Authority & Harm
แก๊งค์ค้ามนุษย์สุดโหดโยนโรฮิงญา11คน ทิ้งกลางป่าขาดอากาศดับ2โคม่าอีก9คน
ชุมพร-แก๊งค้ามนุษย์ขนชาวโรฮิงญากว่า 70 คน อัดแน่นรถกระบะตู้ทึบ ขาดอากาศหายใจ พาทิ้งป่าละเมาะ ริมเขาข้างวัด ดับสลด 2 ศพ สาหัส 10 ราย ส่วนที่เหลือคนขับพาส่งชายแดนใต้
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 17 ต.ค 67 พ.ต.ท.ภักดี ตันอนุกูล สว.(สอบสวน) สภ.หลังสวนได้รับแจ้งจากพระสงฆ์วัดเสกธาราม หมู่ 4 ตำบลวังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร ว่าพบชาวต่างด้าวถูกนำมาทิ้งนอนเสียชีวิตและหายใจรวยอยู่จำนวนนับ 10 ราย จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบและไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.นิรันทร์ กันจู รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร หน่วยกู้ภัย กู้ชีพ สมาคมพุทธประทีปหลังสวน
ที่เกิดเหตุห่างจากถนนเพชรเกษมประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นป่าละเมาะริมถนนแหลมทรายติดกับเชิงเขาเสก หมู่ 4 ตำบลวังตะกอ อ.หลังสวน และห่างจากปากทางขึ้นวัดเสกขาราม ประมาณ 20 เมตร พบมีต่างด้าวชาวโรฮิงญา จำนวน 12 คน นอนกองรวมอยู่ สภาพเนื้อตัวมอมแมม เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ศพ เป็นเพศชายอายุประมาณ 25-30 ปี ส่วนอีก 10 ราย แยกเป็นเพศหญิง 2 คน ชาย 8 คน อายุประมาณ 15-50 ปี มีสภาพเหนื่อยอ่อนเพลียนอนหายในรวยริน บางคนมีอาการน้ำลายฟูมปาก ดิ้นชักทุรนทุราย เหมือนจะขาดใจตาย หน่วยกู้ชีพ กู้ภัย ได้ช่วยกันลำเลียงแยกส่งไปที่โรงพยาบาลหลังสวน โรงพยาบาลปากน้ำหลังสวน และโรงพยาบาลทุ่งตะโกที่อยู่ใกล้เคียง โดยทั้งหมดมีอาการโคม่า
พระปลัดศีลวุฒิ ปสันโน รักษาการวัดนาบุญ ที่มาประสบเหตุกล่าวว่า ขณะที่คนขับรถยนต์กระบะพาอาตมาขึ้นเนินเขาเพื่อไปรับ พระอธิการธาดา กิตติธโร เจ้าอาวาสวัดเสกขาราม ได้มีเด็กชายต่างด้าวอายุประมาณ 15 ปี วิ่งออกมาจากในป่าละเมาะข้างทาง ด้วยอาการอ่อนเพลียพร้อมกับโบกมือตะโกนส่งเสียงเอะอะโวยวายเป็นภาษาต่างด้าว ตอนแรกก็คิดว่าพวกแรงงานต่างด้าวที่มารับจ้างกรีดยางพาราทะเลาะกัน มาจึงไม่ได้สนใจอะไรมาก จากนั้นก็นั่งรถขึ้นไปรับเจ้าอาวาสบนวัดเสกขาราม เพื่อไปปาฏิโมกข์ปฏิบัติธรรมนอกพื้นที่
พระปลัดศีลวุฒิ กล่าวต่อว่าหลังขึ้นไปรับเจ้าอาวาสแล้วได้นั่งรถกระบะลงมาจากวัด เห็นเด็กชาวต่างด้าวยังอยู่ อาตมาและเจ้าอาวาสวัดเสกขาราม จึงจอดรถลงไปดูในป่าละเมาะปรากฎว่าพบมีชาวต่างด้าวจำนวนกว่า 10 คน นอนชักดิ้นชักงอ บางคนหายใจรวยรินใกล้จะตาย จากนั้นได้โทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบและช่วยเหลือดังกล่าว
ด้านนายฮูเซ็น โมฮัมหมัด อายุ 28 ปี เป็นล่ามชาวต่างด้าวที่มาจุดเกิดเหตุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า จากการสอบถามชาวต่างด้าวที่รอดชีวิตบอกว่า ได้เดินทางมาจากรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมา โดยมีนายหน้าพาเดินเท้าและขึ้นรถยนต์ถึง 3 ช่วง เพื่อมาอยู่ที่จุดพักซึ่งเป็นโกดัง อยู่บริเวณ ชายแดนตรงข้ามกับ อ.แม่สอด จ.เชียงราย ซึ่งมีอยู่จำนวนมากนับร้อยคน จากนั้นก็จะทยอยลำเลียงต่างด้าวชาวโรฮิงญา ที่ได้จ่ายเงินค่าหัวแล้ว พาข้ามแดนมารอที่จุดพักฝั่ง อ.แม่สอด จ.เชียงราย โดยจะมีรถยนต์กระบะมารับเพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมาย
นายฮูเซ็นกล่าวต่อว่า จากการสอบถามชาวโรฮิงญาบอกด้วยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้ร่วมชะตากรรมที่มาด้วยกันประมาณกว่า 70 คน ถูกแก๊งค้าแรงงานข้ามชาติพามากับรถยนต์กระบะตู้ทึบสูง โดยออกมาจากจุดพักที่ อ.แม่สอด จ.เชียงราย ตั้งเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อจะเดินทางไปส่งยังชายแดนภาคใต้ และจะเดินทางต่อไปทำงานยังประเทศมาเลเซีย ระหว่างทางซึ่งทุกคนมีอาการอ่อนเพลียจากการเดินทาง อาหาร น้ำ ก็ไม่ค่อยได้รับประทาน เพราะต้องคอยหลบๆซ่อนๆ และขณะเดินทางมาถึงเขตพื้นที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร ปรากกฎว่าชาวโรฮิงญาที่อัดแน่นกันมาในกระบะตูทึบมากถึง 70 คน เกิดขาดอากาศหายใจ มีอาการอ่อนเพลีย บางคนชักดิ้นชักงอ บางคนหมดสติ บางคนส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ทำให้คนขับตกใจจึงเลี้ยวรถเข้าไปยังถนนซอย แล้วให้ชาวต่างด้าวที่ยังแข็งแรงช่วยกันลากคนที่หมดสติ คนที่อ่อนแรง และคนที่มีลักษณะอิดโรย ลงไปโยนทิ้งกองรวมกันในป่าละเมาะใกล้ทางขึ้นวัดดังกล่าว จากนั้นพากันเดินทางต่อไป
พ.ต.อ.นิรันทร์ กันจู รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร ได้สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ชุมพร ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวนภาค 8 และตำรวจท้องที่ ออกตรวจสอบเก็บภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ เพื่อติดตามจับกุมแก๊งค้าแรงงานมนุษย์ข้ามาติมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.