Authority & Harm
ชาวตำบลทะเลทรัพย์ชูป้ายคัดค้านโรงโม่ ปธ.สภามึน!หนังสือจว.มา9เดือนเพิ่งรู้
ชุมพร-ชาวบ้านตำบลทะเลทรัพย์ปักป้ายคัดค้านโรงโม่ ด้านประธานสภามึนหนักหนังสือจากจังหวัดมา 9เดือน แต่กลับเพิ่งรู้
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 22 สิงหาคม 2567 กลุ่มชาวบ้านของ 8 หมู่บ้านของตำบลทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร พร้อมด้วยกลุ่มชาวบ้าน ม.12 ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร กว่า 50 คน รวมตัวกันระดมติดป้ายไวนิล จำนวน 10 ป้าย บริเวณริมถนนสายท่าแซะ-ปะทิว และโดยรอบของพื้นที่รอยต่อ หมู่ 4 ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว และ ม.4 ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นพื้นที่แนวเขาสันกำแพง ที่กำลังจะสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านใน 2 อำเภอ หลังจากที่ทาง บ.ภูทองอันดา จำกัด อยู่ระหว่างยื่นหนังสือต่อจังหวัดเพื่อขอสัมปทานทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยข้อความในป้ายไวนิล มีใจความ ชาวทะเลทรัพย์ ไม่เอาโรงโม่หิน
โดยนายกิตติ ผลคิด อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/2 ม.4 ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งเป็นประธานทุเรียนแปลงใหญ่ ต.ทะเลทรัพย์ และนายขจร ศรีภิญโญ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/1 ม.4 ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งมีบ้านและสวนอยู่ใกล้กับพื้นที่แนวเขาสันกำแพง เป้าหมายจะทำโรงโม่หิน เปิดเผยสอดคล้องว่า พื้นที่ ต.ทะเลทรัพย์ แห่งนี้ ชาวบ้านส่วนใหญ่ยึดอาชีพเกษตรกรรม ปลูกสวนผลไม้ เกือบ 100% โดยเฉพาะผลไม้ประเภททุเรียนหมอนทอง ที่ผลผลิตออกสู่ตลาดปีละหว่าง 3 พันล้านบาท เป็นพื้นที่ติดอันดับต้นๆของจังหวัดชุมพร ที่ผลิตทุเรียนคุณภาพส่งออกประเทศจีน
นายกิตติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านประกอบอาชีพและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกันรุ่นปู่ย่าตายาย นับกว่า 100 ปี แต่มาวันนี้กลับมีเหตุการณ์ที่จะสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านหลังจากกลุ่มนายทุน กำลังจะพยายามเข้ามาขอสัมปทานทำโรงโม่หินในพื้นที่ ซึ่งชาวบ้านทุกคนหวั่นเกิดผลกระทบต่อการดำรงชีวิตจึงได้เกิดการรวมตัวช่วยกันทำป้ายไวนิลมาปักริมถนนและเขตโดบรอบของพื้นที่ที่นายทุนจะขอสัมปทานโรงโม่หิน เพื่อแสดงเจตนารมย์ว่า ชาวบ้านทั้งตำบลทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว และ ชาวบ้านของ ม.12 ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ ไม่เอาโรงโม่หินโดยเด็ดขาด
นายกิตติ ยังกล่าวว่า ทุเรียนซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับชาวสวน จะต้องมาล่มสลายหากเกิดโรงโม่หินขึ้นในพื้นที่ ซึ่งยอมรับว่า ทุเรียนเป็นพืชที่อ่อนไหวมาก หากโดนฝุ่นละอองที่ปลิวฟุ้งครอบคลุมไปทั่ว จะคุมใบไม่ให้ทุเรียนสามารถสังเคราะห์แสงได้ดี ก็จะทำให้เหี่ยวและตายไปในที่สุด ประกอบกับพื้นที่ที่ใกล้เคียงเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ชาวบ้านนำไปใช้เพื่อการเกษตรอีกด้วย หากต้นน้ำถูกทำลาย ชาวบ้านจะใช้น้ำจากแหล่งไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 2 ปีที่ผ่านมา จังหวัดชุมพรประสบภัยแล้งอย่างหนัก แต่ชาวบ้านในตำบลทะเลทรัพย์ แห่งนี้ยังโชคดีที่ยังสามารถนำรถมาบรรทุกน้ำจากตรงนี้ไปใช้รดต้นทุเรียนในสวนของตนเองประทั่งความเดือดร้อนได้ในระดับหนึ่ง
นายกิตติ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากกระทบต่อสวนผลไม้แล้ว ถนนหนทางที่ชาวบ้านใช้ในการขนถ่ายพืชผลทางการเกษตรออกสู่ตลาดแล้ว กลับจะต้องมาพังเสียหายหากมีรถบรรทุกหินเข้ามาใช้ถนนในหมู่บ้าน ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชาวบ้าน และยังกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่บริเวณเขาสันกำแพง ไม่ว่า ลิง ละมั้ง เป็นต้นอีกด้วย ดังกล่าวชาวบ้านทุกคนขอประกาศว่า พวกเราไม่เอาโรงโม่หิน อย่างเด็ดขาด ไม่ว่า จะเอาสิ่งจูงใจหรือผลประโยชน์ที่ชุมชนจะได้รับมาโยนให้ก็ตาม
ในขณะเดียวกันทาง นายมานิต เตียงตั้ง อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66/1 ม.6 ต.ทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพร และเป็นประธานสภาเทศบาลตำบลทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว กล่าวว่า ตนเองยอมรับว่าเพิ่งทราบว่ามีหนังสือจากอุตสาหกรรมจังหวัดชุมพร เรื่องคำขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ ที่ 1/2566 ของ บ.ภูทอง อันดา จำกัด เพื่อขอสำรวจแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรม ก่อสร้าง ที่ตำบลทะเลทรัพย์ จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา จึงเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมจึงไม่มีการแจ้งให้ในสมาชิกของสภาได้ทราบกันอย่างทั่วถึง
แต่นี้กลับนิ่งเฉย ไม่ดำเนินการตามขั้นตอน ตั้งแต่แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง /แจ้งประชาชนและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่
นายมานิต กล่าวต่อว่า ในหนังสือนั้นได้ส่งมาตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 มาจนถึงวันนี้ ก็ 9 เดือนเศษแล้ว แต่ทำไมสมาชิกสภาเทศบาลเพิ่งมารู้ ไม่เข้าใจกับทางผู้บริหาร ว่าทำต้องปกปิดทั้งที่เป็นเรื่องของความเดือดร้อนของชาวบ้าน จนวันนี้ชาวบ้านจึงรวมตัวกันออกมาแสดงเจตนารมณ์ว่าขอคัดค้านและไม่เอาโรงโม่ และตนเองพร้อมสมาชิกสภาเทศบาล จำนวน 12 คน จะขอยืนข้างประชาชน หากประชาชนไม่เอาโรงโม่ สมาชิกทุกคนก็ขอยืนอยู่ข้างประชาชน ที่จะไม่เอาโรงโม่ด้วยเช่นกัน เพราะเรามาจากการเลือกตั้งก็ตเองทำหน้าที่ให้ดีสมกับคำว่าตัวแทนของประชาชนให้ดีที่สุด รักษาผลประโยชน์ให้ชุมชนให้มากที่สุดอีกด้วย
นายมานิต ยังกล่าวต่ออีกว่า สำหรับประเด็นเรื่องที่มีชาวบ้านพูดกันว่ามีนักการเมืองและผู้นำท้องถิ่นบางคน ได้รับผลประโยชน์ในการเข้ามาขอสัมปทานโรงโม่ในครั้งนั้น ตนเองก็เชื่อว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการเรียกรับผลประโยชน์เพื่ออำนวยความสะดวก แต่ก็ไม่อยากจะปรักปรำอะไร เพราะเป็นเพียงข่าวที่พูดกันไปทั่วทั้งตำบลทะเลทรัพย์แล้ว และตนเองก็ไม่เชื่อว่าทางโรงโม่นั้นจะเสนอและสนับสนุนเงินและช่วยอื่นๆนั้น เป็นเพียงคำพูดเพื่อให้ได้มาเท่านั้น แต่หลังจากที่ได้ไปแล้ว เชื่อว่าสิ่งที่พูดในวันนั้นก็จะไม่เหมือนในวันนี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากมีโรงโม่เกิดขึ้นในตำบลทะเลทรัพย์ สิ่งที่ตามมาก็คือความเดือดร้อนอย่างแน่นอน