Authority & Harm
ภาค7แถลงจับขบวนการลักเสาสัญญาณ ค่ายมือถือพบเสียหายแล้ว22ล้านบาท
นครปฐม-ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 นำทีมชุดคลี่คลายคดี ผู้บริหารค่ายมือถือดัง แถลงผลการติดตามรวบแก๊งคนร้าย ลักลอบโจรกรรมเสาสัญญาณมือถือ มีการก่อเหตุหลายพื้นที่โดยตอนนี้ พบความเสียหายไม่น้อยกว่า 22 ล้านบาทและยังมีอีกที่กำลังติดตามข้อมูล ซึ่งประชาชนที่สงสัยพบความผิดปกติ ให้แจ้งเบาะแสให้กับตำรวจตรวสอบ
วันที่ 7 ตุลาคม 67 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วย รองผู้บัญการตำรวจภูธรภาค 7 แถลงผลการจับกุมแก๊งลักอุปกรณ์เสาสัญญาณโทรศัพท์ เครือข่ายทรูมูฟ-ดีแทค ในพื้นที่ ตํารวจภูธรภาค 7
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เผยว่า ในห้วงเดือน สิงหาคม ถึง กันยายน 2567 ตํารวจภูธรภาค 7 ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายก่อเหตุลักอุปกรณ์เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ เช่น Baseband Controller อุปกรณ์กระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ต เป็นต้น ซึ่งเป็นของผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์เครือข่ายทรูมูฟ – ดีแทค ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี 11 แห่ง และ จังหวัดกาญจนบุรี 4 แห่ง ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อระบบโทรคมนาคม ซึ่งส่งผลกระทบให้ประชาชน ในพื้นที่ผู้ใช้บริการเครือข่ายดังกล่าวได้รับความเดือดร้อนในการติดต่อสื่อสาร
ต่อมา เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2567 ภ.จว.ราชบุรี ได้ทําการสืบสวนจับกุมผู้ก่อเหตุ จํานวน 2 ราย คือ
1.นายวัชรพล หรือ มอส อายุ 30 ปี ภูมิลําเนา อ.สวี จว.ชุมพร ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทําความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป ปัจจุบันประกอบอาชีพ เป็นผู้รับจ้างเหมางานจากบริษัทผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ และเป็นผู้ครอบครอง พร้อมของกลาง รถยนต์กระบะ ที่ใช้ในการก่อเหตุ ซึ่งตรวจสอบประวัติพบว่า มีประวัติคดีอาญา ดังนี้ ข้อหา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ของ สภ.สวี จว.ชุมพร ข้อหา พรากเด็กอายุไม่เกิน15 ปี ของ สภ.สวี จว.ชุมพร และ ข้อหา ครองครองยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ของ สภ.บ้านในหูต จว.ชุมพร
ผู้บัญชาการตำรวจ ภูธรภาค 7 กล่าวต่อว่า ในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประสานการติดตามข้อมูล ในส่วนของ อ.บางบัวทอง จว.นนทบุรี สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ 2.นายสามารถ หรือ มาด อายุ 34 ปี ภูมิลําเนา อ.เมืองกาญจนบุรี จว.กาญจนบุรี ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทําความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป เคยมีประวัติคดีอาญา ข้อหา ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ของ สภ.ลาดหญ้า จว.กาญจนบุรีโดยนายวัชรพลฯ ได้นําอุปกรณ์ฯ ที่ลักมานําไปขายให้กับผู้รับซื้อ ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ที่บ้านพัก ต.บางบัวทอง
ซึ่งในห้วงเดือน กันยายน ถึง ตุลาคม 2567 ได้เกิดเหตุลักอุปกรณ์เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ ของผู้ให้บริการสัญญาณ โทรศัพท์เครือข่ายทรูมูฟ – ดีแทค ในพื้นที่ จว.นครปฐม จํานวน 9 แห่ง โดยเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2567 ภ.จว.นครปฐม ได้สืบสวนจับกุมผู้ก่อเหตุ จํานวน 2 ราย คือ
นายณฐพัฒน์ หรือพัฒน์ อายุ 21 ปี ภูมิลําเนา อ.กระทุ่มแบน จว.สมุทรสาคร ปัจจุบันประกอบอาชีพเกี่ยวกับการรับจ้างติดตั้ง และรื้อถอนเสาสัญญาณโทรศัพท์ข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทําความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป
ไม่เคยต้องโทษคดีอาญามาก่อนและน.ส.รติมา หรือเจน อายุ 24 ปี ภูมิลําเนา อ.ดอนตูม จว.นครปฐม ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทําความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป เป็นผู้ครอบครองรถยนต์เก๋งที่ใช้ในการก่อเหตุ ไม่เคยต้องโทษคดีอาญามาก่อน
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวต่อไปว่า ผู้ต้องหาคือนายณฐพัฒน์ฯ ได้นําอุปกรณ์ฯ ที่ลักมานําไปขายให้กับ นายพงษ์พัฒน์ หรือไอ ที่ประกาศรับซื้ออุปกรณ์ฯ ดังกล่าว ผ่านทาง Facebook และได้นําส่งอุปกรณ์ฯ ให้กับนายพงษ์พัฒน์ฯ ผ่านทางบริษัทขนส่งสินค้าเอกชน
โดยเมื่อเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2567 ฝ่ายสืบสวน ตํารวจภูธรภาค 7 ร่วมกับ ตํารวจภูธรภาค 3 ได้สืบสวนขยายผลจับกุมผู้ต้องหา จํานวน 1 ราย คือ นายพงษ์พัฒน์ หรือไอ อายุ 35 ปี ภูมิลําเนา อ.ห้วยแถลง จว.นครราชสีมาเคยประกอบอาชีพเป็น วิศวกรของบริษัทอุปกรณ์สื่อสารข้อหา รับของโจร ไม่เคยต้องโทษคดีอาญามาก่อน
โดยทําการตรวจค้นบ้านพัก และ IOSFarm ของนายพงษ์พัฒน์ฯ พบอุปกรณ์เสาสัญญาณโทรศัพท์ และอุปกรณ์อื่นๆ จํานวนทั้งสิ้น 23 รายการ ซึ่งมีอุปกรณ์ฯ ที่ถูกลักมาจากในพื้นที่ จว.นครปฐม จํานวน 2 รายการ ในส่วนอุปกรณ์ฯ รายการอื่น อยู่ระหว่าง การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่บริษัทผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ ซึ่งอุปกรณ์ฯ ที่นายพงษ์พัฒน์ฯ รับซื้อจะนําส่งไปขายต่อยังผู้รับซื้อต่างประเทศ โดยตอนนี้ สรุปการดําเนินการคดีลักอุปกรณ์เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ ในพื้นที่ตํารวจภูธรภาค 7 สามารถ จับกุมได้ 24 คดี ผู้ต้องหา 5 คน ได้ของกลาง รวมทั้งสิ้น 43 รายการ จํานวน 357 ชิ้น โดยมี มูลค่าของกลางที่ตรวจยึด ราคาประมาณ 22,500,000 บาท
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่าตอนนี้ทางตำรวจภธูธรภาค 7 กล่าววสรุปว่า สำหรับรูปคดีตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เร่งติดตามไล่ล่าขวบนการนี้อยู่ซึ่งมีปลายทางที่ต่างประเทศ และยังไม่พบว่าจะเป็นกลุ่่มของคอลเซ็นต์เตอร์ หรือเชื่อมโยงกับเหตุการณ์อื่น แต่ทางตำรวจมีข้อมูลอยู่พอสมควรแล้วแต่ไม่สามารถที่จะให้ข้อมูลได้ เพราะจะเสียรูปคดี ซึ่ง ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในการใช้สัญญาณโทรศัพท์และ สัญญาณอินเตอร์เน็ต จึงได้ให้คําแนะนํากับบริษัทผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ เรื่องแนวทางการป้องกันเหตุ และการเพิ่มมาตรการรักษา ความปลอดภัยจุดติดตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์ เช่น เพิ่มระบบป้องกัน การติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อเป็นประโยชน์ในการสืบสวนจับกุมผู้กระทําผิด เมื่อเกิดเหตุ และเป็นพยานหลักฐานในการดําเนินคดีต่อไป