Digitel Tech & Innovation

ManageEngine!เปิดตัวแพลตฟอร์ม อัจฉริยะยกระดับIT Operations



กรุงเทพฯ ประเทศไทย -25 กันยายน 2567 ManageEngine ซึ่งเป็นหน่วยงานในบริษัท Zoho Corporation และเป็นผู้ให้บริการenterprise IT management solutions ชั้นนำ ได้ประกาศยกระดับ IT analytics ระดับเรือธงอย่าง Analytics Plus เวอร์ชัน 6.0 โดยนำเสนอ Spotlight ซึ่งเป็นเอนจินประเภท Contextual Recommendations ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ออกแบบมาเพื่อค้นหาจุดอ่อนในการดำเนินงานด้านไอที และสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการแก้ปัญหาได้

จากรายงาน State of Analytics Engineering ประจำปี 2566 ผู้อำนวยการบริษัทต่าง ๆ เกือบ 50% ชี้ว่าระยะเวลาในการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของธุรกิจนั้น เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดย Spotlight สามารถช่วยให้ IT manager และ CIO ลดเวลาการวิเคราะห์เมตริกของไอที และช่วยหาแนวทางแก้ไขช่องโหว่ในโครงสร้างของการดำเนินงาน นอกจากนี้ Analytics Plus ยังผสานรวมความสามารถของระบบวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ทำให้สามารถตัดสินใจในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น โดยพยายามปิดช่องโหว่ของซอฟต์แวร์วิเคราะห์แบบเดิม

Analytics Plus สามารถวิเคราะห์ความเชื่อมโยง age IT asset  ความถี่ของการล้มเหลว และค่าเฉลี่ยของเวลาในการซ่อมแซม(MTTR) อีกทั้งยังช่วยแนะนำเวลาที่เหมาะสมที่สุด ในการเปลี่ยนแปลง asset replacement โดยจะอ้างอิงจากพารามิเตอร์ดังกล่าวองค์กรจึงไม่จำเป็นต้องกำจัดสินทรัพย์ก่อนกำหนด ทำให้สูญเสียมูลค่าที่ยังใช้งานได้ หรือเก็บรักษาไว้นานเกินไป ซึ่งจะส่งผลกระทบในแง่ลบ ต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ด้วยเหตุนี้การเปิดตัว Spotlight ManageEngine จึงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการยกระดับ IT operations ด้วยโซลูชัน intelligent และ data-driven

คุณ Samantha Hall ผู้จัดการฝ่าย Service Delivery ที่ Leathams Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทจัดจำหน่ายอาหารในสหราชอาณาจักรกล่าวว่า“แม้ว่าเครื่องมือวิเคราะห์แบบเดิม จะทำหน้าที่ได้ดีในเรื่องการสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลประเภทต่าง ๆ  แต่เครื่องมือดังกล่าวมักจะไม่เข้าใจบริบทที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่กำลังวิเคราะห์อยู่อย่างแท้จริง นอกจากนี้การที่องค์กรได้รับข้อมูลเชิงลึก ที่เป็นประโยชน์และมีความเฉพาะเจาะจง ตรงตามแต่ละสถานการณ์นั้นกลายเป็นเรื่องท้าทายมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไม่มีการเชื่อมโยงที่ดีพอกล่าวคือ นักวิเคราะห์มีทักษะในการขุดค้นข้อมูลหรือทำ Data Mining แต่อาจจะขาดความใจในเรื่องไอที ทำให้ประสบปัญหาในการนำผลลัพธ์ที่ได้ ไปใช้ในการตัดสินใจเพื่อการดำเนินงานในธุรกิจ” 

Analytics Plus ที่มาพร้อมกับ AI ในตัว ที่ได้ตั้งโปรแกรมมาให้ศึกษากระบวนการทั่วไปด้านไอที รวมถึงระบุวิธีการแก้ปัญหาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ดังนั้น Spotlight จึงทำหน้าที่เหมือนผู้ช่วยที่คอยตรวจสอบปัญหาคอขวด หรือการดำเนินงานที่ไม่มีประสิทธิภาพอีกทั้งยังให้คำแนะนำเพื่อแก้ไขข้อขัดข้อง องค์กรจึงสามารถใช้ Analytics Plus แก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลในการทำงานมากขึ้น เพราะเข้าใจถึงบริบทด้านไอทีและใช้ประโยชน์จากความสามารถของ AI ได้ดียิ่งขึ้น

คุณ Rakesh Jayaprakash ตำแหน่ง Product manager และ Chief Analytics Evangelist แห่ง ManageEngine กล่าวว่า "องค์กรไม่ต้องเสียเวลาหลายชั่วโมงทำ Data Mining เพื่อหาข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้งานได้อีกต่อไป องค์กรต่างต้องการกลยุทธ์สำเร็จรูปที่สามารถนำไปใช้ได้ทันทีเพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือมากมายในตลาดที่อ้างว่าสามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติ แก้ไขปัญหาเครือข่ายและแอปพลิเคชันในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่แทบไม่ได้ให้ความสำคัญกับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เลย ซึ่ง Spotlight สามารถปิดช่องว่างนี้ได้"

Root Cause Analysis 

การตัดสินใจอย่างรวดเร็วเป็นแค่ส่วนหนึ่งในกระบวนการทั้งหมดเท่านั้น IT manager และ CIO ยังต้องนำสิ่งที่ตนได้ตัดสินใจมาลองทำBacktest เพื่อให้แน่ใจว่ากลยุทธ์หรือโมเดลใหม่ ๆ จะสามารถบรรลุผลได้ตามที่ต้องการ นอกเหนือจาก decision intelligence capabilities แล้ว ManageEngine ยังมีฟีเจอร์ Root Cause Analysis ที่วิเคราะห์หาต้นเหตุ ซึ่งจะช่วยระบุปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อเทรนด์ใดเทรนด์หนึ่งได้โดยอัตโนมัติ  IT manager และ CIO จึงสามารถใช้ฟีเจอร์นี้ยืนยันได้ว่าการเปลี่ยนแปลงหรือการตัดสินใจนั้น เป็นไปในทิศทางที่ดีหรือไม่

ตัวอย่างเช่น หากนำเครื่องมือมาใช้ auto-remediation เพื่อการกู้ network L1 ฟีเจอร์ Root Cause Analysis จะตรวจสอบข้อมูลและพบว่าการที่ปัญหาเครือข่าย L1 ลดลงนั้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เวลาการทำงานดีขึ้น โดยระบุว่าการลดลงนี้เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เครือข่ายมีประสิทธิภาพดีขึ้น

No-Code Auto-ML สำหรับ Deep Analysis

ทีมไอทีสามารถใช้ Analytics Plus เวอร์ชันใหม่สร้างโมเดลแมชชีนเลิร์นนิ่ง (ML) ได้ตามความต้องการโดยไม่ต้องเขียนโค้ดแม้สักตัวเดียว โดยปกติแล้ว การพัฒนาและใช้งานโมเดล ML จะทำได้เฉพาะผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่แพลตฟอร์ม ML แบบไม่ต้องเขียนโค้ดของAnalytics Plus จะช่วยให้ผู้ใช้งานทั่วไปเข้าถึงกระบวนการนี้ได้ง่ายมากขึ้น โดยผู้จัดการไอทีสามารถพัฒนาโมเดล ML ได้โดยตรงจากข้อมูลที่ตนรู้จัก

IT managers สามารถใช้ความสามารถที่กล่าวมาสร้างโมเดล ML สำหรับการคาดการณ์และการจำแนกประเภท เช่น โมเดลคาดการณ์เพื่อหาความน่าจะเป็นของจำนวน ticket ที่เพิ่มขึ้นโดยอิงจากปัจจัยต่าง ๆ หรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้สามารถพัฒนาโมเดลเฉพาะ ที่มีความแม่นยำสูง เนื่องจากโมเดลสร้างขึ้นจากข้อมูลเฉพาะขององค์กร และได้รับการตรวจสอบโดยบุคลากรที่ใช้ข้อมูลดังกล่าวเป็นประจำทุกวัน

Unified IT Metrics Library

Analytics Plus ทำหน้าที่เป็น command center การตัดสินใจสำหรับไอทีโดยวิเคราะห์ข้อมูลไอทีทั้งหมดได้ตามแต่ละสถานการณ์องค์กรจึงสามารถสร้างความเชื่อมโยงเมตริกและสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องพึ่งพากัน  Analytics Plus เวอร์ชัน 6.0 มาพร้อมกับ Unified IT Metrics Library ซึ่งแสดงรายการ KPI ทั้งหมดจากโครงสร้างทางไอทีทั้งหมดในมุมมองเดียว ทำหน้าที่เสมือนสารบัญของเมตริกทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ค้นหาและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ง่ายขึ้น ทำลายไซโลที่เกิดขึ้นจากเครื่องมือไอทีต่าง ๆ และยังเป็นแหล่งข้อมูลเดียวเพื่อให้ไอทีทุกทีมสามารถติดตามดูทุกเมตริกได้

คุณ Jayaprakash กล่าวว่า “IT data analysis แบบเดิม มักถูกจำกัดอยู่ในเครื่องมือแต่ละชิ้น เช่น เวลาในการแก้ไข incident จะจำกัดอยู่ที่ ITSM ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของเวลาในการซ่อมแซม (MTTR) จะจำกัดอยู่ที่ี่IT operations management ซึ่งทำให้ขาดการเชื่อมโยงกัน และองค์กรจะมองไม่เห็นภาพรวมทั้งหมดของ IT infrastructure ดังนั้นองค์กรจะสามารถปลดล็อกคุณค่าที่สำคัญได้ต้องใช้การวิเคราะห์เมตริกทั้งหมดร่วมกันในแพลตฟอร์มที่รวมทุกอย่างไว้ในที่เดียว” 

Unified IT Metrics Library  ช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลได้ทั่งถึงมากขึ้น ด้วยการแบ่งประเภทของ KPI โดย technicians สามารถทำการวิเคราะห์ได้ ซึ่ง KPI ดังกล่าวยังสามารถนำไปใช้ในงาน IT ด้านอื่น ๆ เพื่อการผสานรวมได้ตามแต่ละสถานการณ์ วิธีการที่ครอบคลุมเช่นนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลและช่วยให้เมตริกที่เกี่ยวข้องทั้งหมด สามารถเข้าถึงและจัดการได้อย่างง่ายดายอีกทั้งยังมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว

นอกเหนือจากฟีเจอร์หลักแล้ว Analytics Plus เวอร์ชัน 6.0 ยังมีการยกระดับประสิทธิภาพอีกมากมาย เช่น multivariate forecastingแผนภูมิ Workflow ระบบสนับสนุนการประมวลผลแบบกระจายตัว (on-premises) และการผสานรวมแบบใหม่มากกว่า 10 รายการที่มาพร้อมกับเครื่องมือไอทียอดนิยม