Authority & Harm

ฝ่ายปกครองเกาะพะงันพร้อมตม.สุราษฏร์ จับร้านสินค้าลักลอบหนีภาษีจากพม่า



สุราษฏร์ธานี-ฝ่ายปกครองอำเภอเกาะพะงันและตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เดินหน้าตรวจสอบจับกุมร้านขายสินค้าลักลอบหนีภาษีจากพม่า หลายรายการมูลค่าหลายหมื่นบาท พบแรงงานต่างผิดกฎหมายและทำงานนอกเหนือสิทธิ

เมื่อวันที่ 11 กันยายน  2567  ภายใต้การอำนวยการของ นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ,พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6 ,พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี นายนพดล ขาวมะลิ นายอำเภอเกาะพะงัน  ได้สั่งการให้ชุดจับกุม ฝ่ายความมั่นคง นำโดย นายอัครพล พูลผล ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง และ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง นำโดย พ.ต.ท.หญิง สงวนทรัพย์ ลาภสนอง ,ร.ต.อ.สิริวัฒน์ สมหวัง ,ตำรวจสภ.เกาะพะงัน ได้ร่วมกันจับกุมตัว  นายศิริเทพ  อายุ 52 ปี ซึ่งแสดงตัวเป็นเจ้าของร้าน ที่ร้านขายของชำ หมู่ที่ 1 ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน จว.สุราษฎร์ พร้อมด้วยของกลาง ซึ่งเป็นสินค้าของประเทศพม่า (ตามรายการของกลางที่ตรวจยึด)จำนวน 36 รายการ


-โดยกล่าวหาว่า “ช่วยจำหน่าย ซื้อ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร, และเมื่อเข้าตรวจสอบในร้านพบ MRS.NI NI AYE และ นางคเย ลูกจ้างคนต่างด้าวทำงานอยู่ภายในร้าน จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้(ขายของหน้าร้าน), รับคนต่างด้าวทำงานโดยที่คนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตทำงาน และให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ฯได้จับกุมตัว  MRS.NI NI AYE อายุ 53 ปี สัญชาติ เมียนมา โดยกล่าวหาว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้(ขายของหน้าร้าน)”และจับกุมตัว นางคเย อายุ 27 ปี สัญชาติ เมียนมา โดยกล่าวหาว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน”

รวมทั้ง ยังได้ร่วมกันจับกุมตัว   นายเมียวเม อายุ 31 ปี สัญชาติเมียนมา ที่บริเวณริมถนนสายโรงพยาบาลเกาะพะงัน-หินกอง ม.4 ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จากการตรวจสอบพบว่า ไม่มีเอกสารประจำตัวใดๆ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต 

จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมหลักฐานส่งพนักงานสอบสวนสภ.เกาะพะงัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป