Think In Truth

คำทำนายอนาคตของชาติที่มองจากอดีต สู่อนาคต  โดย: ฟอนต์ สีดำ



                               คำทำนายที่เคยมีช้านานนัก               เริ่มประจักษ์ให้เห็นเร็นไม่ได้

                หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยทำนาย           เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามา

                ประเทศชาติจะรุ่งเรืองและ เพื่องฟุ้ง              น้ำมันผุดขึ้นมาจนเห็นค่า

                พวกกาขาวจะบินรี้หนีเข้ามา             เป็นประชาจนเต็มพระนคร

                                ชนทั่วโลกจะยกทระองค์ท่าน           ชื่อกระฉ่อนร่อนทั่วทุกสิงธร 

                ออกพระนามลือชื่อดั่งทินกร            องค์อมร เอกบุรุษแห่งแผ่นดิน

                ขาวประชาจะปิติยิ้มสดใส แต่อกไหม้หนอนกินข้างในสิ้น

                จะมีพวกกาฝากคอยกัดกิน เพื่อให้ได้สิ่งถวิลสมจินนา

                                จะมีการต่อตีกันกลาง เมือง               ขุนนาง เชื่องกังฉินกินทั่วหล้า

                คอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา           ประดุจปลวกกินฝานั้นปะไร

                ข้าราชการตงงฉินถูกประนาม          สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้

                เกิดวิกฤติผิดเพี้ยนโดยทั่วไป             โกลาหลหม่นไหม้ไร้ความดี

                                ประชาชีสับสนเรื่องดีชั่ว   ถ้วนทุกทั่วจะหมุดขุรูหนี

                ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี เกรงเป็นผีดายตตกไปตามกัน

                พุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ                มิตร เคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญ

                เกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน        พายุลั่นน้ำถล่มดินทลาย

                                ผ่นดินยกแตกเป็นสองปกครองยาก           เกิดวิบากทุกข์เข็นระส่ำระสาย

                เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย         เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน

                ข้าเป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช     ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น

                ทั้งพฤฌาอาจารย์ลือระบิล จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม

                                ความระทจะถมทับนับเทวศ          ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม

                คนที่ดีจะกล้มหน้าสุระหม             ส่วนคนชั่วหัวร่อร่าทำท่าดัง

                จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว        ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง

                ผู้ปกครองจะ เป็นหญิงพึงระวัง       สายน้ำหลังกรากเชี่ยวหวาเสียวใจ

                                ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม                 หลังฝนครามลั่นครืนจะยืนได้

                จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป                    เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา

                คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น           แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา

                ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ

                                                                                                บทประพันธ์คำทำนายอนาคตของชาติ : ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

นี่เป็นบทประพันธ์คำทำนายอนาคตจากพระอาจารย์เกจิท่านหนึ่ง ท่านหลวงพ่อลิงดำหรือพระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) ..4 หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป็นพระภิกษุเถรวาทฝ่ายมหานิกาย อดีตเจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) จังหวัดอุทัยธานี เป็นเจ้าของคำสวดพระคาถาเงินล้านที่โด่ง ที่ทำให้ชาวพุทธได้สวดกันทั่วประเทศ ซึ่งในบทสวดคาถาเงินล้านที่สวดกัน มีความหมายดังนี้

สัมปจิตฉามิ (มีจิตยึดมั่นดีแล้วไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดๆ)

นาสังสิโม พรหมา จะ มหาเทวา (องค์พระพรหมและทวยเทพทั้งหลาย คือส่วนมากพระพรหมจะอุปฐากพระพุทธเจ้าใกล้ชิด)

สัพเพยักขา(ยักษ์ทั้งหลายหรือสิ่งไม่ดีทั้งหลาย) ปะรายันติ (แพ้พ่ายไป)
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา(ขอจงให้ลาภเป็นผลใหญ่) ภะวันตุเม (แก่ข้าพเจ้าเทอญ)
มหาปุญโญ(ขอมอบบุญใหญ่) มหาลาโภ(ลาภใหญ่)

ภะวันตุ เม  มิเตพาหุหะติ(ปัดภัยจากสิ่งอมงคลทั้งหลายให้ออกไป)
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ(พระสัมพุทธเจ้าทั้งหลายและพระพุทธเจ้า 5 พระองค์)

วิระทะโย(ผู้ชนะไม่สั่งสมเงินและทอง) วิระโคนายัง(ผู้ชนะไม่สั่งสมโคและกระบือหรือปศุสัตว์ทั้งหลาย)

วิระหิงสา(ผู้ชนะความเบียดเบียนตน เบียนผู้อื่น เบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่น)

วิระทาสี (ผู้ชนะไม่รับทาสชาย) วิระทาสา(ผู้ชนะไม่รับทาสหญิง)

วิระอิตถิโย(ผู้ชนะสละอิสตรีทั้งหลายคือออกจากกามได้แล้ว) พุทธัสสะ มานีมามะ(ขอให้มั่งให้มี)

พุทธัสสะ สวาโหม (เสกเป่าเพื่อเป็นมงคล)  สัมปติฉามิ  เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ (ให้เร็วๆไวๆ)

จากบทสวดพระคาถาเงินล้านของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ มีความหมายที่ลึกซึ้งที่เป็นปรัชญา แนวคิดในการสร้างทรัพย์ ที่เป็นอริยะทรัพย์ให้เป็นสมบัติของบุคคล ที่จะเป็นปัจจัยในการเกิดทรัพย์อย่างไม่จำกัด ซึ่งนัยแห่งการเกิดทรัพย์ ผู้ที่จะได้ทรัพย์มาเป้นสมบัติของตนนั้น จะต้องฝึกตนให้เกิดอริยะทรัพย์ที่เป็นสมบัติพฤติกรรมและบุคคลิกภาพ ที่คนทั่วไปก็จะเข้าใจถ้ารเาบอกว่า “ถ้าไม่แสดงออกถึงความอยากได้ จะมีโอกาสที่จะได้มาเป็นเจ้าของ” ถ้าไม่ลุ่มหลงอยู่ในกามซึ่งหมายถึง “ความอยากได้ ใคร่มี” ก็มักจะได้ในสิ่งนั้น

ความล้ำลึก และตรรกะแห่งพระคาถา เป็นการแสดงออกถึงภูมิปัญญาที่สูงส่ง ที่เขาใจหลักการแห่งธรรมชาติของการแลกเปลี่ยนทรัพย์ของสรรพสิ่งที่อยู่บนโลกโดยแท้ ถ้าจะเอาทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ของ อดัม สมิธ มาวิเคราะห์ ถึงความสัมพันธ์ของอุปสงค์กับอุปทานหรือ Demand & Supply ก็จะสามารถสรุปออกมาได้ว่า ถ้าเรารู้สึกอยากได้มาก นั่นคือ Demand สูง ผู้มีสิ่งที่เราอยากได้ ก็มักจะสร้างราคาด้วยการสร้าง Supply ให้น้อยลง เพื่อให้ได้ราคาสูง มันเป็นธรรมดาของหลักทางด้านเศรษฐศาสตร์นั่นเอง

ดังนั้นจากบทประพันธ์ที่เป็นคำทำนายอนาคตของประเทศไทยของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป็นคำทำนายที่มาจากผู้ทรงปัญญาที่มีความสามารถในการวิเคราะห์และสังเคราะห์อย่างมีเหตุผลตามหลักพยากรณ์ศาสตร์ ที่อาศัยข้อมูลในหลายมิติ มาประกอบ ไม่ว่ามิติทางกายภาพ และทางจิตวิทยา ที่เป็นปัจจัยต่อความรู้สึกนึกคิดของคนในสังคม ให้ได้แสดงออกในแต่ละช่วงของเวลา ที่จะทำให้คนในสังคมได้รับรู้ รับประสบการณ์และปรับตัวในแต่ละยุคแต่ละสมัย ที่จะเกิดปรากฏการณ์ต่างๆ

คำทำนายอนาคตของชาติไทย ถูกทำนายมานานแล้ว ซึ่งบทประพันธ์คำทำนายนี้ ก็น่าจะมีอายุมากกว่าสามสิปี แล้ว ถ้าจะย้อนกลับไปพิจารณา และถอดแต่ละบทมาตีความ เราจะพบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย้อนหลังกลับไปสามสิบปี มันสอดคล้องกับคำทำนายนี้มาก

ถึงแม้นคนทั่วไปจะมองว่าเป็นเพียงความบังเอิญ หรือมองว่างมงายก็ตาม แต่ผู้เขียนเองได้วิเคราะห์จากบทคาถาเงินล้าน ที่ถูกประพันธ์ขึ้นมาจากบุคคลคนเดียวกันแล้ว นี่เป็นคำทำนายที่มาจากผู้ทรงปัญญาโดยแท้ ที่ทำนายออกจากความเมตตาที่บริสุทธิ์ ที่หวังว่าคนในสังคมจะได้เข้าใจถึงสถานการณ์ และอดทนอยู่กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น เพื่อรอสังคมจะก้าวสู่ยุคศิวิไลซ์ อย่างเข้าใจกับปัจจัยที่เกิดขึ้นในอดีต ที่จะส่งผลถึงอานาคต

ในการตีความในบทประพันธ์คำทำนายอนาคตของชาติไทย ของหลวงพ่อลิงดำนั้น ผู้เขียนจะขออนุญาตไม่ตีความในรายละเอียด เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ตีความเอง เพื่อให้ปราศจากการชี้นำของผู้เขียนไว้ก่อน แต่ผู้เขียนก็อยากจะชี้แนะวิธีตีความในคำทำนายนี้ ควรต้องมีวิธีอย่างไร วิธีในการตีความบทประพันธ์คำทำนายอนาคตของชาติไทย ควรต้องทำอย่างไร

1. อ่านบทประพันธ์คำทำนายหลายๆ รอบ อย่างเข้าใจ เรียงลำดับเหตุการณ์ว่าในบทประพันธ์คำทำนายนี้ มีเหตุการณ์อะไรบ้าง

2. นำเหตุการณ์ต่างๆ มาย้อนคิดว่า แต่ละเหตุการณ์มีใครเกี่ยวข้อง เกี่ยวข้องอย่างไร?...คนที่เกี่ยวข้องได้กระทำอะไรต่อบ้านเมืองในเหตุการณ์นั้น สอดคล้องกับหลักคุณธรรม จริยธรรม อย่างไร?

3. นำสิ่งที่เกิดขึ้นมาทบทวน วิเคราะห์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วง มีผลเกิดขึ้นตามมาคืออะไร?....ในแต่ละช่วง คนในสังคมได้เรียนรู้อะไร??....และตกผลึกในเรื่องได??....ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วง มีความสัมพันธ์กันอย่างไร???...

4. สุรปประเด็นว่าปัจจุบันเป็นอย่างนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับอดีต เราจึงเอาความสัมพันธ์ และเหตุการณืต่างๆ มาหาข้อสรุปว่า สถานกาณ์การปัจจุบันนั้นเป็นอย่างไร??...ความรู้สึกนึกคิดของคนในสังคมในปัจจุบันเป็นอย่างไร และความต้องการของคนในสังคมส่วนใหญ่อย่างเป็นอย่างไร??....

5. เอาความรู้สึกและความต้องการของคนในสังคมอยากให้เป็นในอนาคตมาวิเคราะห์ โดยวิเคราะห์ถึงความสัมพนธ์ระหว่างความรู้สึกและความต้องการอยากให้เป็นในอนคตว่าเป็นอย่างไร มีความสัมพันกับพฤติกรรมและการแสดงออกของคนในสังคมอย่างไร??.....เราจึงจะสรุปได้ว่า อนาคตของประเทศไทยเป็นอย่างไร

จากกระบวนการวิธีทางการคิดวิเคราะห์ดังกล่าว เราจะพบว่า ประเทศไทยกำลังจะก้าวไปสู่ยคแห่งความเจริญ ที่สังคมทั้งโลกมุ่งหน้าแห่แหนกันเข้ามาในประเทศไทย ที่ให้ความชื่นชมต่ออริยธรรมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่เคบพบมาก่อน และไม่เคยได้รับความอบอุ่น ความปลอดภัย ความเป็นมิตร ความสะดวก ความสบาย โดยสรุปแล้วคือชนต่างชาติไม่เคยได้รับประสบการณ์ที่ทำให้มีความสุขอย่างที่อยู่ในเมืองไทยมาก่อนเลย ทุกคนที่มาเยือนเมืองไทย ก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รักประเทศไทย อยากอยู่ประเทศไทย อยากให้ประเทศของพวกเขาเหมือนกับประเทศไทย นี่คือดินแดนแห่งความศิวิไลซ์

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ถือว่าเป็นผู้ที่มีฌาณชั้นสูง ที่สามารถใช้หลักแห่งพยากรณ์ศาสตร์ ที่สามารถทำนายอนาคตได้ในช่วงเวลาที่มีเหตุการณ์ผ่านไปในหลายยุค ถือว่าท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นผู้ที่มีปัญญาชั้นสูง มีความรอบรู้และคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างแม่นยำ สิ่งที่คนไทยต้องปฏิบัติเพื่อให้ความศิวิไลซ์อยู่กับประเทศไทยตลอดไป คือการเรียนรู้อย่างเคารพต่อความรู้ที่ได้รับ ทั้งถูกและผิด ถูกก็ให้รู้ว่าถูก ผิดก็ให้รู้ว่าผิด แล้วเลือกปฏิบัติในสิ่งที่ดีงาม และปฏิเสธในการกระทำในสิ่งที่ขัดต่อคุณธรรมจริยธรรมที่ดีงาม ประพฤติให้เป็นบรรทัดฐานของสังคม และกลั่นกรองออกมาให้ร่วมกันปฏิบัติให้เป็นวัฒนธรรมที่ทำให้สังคมได้ปฏิบัติร่วมกันอย่างเป็นปกติสุข เพื่ออนุรักษ์ซึ่งความศิวิไลซ์ไว้ให้ยั่งยืนตลอดไป