Travel Sport & Soft Power
เปิดตำราลับความมั่งคั่ง:สำรวจกลยุทธ์การ เงินชั้นเซียนของผู้มีกำลังซื้อสูง
กรุงเทพฯประเทศไทย – 11ตุลาคม 2567 –มาสเตอร์การ์ดเปิดเผยว่า73% ของผู้บริโภคกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมักนิยมบริหารจัดการเงินของตนเองอย่างชาญฉลาด โดย 48% ใช้เทคนิค Financial Gymnastics หรือการใช้กลยุทธ์การเงินขั้นสูงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุดผู้บริโภคเหล่านี้จัดอยู่ในกลุ่ม 10% ของครัวเรือนที่มีรายได้สูงสุดของประเทศ มีเทคนิคการจัดการวิธีการชำระเงินที่หลากหลายวางแผนการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ และอาศัยข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น การค้นคว้าด้วยตัวเองหรือการบอกต่อแบบปากต่อปาก นอกจากนี้พวกเขายังสามารถบริหารจัดการตัวเลือกการชำระเงินต่างๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต บัตรเติมเงิน ฯลฯ โดยวางแผนการใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละธุรกรรม เช่น พวกเขาเลือกใช้บัตรเครดิตสำหรับการเดินทางและใช้บัตรเดบิตสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ผู้บริโภคกลุ่มนี้พยายามจัดการสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์ของพวกเขาให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเลือกใช้ธุรกรรมแบบต่างๆ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ความสะดวกสบาย หรือเลือกเก็บออมเพื่อสร้างมรดกให้ลูกหลาน
ทุ่มสุดกำลังเพื่อผลตอบแทนที่ดีที่สุด
จากผลการศึกษาของมาสเตอร์การ์ดที่ได้ทำการสำรวจผู้บริโภคจำนวน 29,536 คนใน 23 ตลาดทั่วโลก(รวมถึงผู้ที่มีกำลังซื้อสูงในออสเตรเลียฮ่องกงและอินเดีย) พบว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้แสวงหาวิธีการต่างๆเพื่อบริหารเงินในกระเป๋าอย่างชาญฉลาดที่สุดการเลือกชำระเงินอย่างรอบคอบช่วยให้พวกเขาพบตัวเลือกที่ฉลาดที่สุดในการทำธุรกรรมทั้งยังได้รับคะแนนสะสมรางวัลและส่วนลดอีกมากมายความใส่ใจเกี่ยวกับการเลือกชำระเงินของพวกเขายังสะท้อนถึงวิธีที่ผู้มีกำลังซื้อสูงมองหาประโยชน์สูงสุดจากสถาบันการเงินโดย 69% ของผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงทั่วโลกเชื่อว่าพวกเขาสามารถหาประโยชน์จากข้อเสนอของผู้ให้บริการทางการเงินได้สิทธิประโยชน์เหล่านี้รวมไปถึงการรับเงินคืนจากการซื้อสินค้าหรือส่วนลดสำหรับการรับประทานอาหารและความบันเทิง
ผลการศึกษายังพบว่าผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงมีแนวทางในการจัดการเงินที่รอบคอบเพื่อรักษาสถานะและความสะดวกสบายในชีวิตพวกเขาเลือกวิธีการชำระเงินโดยคำนึงถึงความสะดวกเป็นหลักแต่ก็ไม่ได้ละเลยเรื่องความปลอดภัยวิธีการชำระเงินที่ได้รับการยอมรับมีความน่าเชื่อถือพกพาสะดวกรวดเร็วและมีความปลอดภัยสูงจึงเป็นตัวเลือกแรกๆสำหรับพวกเขาสิ่งที่น่าสังเกตคือนอกจากปัจจัยด้านการใช้งานแล้วพวกเขายังต้องการความรู้สึกที่ได้รับการยอมรับและเห็นคุณค่าพวกเขาจึงเลือกวิธีการชำระเงินที่ตอบสนองต่อความรู้สึกทางอารมณ์นี้โดยบัตรเครดิตมักเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูงสุด
บัตรเครดิตยังคงเป็นที่นิยมอันดับหนึ่งของผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงด้วยเหตุผลสำคัญดังนี้: โดย 47% ระบุว่าสิทธิประโยชน์ต่างๆเช่นการได้เงินคืนไมล์สะสมจากสายการบินและคะแนนสะสมจากการช้อปปิ้งมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในการใช้จ่ายขณะที่ 31% เลือกใช้บัตรเครดิตเพราะรู้สึกว่าทำให้ตัวเองมีคุณค่าและ 27% นิยมใช้บัตรเครดิตเพราะมีการคุ้มครองการซื้อสินค้าเมื่อสำรวจภายในกระเป๋าสตางค์ของผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงพบว่าพวกเขามีบัตรเครดิตมากกว่าผู้บริโภคทั่วไป (เฉลี่ย 2.1 ใบต่อ 1.7 ใบ) และมีวิธีการชำระเงินที่หลากหลายกว่า (เฉลี่ย 6 วิธีต่อ 5 วิธี) ในขณะที่ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงในเอเชียแปซิฟิกมีวิธีการชำระเงินเฉลี่ยมากถึง 7.5 วิธีต่อคนนี่แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับการได้รับสิทธิประโยชน์ของกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงที่มากกว่ากลุ่มผู้บริโภคอื่นๆ
ในทางตรงกันข้าม ผู้บริโภคทั่วไปมักเลือกใช้บัตรเดบิตเป็นวิธีการชำระเงินหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้สำหรับซื้อสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ความนิยมในการใช้บัตรเดบิตเห็นได้อย่างชัดเจนในออสเตรเลีย (83% ใช้บัตรเดบิต เทียบกับ 58% ใช้บัตรเครดิต) และอินเดีย (85% ใช้บัตรเดบิต เทียบกับ 64% ใช้บัตรเครดิต) ในขณะที่ฮ่องกงมีแนวโน้มใช้บัตรเครดิตมากกว่า (79% ใช้บัตรเครดิต เทียบกับ 42% ใช้บัตรเดบิต)
“ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงมักมีความรอบรู้ในการเลือกและใช้เครื่องมือการชำระเงิน พวกเขาวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบถึงวิธีและเวลาที่จะใช้วิธีการชำระเงินแต่ละแบบเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด แนวทางที่มีความตั้งใจและความใส่ใจนี้สะท้อนถึงแนวคิดทัศนคติที่มุ่งเน้นการเติบโตและความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเอง ที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้แสดงออกในทุกด้านของชีวิต ทั้งด้านอาชีพการงาน สุขภาพและความเป็นอยู่ งานอดิเรก และการเรียนรู้” นายสันดีป มัลโฮทรา รองประธานบริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มาสเตอร์การ์ด กล่าว “และแม้ความทะเยอทะยานจะเป็นลักษณะสำคัญของผู้มีฐานะทางการเงินหรือผู้มีกำลังซื้อสูงมาโดยตลอด แต่ความแตกต่างคือทุกวันนี้พวกเขาทำงานเพื่อใช้ชีวิต ไม่ใช่ใช้ชีวิตเพื่อทำงานอย่างเดียว สิ่งนี้ซึ่งแสดงให้เห็นถึงค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม สถาบันการเงินที่ให้บริการผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้ดีที่สุด คือสถาบันที่สามารถเข้าใจค่านิยมสำคัญเหล่านี้และหาวิธีที่มีคุณค่าเพื่อสนับสนุนการพัฒนาทางการเงิน อาชีพ และการดำเนินชีวิตส่วนตัวของลูกค้า” นายสันดีปกล่าวเสริม
เพื่อเน้นย้ำประเด็นดังกล่าวการศึกษายังพบได้ระบุว่าแม้ 30% ของผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงทั่วโลกจะให้ความสำคัญกับความก้าวหน้าในอาชีพการงานแต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายที่สำคัญที่สุดขณะที่การก้าวหน้าในหน้าที่การงานเป็นกุญแจสำคัญของผู้มีฐานะทางการเงิน 30% ทั่วโลกแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดเพราะ 52% ยังระบุว่าเป้าหมายส่วนบุคคลสูงสุดในอีกห้าปีข้างหน้าของพวกเขาคือการเดินทางไปต่างประเทศให้มากขึ้นและในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีความแตกต่างตามพื้นที่เกิดขึ้นชัดเจนเช่นในออสเตรเลียผู้ที่มีฐานะมีกำลังซื้อสูงในออสเตรเลียให้ความสำคัญกับการเดินทาง (58%) มากกว่าการทำงาน (19%) ขณะที่ผู้มีฐานะในอินเดียให้ความสำคัญกับทั้งสองอย่าง (48% การทำงาน, 56% การเดินทาง) ส่วนในฮ่องกงมีอัตรากลางๆอยู่ในระดับกลางโดยคือ 30% ให้ความสำคัญกบมุ่งเน้นเรื่องการทำงานและ 40% ให้ความสำคัญกับการเดินทาง
ยอมรับความเสี่ยงเพื่อผลตอบแทนที่สูงกว่า
เพื่อพัฒนาสถานะทางการเงินของตนเองผู้ที่มีกำลังซื้อสูงทั่วโลกมักจะยอมรับวิธีการชำระเงินใหม่ๆอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาค้นพบวิธีที่สร้างสรรค์ในการสร้างความมั่งคั่งการศึกษาพบว่า 45% ของผู้ที่มีกำลังซื้อสูงยินดีรับความเสี่ยงมากกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปที่ 65% เลือกที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนอกจากนี้ 38% ของผู้ที่มีกำลังซื้อสูงยังเป็นผู้นำด้านการใช้นวัตกรรมทางการเงินหรือฟินเทค (fintech) ใหม่ๆในขณะที่ผู้บริโภคทั่วไปมีเพียง 25% เท่านั้นผู้ที่มีกำลังซื้อสูงมักใช้นวัตกรรมฟินเทคก่อนที่จะกลายเป็นกระแสและกระตือรือร้นโซลูชันใหม่ๆที่ฟินเทคนำเสนอเช่นการชำระเงินผ่านมือถือและกระเป๋าเงินดิจิทัล (digital wallets)
อย่างไรก็ดีแม้ว่ากลุ่มผู้ที่มีกำลังซื้อสูงจะเปิดรับการทดลองใช้นวัตกรรมฟินเทคมากกว่าแต่เมื่อมีวิธีการชำระเงินใหม่เพิ่มเข้ามาในกระเป๋าสตางค์พวกเขาแล้วพวกเขามักให้ความสำคัญกับปัจจัยเรื่องเวลาและคาดหวังว่ากระบวนการเริ่มใช้งานนั้นง่ายและราบรื่นบัตรใหม่ต้องตั้งค่าได้อย่างรวดเร็วผ่านระบบดิจิทัลมีขั้นตอนน้อยและสามารถเชื่อมโยงกับบัญชีอื่นๆได้ง่ายจากรายงานพบว่า 45% ของผู้บริโภคกลุ่มนี้ยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพื่อประหยัดเวลาในขณะที่มีเพียง 37% ของผู้บริโภคทั่วไปที่ยินดีทำเช่นนั้น
การวางแผนล่วงหน้าเพื่อสร้างมรดก
ท้ายที่สุดการศึกษาของมาสเตอร์การ์ดยังพบว่า59% ของกลุ่มผู้ที่มีกำลังซื้อสูงให้ความสำคัญกับประสบการณ์มากกว่าทรัพย์สินเมื่อพวกเขาสร้างฐานะการเงินที่มั่นคงและครอบคลุมค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้วพวกเขามักมองหาการใช้ชีวิตที่ตอบโจทย์มากยิ่งขึ้นเช่นการรับประทานอาหารนอกบ้านเสพความบันเทิงและมองหาการท่องเที่ยวเมื่อได้รับความสะดวกสบายและความมั่นคงแล้วผู้บริโภคกลุ่มนี้จะมุ่งให้ความสำคัญไปที่ครอบครัวการเติมเต็มความสุขในชีวิตและการใช้เงินอย่างมีจุดมุ่งหมายเกิดเป็นวิสัยทัศน์ระยะยาวโดยปรารถนาที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความหมายและมีจุดมุ่งหมาย
เป้าหมายระยะยาวสูงสุดของพวกเขามักจะเกี่ยวข้องกับการทิ้งมรดกไว้ให้คนที่พวกเขารักกลุ่มผู้ที่มีกำลังซื้อสูงมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับการออมเพื่อเป็นมรดกมากกว่าคนทั่วไปถึง 1.3 เท่าและมีเป้าหมายทางการเงินเพื่อสร้างมรดกไว้ให้กับคนรุ่นหลังมากกว่า 1.4 เท่าและนอกเหนือจากบุคคลใกล้ตัวผู้มีฐานะดียังมีเป้าหมายที่จะทำให้โลกหรือชุมชนของพวกเขาเป็นสถานที่ที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม