In Bangkok
กทม.ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตสร้างสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์
กรุงเทพฯ-นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการภายหลังศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างสะพาน ค.ส.ล. ข้ามคลองมหาสวัสดิ์ เขตตลิ่งชันว่า สนย. ได้พิจารณาคำพิพากษาดังกล่าวพบว่า มีประเด็นการพิจารณาข้อกฎหมายที่ไม่เห็นพ้องด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลาง ดังนี้ (1) ประเด็นกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน เนื่องจากแม้คลองมหาสวัสดิ์จะมีลักษณะเป็นโบราณสถาน ตามบทนิยามศัพท์ในมาตรา 4 แต่ในมาตรา 7 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โบราณสถาน โบราณวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 กำหนดเพื่อประโยชน์ในการดูแลรักษาและการควบคุมโบราณสถาน ให้อธิบดีมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษาขึ้นทะเบียนโบราณสถานใด ๆ ตามที่อธิบดีเห็นสมควรได้ และมาตรา 7 ทวิ กำหนดห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้างอาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการก่อสร้างอาคารภายในเขตของโบราณสถาน ซึ่งอธิบดีได้ประกาศขึ้นทะเบียน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดี ดังนั้น การขึ้นทะเบียนโบราณสถานเป็นหลักการสำคัญของกฎหมายในอันที่จะคุ้มครองควบคุมดูแลรักษาโบราณสถาน ทั้งนี้ คลองมหาสวัสดิ์มิได้มีการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานตามมาตรา 7 ซึ่งประชาชนและหน่วยงานราชการโดยทั่วไปมิอาจรู้ได้ว่า สถานที่แห่งใดบ้างที่เป็นโบราณสถานที่ถูกห้ามมิให้ก่อสร้างอาคารตามกฎหมายควบคุมอาคาร
(2) ประเด็นกฎหมายว่าด้วยทางหลวง เนื่องจากมาตรา 6 พ.ร.บ. ทางหลวง พ.ศ. 2535 กำหนดให้ทางหลวงมี 5 ประเภท คือ (1) ทางหลวงพิเศษ (2) ทางหลวงแผ่นดิน (3) ทางหลวงชนบท (4) ทางหลวงท้องถิ่น และ (5) ทางหลวงสัมปทาน โดยมาตรา 10 กำหนดทางหลวงท้องถิ่นคือ ทางหลวงที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ขยาย บูรณะ และบำรุงรักษา ซึ่งได้ลงทะเบียนไว้เป็นทางหลวงท้องถิ่น ทั้งนี้ สะพาน ค.ส.ล. ข้ามคลองมหาสวัสดิ์เป็นการก่อสร้างสะพานโดยเอกชน ภายใต้การขออนุญาตก่อสร้างตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร เมื่อดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ จึงยกให้เป็นสาธารณะ โดยยังมิได้ขึ้นทะเบียนเป็นทางหลวงจึงไม่ใช่ทางหลวงตาม พ.ร.บ.ทางหลวงฯ สอดคล้องกับคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ อ.919-920/2560 ที่ได้วางแนวทางการพิจารณาว่า ถนนใดจะเป็นทางหลวงหรือไม่ นอกจากจะมีลักษณะตามที่กำหนดไว้ในบทนิยามคำศัพท์ มาตรา 4 แล้วยังต้องมีการลงทะเบียนทางหลวงประเภทต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนดด้วย และเมื่อสะพานดังกล่าวไม่ใช่ทางหลวง จึงมิได้อยู่ในข้อกำหนดที่ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)
ทั้งนี้ สนย. ได้ยื่นอุทธรณ์ในประเด็นที่คลาดเคลื่อนดังกล่าวต่อศาลปกครองสูงสุด ตามคดีหมายเลขดำที่ อ.26/2567 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด จึงเป็นกรณีต้องห้ามตามมาตรา 70 แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองและวิธีการพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ซึ่งบัญญัติให้กรณีที่มีการอุทธรณ์ให้รอการบังคับคดีไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด ดังนั้น จึงยังมิอาจดำเนินการใด ๆ ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารได้ จนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะได้มีคำพิพากษา