Authority & Harm
พี่สาวทอมคนละแม่คว้ามีจ้วงน้องชายดับ อ้างพ่อรักน้องมากกว่าแถมชิงสร้อยอีก
นครปฐม-ตำรวจควบคุมตัวสาวทอมมือมีดก่อเหตุแทงน้องชายต่างมารดาดับชิงสร้อยคอทองคำและพระเลี่ยมทองติดมือ เจ้าตัวสารภาพแค้นที่พ่อให้ความรักน้องชายมากกว่า วันเกิดเหตุมีการเจรจาขอทรัพย์สินแต่ผู้ตายไม่ให้และเกิดมีปากเสียงกันจึงได้ใช้อาวุธมีดกระหน่ำแทงไปหลายครั้งโดยพยายามจะพาไปส่งโรงพยาบาล ไม่คิดน้องชายจะเสียชีวิต จากนั้นได้ตัดสินใจไปกบดานที่ห้องเช่าในจังหวัดอยุธยาซึ่งตำรวจได้ตามรวบตัวในที่สุด พ่อสุดสะเทือนใจพี่สาวแทงน้องตัวเอง ส่วนแม่ค้าร้านอาหารตามสั่งที่มหาวิทยาลัยเผยสนิทกันกับผู้ตายตกใจกับเหตุการณ์เพราะนิสัยดีรักครอบครัวและขยันทำงาน
จากกรณีเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ร.ต.อ.สถาพร ดวงสี พนักงานสอบสวน ได้รับแจ้งเหตุชายถูกอาวุธมีดแทงบริเวณริมถนนทัพยายท้าว พื้นที่ ม.5 ต.หนองปากโลง อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม โดยในที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บอยู่ภายในรถยนต์ฟอร์จูเนอร์ หมายเลขทะเบียน 5 ขต 1748 กทม ในท่านั่งทางเบาะคนขับ โดยร่องรอยบาดแผลที่บริเวณศรีษะ หน้าอก หน้าแข้ง ข้อพับ และหลายแห่งทั่วร่างกาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ได้ทำCPRเบื้องต้นพบว่าผู้บาดเจ็บยังไม่รู้สึกตัวและรีบนำตัวส่ง โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ทราบชื่อผู้บาดเจ็บ นายครรชิต (ไอซ์) เรณูแย้ม อายุ 23 ปี ซึ่งทนบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยผู้ก่อเหตุทราบว่าคือ น.ส.กัลยกร เรณูแย้ม(บุ๋ม) ซึ่งเป็นพี่สาวต่างมารดาโดยได้หลบหนีไปหลังจากก่อเหตุ และได้ชิงทรัพย์เป็น ชิงสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทพร้อมพระเลี่ยมทอง 2 องค์ไปด้วย
ล่าสุด วันนี้ 15 ตุลาคม 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 7 และสืบสวนภูธรจังหวัดนครปฐม สืบสวนภูธรเมืองนคปฐม ได้ติดตามจับกุมตัวได้ที่ ตำบลคานหาม อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธา ซึ่งน.ส.กัลยกร เรณูแย้ม(บุ๋ม) ได้หลบหนีไปที่ห้องเช่าที่อาศัยอยู่ประจำ โดยเบื้องต้น ทราบว่าน.ส.กัลยกร (บุ๋ม) และนายครรชิต (ไอซ์) เป็นพี่น้องกัน แต่ต่างมารดา ซึ่งน.ส.กัลยกร (บุ๋ม) เป็นบุตรของภรรยาคนแรกส่วนนายครรชิต (นิว) เป็นบุตรที่เกิดจากภรรยาคนล่าสุด ซึ่งสาเหตุน่าจะเกิดจากการชิงทรัพย์ไป เนื่องจาก น.ส.กัลยกร (บุ๋ม) มักจะมาขอเงินจากพ่อแต่น่าจะไม่พอใช้จึงได้โทรเรียกให้ นายครรชิต (นิว) ออกไปพบและมีการชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีดก่อเหตุ
ต่อมาผู้ข่าวได้เดินทางไปที่บ้านพัก เลขที่ ม.5 ต.หนองปากโลง อ.เมืองนครปฐม ซึ่งเปิดกิจการ โต๊ะจีน ชื่อ นิวครรชิตโภชนา โดยได้มีการจัดงานพิธีศพให้กับ นายครรชิต (ไอซ์) เรณูแย้ม อายุ 23 ปี เจ้าของกิจการ ซึ่งนาย ศริพร เรณูแย้ม อายุ 60 ปี พ่อผู้เสียชีวิตได้เชิญญาติและคนในครอบครัวรวมถึงคนที่รักใคร่ได้เดินทางมาช่วยกันจัดสถานที่ด้วยความโศกเศร้าจากการจากไปอย่างกระทันหัน
นาย ศริพร เรณูแย้ม อายุ 60 ปี พ่อผู้เสียชีวิต บอกว่า บอกว่า ผมไม่รู้ตอนเหตุเกิดผมรู้มาตอนเหตุเกิดแล้วครับผมขับรถจากทำโต๊ะจีนมีคนบอกว่าลูกถูกแทงจึงรีบไปหาลูกพบลูกนั่งที่รถจึงถามลูกว่าใครทําลูกตอบว่าพี่บุ๋มจะมาเอาทองหนูพี่บุ๋มจะมาทองหนูแค่นั้นแหละแล้วทางเจ้าหน้าที่อาสารีบนำตัวไปส่งโรงบาลแล้ว
ด้านผู้เป็นพ่อบอกอีกว่าน้องเนี่ยคือตอนออกไปวันที่เกิดเหตุในซอยเนี้ยเลยแล้วน้องออกไปทําไมคือพี่มันล่อออกไปพี่มันคือพี่ไม่เข้าบ้านมันหลอกน้องไปนู่นก็จะเอาไปเอาเงินเอาทองของน้องชายแล้ว
ที่พ่อผู้ตายขับรถกลับไปทําโต๊ะมาถึงหน้าบ้านเนี่ยเขาบอกว่าน้องโดนแทงที่ตรงนี้ผมก็เลยขับไปเลยขับไปดูขับไปดูเลยครับเจอน้องผมก็เลยถามว่าใครทําลูกเขาบอกมันบอกว่าพี่บุ๋มทําพี่บุ๋มจะเอาทองจะเอาทองหนูเจ้าหน้าที่มูลนิธิมูลนิธิมาก็รีบเข้าช่วยเหลือเบื้องต้นรีบนำส่งโรงพยาบาลเพราะอาการหนักแล้ว
ส่วนนาง ชุติกาจน์ แสงเพ็ญ อายุ 48 ปี แม่ค้าขายข้าวแกงอาหารป่า อาหารตามสั่ง หลังราชภัฏนครปฐม คนสนิทที่ผู้ตายให้ความเคารพ บอกว่าที่ผู้เสียชีวิตเป็นเด็กดีมากตั้งแต่ปี 1 พาเพื่อนมากินข้าวที่ร้านประจำปีหน้าก็จะรับปริญญาเรียน คณะวิทยาการจัดการราชภัฏนครปฐมเจอใครก็ทักก็ไหว้เป็นนิสัยดีอัธยาศัยดีเป็นคนเจอใครก็จะทักทายพี่เป็นแม่ค้าอยู่กับน้องมานานเจอที่ตลาดไปช่วยแม่ชื้อของเอามาทำโต๊ะจีน ตี2-3 เจอก็ยกมือไหว้ชอบนิสัยดี มีน้ำใจ พอตอนเย็นจะชื้อกับข้าวไปฝากแม่น้องเป็นคนรักพ่อรักแม่ส่วนตัวพี่เองก็ชอบ มีคนรู้จักบอกว่าไอช์โดนแทงเรารู้สึกเสียใจเสียดายน้องอนาคตไกลกำลังจะไปได้สวยปีหน้าจับปริญญาอยู่แล้วพี่รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้
ต่อมาเวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรเมืองนครปฐม ได้ควบคุมตัวน.ส.กัลยกร (บุ๋ม) มือสังหารน้องชายไป ชี้จุดที่นำของกลางเป็นเสื้อทิ้งในพื้นที่เกิดเหตุ จากนั้นได้นำตัวและรถจักรยานยนต์รวมถึงของกลางทั้งหมดกลับมาทำการสอบสวนที่ สภ. เมืองนครปฐม ซึ่งมีญาติติดตามมาด้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับฆ่าคนตายโดยเจตนาไว้ก่อน หากจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมจะอยู่ในชั้นของการสอบสวนเบื้องต้นอีกครั้งหนึ่ง