Authority & Harm

อดีตสจ.เมากร่างทะเลาะกับสาวคนสนิท พาลโต๊ะข้างกระชากเด็กหัวกระแทกพื้น



สิงห์บุรี -อดีต สจ. เมากร่าง ทะเลาะกับสาวคนสนิทและพาลคนที่มากินข้าวโต๊ะข้างเคียง กระชากหัวเด็กพัฒนาการช้าวัย 4 ขวบ เหวี่ยงกระเด็นหัวกระแทกพื้น (มีกล้องวงจรปิด)

ผู้สื่อข่าวฯ ได้รับคลิปจากพลเมืองดีเป็นคลิปเหตุการณ์ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองสิงห์บุรี โดยในคลิปเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 23 กันยายน 2567 เวลา 22.20 น. โดย จะเห็นผู้หญิงรูปร่างอ้วนท้วม ไม่สูงมาก ตัดผมสั้นคล้ายทอม ทราบชื่อภายหลัง น.ส.กฤชตญาณัฐ เยี่ยมบุญชัย อายุ 63 ปี อดีตสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสิงห์บุรี (อดีต สจ.ยีนส์) ใส่เสื้อสีดำ กางเกงขาสั้นนั่งรับประทานอาหารอยู่หัวโต๊ะ โดยมีลักษณะมึนเมาคล้ายดื่มแอลกอฮอล์ และมีผู้หญิงสองคนอยู่ร่วมโต๊ะด้วย ซักพัก น.ส.ยีนส์ ได้ยกถังน้ำแข็งเหมือนจะสาดใส่ผู้หญิงที่ใส่เสื้อเชิ๊ตสีเหลือง กางเกงขายาวสีดำ ทราบชื่อภายหลังคือ น.ส.พรทิพย์ อมรรุ่งเรืองชัย (นายกเจี๊ยบ) อายุประมาณ 52 ปี นายก องค์การบริหารส่วนตำบลม่วงหมู่ ซึ่งเป็นเพื่อนสาวคนสนิทของ น.ส.ยีนส์ ขณะที่ นายกเจี๊ยบ ได้ลุกขึ้นยืน น.ส.ยีนส์ ที่ยืนอยู่ ได้ผลักไหล่ นายกเจี๊ยบ จนล้มลง โดย น.ส.ยีนส์ ได้พูดว่า “มึงเงียบปากไปเลย ไม่งั้นจะโดนมีด” และมีคนในร้านได้มาห้าม น.ส.ยีนส์ ได้บอกว่า “อย่าเพิ่งมาห้าม ให้กูด่าก่อน” จากนั้น นายกเจี๊ยบ ได้เดินเข้าห้องน้ำไป สักพัก น.ส.ยีนส์ ได้ตะโกนเสียงดังว่า “มองหน้าทำไม” เนื่องจากโต๊ะที่อยู่เยื้องไปประกอบด้วย สามี-ภรรยา พร้อมกับลูกเล็ก 2 คน อายุ 4 ปี กับ 3 ปี ที่ได้มานั่งทานอาหารโต๊ะข้างเคียง โดยภรรยา ทราบชื่อภายหลัง คือ น.ส.ปวิตรา จุ๋ยจุ้ย หรือ น้องโฟม อายุ 23 ปี ได้หันมามอง จากนั้นไม่นาน นายนัท อายุ 25 ปี ผู้เป็นสามี ได้ลุกขึ้นเดินมาถาม น.ส.ยีนส์ ว่า

“พี่ว่าอะไรเมียผมหรือเปล่า” พนักงานในร้านได้พากันเข้ามาห้ามเพราะกลัวเกิดเรื่องราว โดย น.ส.ยีนส์ ได้บอกว่า “ไม่เกี่ยว มึงกินโต๊ะมึง มาเกี่ยวอะไรกับกู” ขณะนั้น น้องโฟม ก็ได้พยายามมาดึงสามีกลับที่โต๊ะ และ นายนัทก็ถามซ้ำว่า “พี่ว่าอะไรเมียผม” น.ส.ยีนส์ ก็ตอบว่า “มึงถามเมียมึงซิ” หลังจากนั้นก็เกิดการทะเลาะกัน คนในร้านก็พยายามห้ามบอกว่า “อย่าทะเลาะกัน หนูขายอาหารยาก” น.ส.ยีนส์ ตอบว่า “ไม่ต้องขายแม่งมัน จะสักกี่บาทกัน” นายนัท ได้กลับมานั่งที่โต๊ะเหมือนเดิมและเรียกเช็คค่าอาหาร ในขณะนั้น นายกเจี๊ยบ เดินไปที่โต๊ะของ นายนัท ลักษณะจะไปไกล่เกลี่ยให้ใจเย็นๆ แต่ก็ยังได้ยิน เสียง น.ส.ยีนส์ ตะโกนขู่ว่า “บ้านมึงอยู่ไหน” และตะโกนด่าคำหยาบคายตลอดเวลา และขอกุญแจรถจาก นายกเจี๊ยบ บอกว่า “กูจะตามมันไป เอามา ถ้าไม่เอามาเดี๋ยวจะทุบรถมันเลย มึงลูกใคร” และมีการทะเลาะกับ นายกเจี๊ยบ อย่างรุนแรง 

สักพัก น.ส.ยีนส์ ได้เดินมาที่โต๊ะของ นายนัท ขว้างบุหรี่ลงพื้น และเดินอ้อมหลัง นายนัท พร้อมกับจะหยิบขวดเตรียมจะฟาด โดย นายนัท ซึ่งนั่งโอบลูกชายคนเล็กอยู่ ได้หันมาพอดี และได้เกิดการผลักกันไปยังที่ถนนโดยมีคนมาช่วยจับแยกจากกัน ในขณะนั้นเอง น้องนิวตั้น อายุ 4 ขวบ เป็นลูกชายคนโต ของ นายนัท กับ น้องโฟม ซึ่งเป็นเด็กที่มีพัฒนาการด้านสมองช้ากว่าเด็กวัยเดียวกัน ได้วิ่งไปดูเหตุการณ์ จังหวะนั้น น.ส.ยีนส์ หันมาเห็นก็วิ่งไปกระชากศีรษะ น้องนิวตั้น และเหวี่ยงลงกับพื้นทำให้ศีรษะและร่างกาย น้องนิวตั้น กระแทกกับพื้นอย่างแรง นายนัท เห็นดังนั้น ก็ตะโกน “ลูกกูๆๆๆ” พร้อมวิ่งใส่ น.ส.ยีนส์ และต่อยตีกัน พร้อมถาม “มึงทำอะไรลูกกู มึงทำลูกกูทำไมๆ” ส่วนคนรอบข้าง และน้องโฟมก็ได้มาจับแยกพร้อมทั้งรีบพาครอบครัวตัวเองขึ้นรถและไปแจ้งความที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองสิงห์บุรี

ผู้สื่อข่าวได้ตามไปสัมภาษณ์ น.ส.ปวิตรา จุ๋ยจุ้ย หรือ น้องโฟม อายุ 23 ปี อยู่เขตพื้นที่ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ซึ่ง น้องโฟม ได้เล่าให้ฟังว่า “ตนและสามี คือ นายนัท เป็นชาวบ้านธรรมดา ทำงานรับจ้างทั่วไป ที่ไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องกับใครเลย วันเกิดเหตุนั้น ได้ไปทานข้าวที่ร้านอาหารดังกล่าวเป็นประจำกับครอบครัว ประกอบไปด้วยตน สามี และลูกชาย 2 คน โดยลูกชายคนโตของตนนั้นเป็นเด็กพัฒนาการด้านสมองช้ากว่าเด็กวัยเดียวกัน และ นายนัท สามีเป็นคนที่รักครอบครัวมาก ขณะเกิดเหตุตนได้ยินเสียงคนทะเลาะกันเสียงดังจึงหันไปดู พอดีกับจังหวะที่ผู้หญิงผมสั้นใส่เสื้อสีดำนั้นหันมาเห็น และตะโกนเสียงดังใส่ตนว่า “มองหน้าทำไม” หนูก็ยกมือไหว้ขอโทษ และบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ และหนูได้ยินคนในร้านบอกว่า “ไม่เอาน่ะ สจ. หนูขอ” ซึ่งหนูก็ไม่รู้ว่าเขาเป็น สจ.ที่ไหน สักพักก็มีพี่ผู้หญิงที่ใส่เสื้อสีเหลืองเดินมาหาที่โต๊ะและมาบอกว่าขอโทษด้วย พี่เขาเมา หนูก็บอกว่า ไม่เป็นไรค่ะ หนูก็ขอโทษด้วยที่หันไปมอง ซึ่งหนูไม่ได้ตั้งใจจะมอง  พอพี่ผู้หญิงเดินกลับไปที่โต๊ะสักพัก ผู้หญิงใส่เสื้อสีดำ ก็มายืนว่าโต๊ะหนูกลางร้าน และเดินมาทางข้างหลังแฟนหนูและหยิบขวดจะมาตีแฟนหนู และก็เกิดการชุลมุนเกิดขึ้น หนูก็ไปห้ามแฟนหนู คนในร้านและพี่ผู้หญิงก็มาดึงผู้หญิงใส่เสื้อสีดำ และลูกหนูคนโตได้วิ่งไปดู คงเพราะไม่อยากเห็นคนทะเลาะกัน และกำลังจะวิ่งกลับไปที่โต๊ะ ทางคู่กรณีที่ใส่เสื้อสีดำก็วิ่งไปดึงหัวลูกหนูและเหวี่ยงลูกหนูลงพื้นอย่างแรง แฟนหนูเห็นดังนั้นจึงเกิดความโมโหวิ่งเข้าไปต่อยตีกับเขาพร้อมกับถามว่า ทำลูกกูทำไมๆ หนูก็เข้าไปห้ามบอกว่า พอแล้วๆ และพากันไปแจ้งความที่ทำร้ายลูกหนู ลูกหนูเมื่อมาถึงบ้านก่อนนอน ก็บอกว่า ปวดหัวๆ นอนไม่หลับ หนูเลยพาลูกไปโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลเบื้องต้นหลังจากที่ตรวจแล้วบอกว่าให้กลับไปดูอาการที่บ้านก่อน ถ้ามีอาการผิดปกติให้พามาที่โรงพยาบาล พอกลับมาที่บ้านอีกรอบ น้องก็พูดแต่ว่า พี่เขาทำหนู พี่คนใจร้ายผลักนิวตั้น พอเช้า ลูกหนูอาเจียน 3 ครั้ง หนูก็พาลูกไปตรวจที่โรงพยาบาลอีก และได้เอ็กซเรย์สมอง ไม่พบอาการผิดปกติอะไร พอกลับมาบ้าน ลูกหนูก็จะมีอาการผวา พูดย้ำไปย้ำมาว่าพี่เขาใจร้ายทำหนูๆ และพอนึกได้อีกก็พูดอีก หนูก็ได้แต่ปลอบลูก ซึ่งหนูก็อยากให้เขาโดนดำเนินคดีให้ถึงที่สุด”

ด้าน พ.ต.อ.ปฏิกรณ์  หาญหัตถกิจ ผกก.สภ.เมืองสิงห์บุรี จ.สิงห์บุรี ได้กล่าวว่า “หลังจากที่ได้รับทราบเรื่องคือ วันที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา ได้มีคุณแม่ของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเป็นเด็กชาย อายุ 4 ขวบ ได้มาร้องทุกข์แจ้งความว่า ขณะที่เมื่อคืนวันที่ 23 กันยายน 2567 ได้ไปทานอาหารกับครอบครัวที่ร้านอาหาร ได้มี อดีต สจ. ได้เข้ามาเอะอะโวยวาย และมีเหตุการณ์ต่อสู้กันตามคลิปกล้องวงจรปิดที่เห็น จึงได้มาแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย ในเบื้องต้นเราได้ส่งตัวเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี เพื่อที่จะได้รู้ว่าเด็กได้รับบาดเจ็บขนาดไหน ทางเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการตามกฎหมายได้ ในส่วนของคดีได้ให้พนักงานสอบสวนในพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและได้ดำเนินการให้ตรวจสอบรายละเอียดของคดีตลอดจนผู้เกี่ยวข้องให้เป็นพยานที่เห็นเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุ เพื่อให้พนักงานสอบสวนได้สอบสวนปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไปครับ”

จินตนา  ปานมี  ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สิงห์บุรี