอเดชา

 

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกใช้สำหรับผู้ป่วยที่อยู่ในโครงการติดตามผลการใช้น้ำมันกัญชาเท่านั้นห้ามจำหน่าย  (รหัสโครงการวิจัย : 36/2562)

ชื่อผลิตภัณฑ์ : DTAM GANJA OIL (DEJA FORMULA) น้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา)

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกสารสกัดกัญชาในน้ำมันมะพร้าว ความเข้มข้น 10% ของน้ำหนักกัญชาแห้ง

รูปแบบยา : ยาน้ำมัน

สรรพคุณ : ตามคำสั่งของแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนปัจจุบัน

ขนาดและวิธีใช้ : รับประทานขนาด 1 หยด ทางปาก แล้วปรับขนาดใช้ตามคำสั่งของแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนปัจจุบัน

ข้อห้ามใช้ : ห้ามใช้ในผู้ที่มีประวัติแพ้ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการสกัดกัญชาซึ่งอาจเกิดจากส่วนประกอบอื่นๆ (ในผลิตภัณฑ์นี้ มีส่วนผสมของน้ำมันมะพร้าว)

- ห้ามใช้กัญชาที่มีปริมาณสารออกฤทธิ์ THC (delta-9-tetrahydrocannabinol) ในผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ขั้นรุนแรง หรือไม่สามารถคุมอาการได้ เช่น ยังมีอาการกำเริบบ่อยๆ ของการปวดเค้นหน้าอก หัวใจเต้นผิดปกติ ความดันตก เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงหัวใจขาดเลือด รวมถึงห้ามใช้ในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ

- ห้ามใช้กัญชาที่มีปริมาณสารออกฤทธิ์ THC (delta-9-tetrahydrocannabinol) เด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกัญชาที่มีสาร THC ความเข้มข้นสูงในผู้ป่วยที่มีประวัติความผิดปกติทางจิตเวช (เช่น โรคจิต โรคจิตเภท ภาวะวิตกกังวล และความผิดปกติทางอารมณ์) หรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคจิตเภท

- ห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์ สตรีที่ให้นมบุตร รวมถึงสตรีวัยเจริญพันธุ์ ที่มิได้คุมกำเนิดหรือสตรีที่วางแผนจะตั้งครรภ์ เนื่องจากมีรายงานการศึกษา พบว่ามีทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักตัวน้อย รวมถึงพบสารจากกัญชาผ่านในน้ำนมแม่ได้

คำเตือนและข้อควรระวัง

  • ห้ามใช้ในผู้ที่เคยแพ้กัญชา

- อาจทำให้ง่วงซึมจึงไม่ควรขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล หรือทำงานที่เสี่ยงอันตราย

- ไม่ควรใช้กัญชาที่มีปริมาณสารออกฤทธิ์ THC (delta-9-tetrahydrocannabinol) เด่น (higher levels of THC with little if any CBD) ในบุคคลที่อายุต่ำกว่า 25 ปี ยกเว้นในกรณีที่แพทย์พิจารณาแล้วว่าผู้ป่วยได้รับประโยชน์มากกว่าเสี่ยง

- อาจทำให้หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น ความดันโลหิตสูง มึนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน กระวนกระวาย ซึม

- ไม่ควรใช้กัญชาในผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจหรือหลอดเลือดสมองที่รุนแรง เนื่องจากอาจทำให้ความดันเลือดต่ำ บางครั้งอาจทำให้ความดันเลือดสูง เป็นลมหมดสติ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ กล้ามเนื้อหัวใจตายและโรคหลอดเลือดสมอง

- ไม่ควรใช้กัญชาในผู้ป่วยที่มีภาวะการทำงานของตับหรือไตบกพร่องรุนแรง

- ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานเพราะอาจเกิดการติดยาได้ นอกจากแพทย์สั่ง หากใช้เป็นประจำควรประเมินผลการรักษาเป็นระยะและควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดใช้ยา เพราะจำเป็นต้องปรับลดขนาดยาลงทีละน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการถอนยา

- ควรใช้กัญชาด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาร่วมกับยากล่อมประสาท หรือยาที่ออกฤทธิ์ทางจิตอื่นๆ เนื่องจากเสริมฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง หรือเพิ่มผลกระทบทางจิตประสาท

- ควรใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีประวัติของการใช้สารเสพติด รวมถึงผู้มีประวัติติดสุรา

- หากมีอาการแพ้ยา เช่น มีผื่น ปากบวม ตาบวม หน้าบวม ให้หยุดใช้ยาและปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร

- ควรเก็บยาให้พ้นมือเด็ก

- การเก็บรักษา : เก็บที่อุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส และเก็บให้พ้นแสง

- ขนาดบรรจุ : ปริมาตรสุทธิ 5 มิลลิลิตร

- ผลิตโดยกองพัฒนายาแผนไทยและสมุนไพร กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข

แหล่งที่มาข้อมูลและอ้างอิง : คณะกรรมการขับเคลื่อนประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาเพื่อการแพทย์กระทรวงสาธารณสุขถนนติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000E-mail : info@medcannabis.go.th

หมายเหตุ ตอนต่อไปพบกับ 16 ตำรับยากัญชาแผนไทย (ที่นี่ที่เดียว)