Think In Truth

แล'สังคมไทย'กำลังก้าวเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ ?  โดย: ฟอนต์ สีดำ



หลังจากที่สังคมไทยถูกบ่มเพาะจากหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และการปรับตัวเองจากการถูกเอารัดเอาเปรียบ ด้วยความที่ไม่เข้าใจของความเอื้อเฟื้อของคนไทย ที่มีต่อมวลมนุษยชาติ สังคมภายนอกก็มักจะมองว่า สังคมไทยเป็นสังคมที่ล้าหลัง ไม่เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เป็นสังคมที่สามารถเอาเปรียบได้ง่าย การคืบคลานเข้ามาของโลกแห่งการบริโภคนิยมจึงมาวางเงื่อนไขทางการตลาดและการกอบโกยทรัพยากรในประเทศไทยไปจำนวนมาก แต่นั่นก็ไม่ได้สร้างให้ประเทศไทยต้องจำนนต่อเงื่อนไขของการวางระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเอาเปรียบ มาทำให้ประเทศไทยนั้นต้องพ่ายแพ้และล่มสลาย แต่กลับทำให้ประเทศไทยมีภูมิคุ้มกันสูงขึ้น อีกทั้งยังกลายเป็นวัฒนธรรมที่ครอบงำวิธีคิดของคนที่อยู่ภายนอกวัฒนธรรม ให้เกิดการยอมรับและคล้อยตามไปในที่สุด

พื้นฐานแห่งสังคมไทยเป็นพื้นฐานแห่งสังคมที่มีความศิวิไลซ์ ซึ่งอาจจะมองว่าเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างกว้างและมีความหมายแตกต่างกันไปในแต่ละยุคสมัยและวัฒนธรรม แต่โดยทั่วไปแล้ว สังคมที่ได้รับการยอมรับว่ามีความศิวิไลซ์ มักจะมีลักษณะร่วมกันหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และสิ่งแวดล้อม ดังนี้ครับ

ด้านเศรษฐกิจ

  • ความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ: รายได้และโอกาสทางเศรษฐกิจกระจายอย่างเป็นธรรม ไม่มีความเหลื่อมล้ำจนเกินไป
  • การเติบโตอย่างยั่งยืน: เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
  • นวัตกรรมและเทคโนโลยี: มีการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต
  • ระบบการเงินที่มั่นคง: ระบบการเงินมีความมั่นคงและน่าเชื่อถือ ส่งเสริมการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ด้านสังคม

  • ความเท่าเทียมทางสังคม: ทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ เพศ ศาสนา หรือความเชื่อ
  • ความหลากหลายทางวัฒนธรรม: สังคมเปิดกว้างต่อความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเคารพในความแตกต่าง
  • คุณภาพชีวิตที่ดี: ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสุขภาพที่ดี การศึกษาที่ดี และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอ
  • ความปลอดภัย: สังคมมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และมีระบบกฎหมายที่เป็นธรรม

ด้านการเมือง

  • ประชาธิปไตย: มีการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
  • ธรรมาภิบาล: มีการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้
  • สิทธิมนุษยชน: เคารพในสิทธิมนุษยชนของทุกคน
  • การปกครองตามกฎหมาย: มีกฎหมายที่เป็นธรรมและบังคับใช้ได้อย่างทั่วถึง

ด้านสิ่งแวดล้อม

  • ความยั่งยืน: การพัฒนาที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
  • การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ: มีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
  • การจัดการขยะและมลพิษ: มีระบบการจัดการขยะและมลพิษที่ได้มาตรฐาน

สังคมที่มีความศิวิไลซ์ ไม่ได้หมายถึงสังคมที่เจริญทางวัตถุเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงสังคมที่ประชาชนมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี และสามารถพัฒนาตนเองและสังคมได้อย่างต่อเนื่อง เป็นสังคมที่ทุกคนมีโอกาสได้แสดงศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ และเป็นสังคมที่อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข

ปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้เกิดสังคมที่มีความศิวิไลซ์ ได้แก่

  • การศึกษา: การศึกษาที่มีคุณภาพจะช่วยให้ประชาชนมีความรู้ความสามารถ และสามารถคิดวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างมีเหตุผล
  • ค่านิยม: ค่านิยมที่เอื้อต่อการอยู่ร่วมกันในสังคม เช่น ความเอื้ออาทร การให้เกียรติผู้อื่น และความรับผิดชอบต่อสังคม
  • สถาบันทางสังคม: สถาบันทางสังคมที่เข้มแข็ง เช่น ครอบครัว โรงเรียน ศาสนา จะช่วยเสริมสร้างค่านิยมและพฤติกรรมที่ดีในสังคม

ท้ายที่สุดแล้ว การสร้างสังคมที่มีความศิวิไลซ์เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนเอง

ธรรมาธิปไตย: หลักการปกครองที่ยึดธรรมเป็นใหญ่

ธรรมาธิปไตย คือ หลักการปกครองที่มุ่งเน้นการนำหลักธรรมหรือความถูกต้องมาเป็นหลักในการบริหารจัดการบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจ การออกกฎหมาย หรือการปฏิบัติงานของผู้มีอำนาจทุกระดับ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสังคมที่เป็นธรรม มีความยุติธรรม และมีความสุขร่วมกัน ซึ่งประเทศไทย การปกครองไทย ที่ผ่านการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น เป็นระบบการปกครองที่แตกต่างไปจากการปกครองในระบบประชาธิปไตยในประเทศต่างไปบ้าง และผ่านการปกครองในระบอบนี้มากว่า 90 ปี ผ่านการทำรัฐประหารมาหลายครั้ง ได้เรียนรุ้ถึงสังคมการเมืองที่ผ่านนักการเมืองที่หลากหลายรูปแบบ จนทำให้สังคมไทยตกผลึกทางการเมืองที่จะต้องพัฒนาการเมืองการปกครองไปสู่การปกครองในระบอบ “ธรรมาธิปไตย”

หลักการสำคัญของธรรมาธิปไตย

  • ความถูกต้องและยุติธรรม: การตัดสินใจทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องและยุติธรรม ไม่ลำเอียง ไม่เลือกปฏิบัติ
  • ความโปร่งใส: กระบวนการทำงานทุกขั้นตอนต้องโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม
  • ความรับผิดชอบ: ผู้มีอำนาจต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง และพร้อมที่จะรับผิดหากเกิดความผิดพลาด
  • ความเสมอภาค: ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันต่อหน้ากฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นชนชั้น สังคม หรือฐานะทางเศรษฐกิจ
  • ความเป็นธรรม: การกระจายผลประโยชน์ต้องเป็นไปอย่างเป็นธรรม ไม่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ

ความสำคัญของธรรมาธิปไตย

  • สร้างความเชื่อมั่น: เมื่อประชาชนเห็นว่าการปกครองเป็นไปอย่างโปร่งใสและยุติธรรม ก็จะเกิดความเชื่อมั่นในรัฐบาลและกฎหมาย
  • ลดความขัดแย้ง: การตัดสินใจที่เป็นธรรมจะช่วยลดความขัดแย้งและความไม่สงบในสังคม
  • ส่งเสริมการพัฒนา: เมื่อมีการบริหารจัดการบ้านเมืองอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส ก็จะส่งผลให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน
  • คุ้มครองสิทธิเสรีภาพ: ธรรมาธิปไตยเป็นรากฐานสำคัญในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน

ธรรมาธิปไตยเป็นหลักการปกครองที่สำคัญและจำเป็นสำหรับทุกสังคม การนำหลักธรรมาธิปไตยมาใช้จะช่วยสร้างสังคมที่เป็นธรรม มีความสุข และมีความยั่งยืน

การนำหลักการธรรมาธิปไตยไปวิเคราะห์ต่อการสร้างความศิวิไลซ์ในอนาคต

การนำหลักการธรรมาธิปไตยมาวิเคราะห์เพื่อสร้างความศิวิไลซ์ในอนาคตนั้น เป็นแนวคิดที่น่าสนใจและมีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากธรรมาธิปไตยเป็นระบบการปกครองที่ส่งเสริมความเท่าเทียม ความยุติธรรม และสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของสังคมที่เจริญก้าวหน้า

เหตุผลที่ธรรมาธิปไตยสามารถนำไปสู่ความศิวิไลซ์ได้แก่:

  • การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน: เมื่อประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ จะเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของประเทศและร่วมกันสร้างสรรค์สังคมที่ดีขึ้น
  • การเคารพในสิทธิมนุษยชน: ธรรมาธิปไตยยึดหลักการเคารพในสิทธิมนุษยชน ทำให้เกิดสังคมที่เปิดกว้าง อดทน และมีความหลากหลายทางความคิด
  • การตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ: ระบบการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจจะช่วยป้องกันการใช้อำนาจในทางที่ผิด และส่งเสริมความโปร่งใส
  • การพัฒนาอย่างยั่งยืน: ธรรมาธิปไตยส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมในระยะยาว
  • การแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี: การใช้กระบวนการทางประชาธิปไตยในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งจะช่วยลดความรุนแรงและสร้างสันติสุข

การนำหลักการธรรมาธิปไตยไปใช้เพื่อสร้างความศิวิไลซ์ในอนาคต เราควรพิจารณาในประเด็นต่อไปนี้:

  • การเสริมสร้างการศึกษา: การศึกษาเป็นรากฐานสำคัญของประชาธิปไตย การให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพและกระบวนการทางประชาธิปไตยแก่ประชาชนจะช่วยให้พวกเขามีส่วนร่วมในการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ส่งเสริมสื่อมวลชนอิสระ: สื่อมวลชนอิสระทำหน้าที่ตรวจสอบอำนาจและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน
  • ปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน: การทุจริตคอร์รัปชันเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาประชาธิปไตย การปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจังจึงเป็นสิ่งจำเป็น
  • ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ: ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสูงจะทำให้ประชาชนบางกลุ่มขาดโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรและมีส่วนร่วมทางการเมือง
  • สร้างความสามัคคีในสังคม: การสร้างความสามัคคีในสังคมจะช่วยให้ประชาชนร่วมมือกันแก้ไขปัญหาต่างๆ และพัฒนาประเทศ

ธรรมาธิปไตยเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสังคมที่เจริญก้าวหน้าและมีความสุข แต่การจะประสบความสำเร็จนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และต้องมีการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น การนำหลักการธรรมาธิปไตยไปใช้ในการสร้างความศิวิไลซ์ในอนาคตจึงเป็นแนวทางที่ถูกต้องและเป็นไปได้

ประเทศไทยกำลังจะก้าวสู่สังคมศิวิไลซ์ และกำลังจะก้าวข้ามยุคประชาธิธิปไตยที่เต็มไปด้วความยุ่งเหยิง ที่สังคมอยู่บนพื้นฐานแห่งกิเลส ภายใต้ระบบทุนนิยม ที่สร้างกลไกลทางเศรษฐกิจให้เป็นกับดักในการสร้างหนี้สินให้กับคนในสังคม และมีกฏหมายที่มีตุลาการซึ่งเป็นเครื่องมือของระบอบทุนที่ออกแบบระบบและกลไกของระบบเป็นผู้บังคับใช้ บังคับให้คนในสังคมต้องอยู่ในเงื่อนไขทางกฏหมาย ที่มีหนี้สินเป็นตัวกำหนดบทบาทหน้าที่ของคนในสังคม ซึ่งไม่ได้แตกต่างไปจากระบบทาส

หลังจากที่ประเทศไทยโดยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีศิลป์ ได้ไปร่วมลงนามเข้าร่วมกับกลุ่ม BRICS และได้ประกาศเป้นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการเงินของเอเชียและของโลก พร้อมทั้งเตรียมระบบการเงินของประเทศเปลี่ยนเป็นระบบดิจิตอล เพื่อลดปัญหาการคอร์รัปชั่น และควบคุมพฤติกรรมในการใช้เงินของคนในสังคม เป็นกรอบสำคัญในการขจัดพฤติกรรมที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายในสังคม ในขณะเดียวกัน สังคมได้ใช้เงินเพื่อการสร้างความอุดมสมบูรณ์ เป็นความสัมพันธ์ของคนอย่างมีความสุข ซึ่งเป็นพื้นฐานและปัจจัยสำคัญในการก้าวสู่สังคมธรรมาธิปไตย ที่เป็นคุณลักษณะของสังคมศิวิไลซ์ที่แท้จริง