In News

นายกฯมอบรางวัล2งานบิ๊ก'อปท.-ซีอีโอ' หนุนธุรกิจไทยก้าวสู่ผู้นำNews S-curve



กรุงเทพฯ-นายกฯ ‘แพทองธาร’ มอบรางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปี 2567 ย้ำ! อปท.เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญก้าวหน้า หวังเห็นการยกระดับการบริหารแก้ปัญหาตอบสนองความต้องการของ ปชช.และก่อนหน้านี้นายกฯมอบรางวัลสุดยอดCEOหนุนสร้างโอกาสผู้ประกอบการไทย ก้าวสู่ผู้นําในธุรกิจ New S-curve ในระดับภูมิภาคและระดับโลก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้รัฐบาล ต้อนรับเลขาธิการ OECD ย้ำไทยพร้อมเข้าเป็นสมาชิก เร่งปรับปรุงกฎระเบียบสู่มาตรฐานสากลด้าน OECD ชื่นชมบทบาทไทยในอาเซียน พร้อมช่วยพลักดันนโยบายภาครัฐ ยกระดับการลงทุน-แข่งขัน-การศึกษา-สาธารณสุข-สิ่งแวดล้อม

วันนี้ (30 ตุลาคม 2567) เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ แกรนด์บอลรูม ชั้น 4 โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีมอบรางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พร้อมมอบถ้วยรางวัลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัล อาทิ ประเภทดีเลิศ รางวัลที่ 1  เทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา รางวัลที่ 2 เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด รางวัลที่ 3 เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ และรางวัลประเภทโดดเด่น/ประเภททั่วไป รวมทั้งสิ้น 21 รางวัล โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะอนุกรรมการฯ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนส่วนราชการ ผู้แทนสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมงาน 

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ได้รับรางวัลทั้ง 65 แห่ง พร้อมกล่าวว่า รางวัลดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยันว่า อปท.ได้ทำงานอย่างเต็มที่ เกิดการกระจายอำนาจสู่ส่วนท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น และทำให้ลดช่องว่างระหว่างประชาชนกับหน่วยงานราชการ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง เพราะการที่ประชาชนสามารถเข้าถึงราชการและราชการเข้าถึงประชาชนได้ ทำให้ลดช่องว่าง และเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นรัฐก็สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทันที เป็นที่รัฐบาลตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น 

นายกรัฐมนตรี ขอบคุณสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการฯ และคณะอนุกรรมการฯ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประเมินและคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปีนี้ การมอบรางวัลนี้เป็นการสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ดี และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่กันและกัน รวมถึงข้าราชการคนอื่น ๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นรากฐานสำคัญของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นเรื่องการกระจายอำนาจเพื่อให้ประชาชนทุกคนได้เข้าถึงบริการจากรัฐ  

“ข้าราชการการเมืองมาจากการตัดสินใจของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นระดับท้องถิ่น หรือระดับประเทศ ต่างมีเป้าหมายเดียวกัน ทำให้ประชาชนมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ขอส่งกำลังใจให้ข้าราชการทุกคน ทราบดีว่าทุกคนทำงานหนัก แต่การทำงานหนักในที่นี้ ไม่เสียเปล่าแน่นอน จะต้องเกิดประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชนต่อไปในอนาคต” นายกรัฐมนตรีย้ำ

นายกฯแพทองธารมอบรางวัลสุดยอดCEO

เวลา 9.30 น. ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ กรุงเทพมหานคร นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมงานสัมมนาเศรษฐกิจไทยประจำปี 2567 “Thailand 2025 : Opportunities, Challenges and the Future” โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นางสาวดวงพร อุดมทิพย์ นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สมาคมธนาคารไทย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คณะกรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ คณะกรรมการสรรหาและคัดเลือก ภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงานด้วย 

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมอบรางวัลสุดยอดผู้นำองค์กร (สุดยอดซีอีโอ) ประจำปี 2567 แบ่งเป็น 5 ประเภทรางวัล ได้แก่ 1. รางวัลสุดยอดซีอีโอรุ่นใหญ่ 2. รางวัลสุดยอดซีอีโอรุ่นกลาง 3. รางวัลสุดยอดซีอีโอเอสเอ็มอี 4. รางวัลสุดยอดซีอีโอรัฐวิสาหกิจ และ 5. รางวัลซีอีโอขวัญใจสื่อมวลชน รวม 18 รางวัล เพื่อยกย่องผู้บริหารภาคเอกชน ที่สามารถยกระดับขีดความสามารถด้านการแข่งขันองค์กรธุรกิจของประเทศไทย สู่ระดับสากล และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการของไทย สำหรับงานประกาศรางวัล CEO Econmass Awards 2024 จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เป็นความร่วมมือระหว่าง สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพื่อประกาศเกียรติคุณ ยกย่อง และเชิดชูเกียรติผู้บริหารภาคเอกชน ที่สามารถนำพาองค์กรก้าวขึ้นสู่ธุรกิจชั้นนำของประเทศ

นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัลสุดยอด CEO ในปีนี้  พร้อมกล่าวว่า สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจกับรัฐบาลมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนาน หน้าที่สําคัญของผู้สื่อข่าว คือการเป็นผู้ตรวจสอบการทํางานของรัฐบาล สะท้อนปัญหาของประชาชนและภาคธุรกิจมายังรัฐบาล ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวมีบทบาทสําคัญในการช่วยเผยแพร่ข่าวสาร การทํางาน การออกนโยบาย และโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลให้สาธารณชนรับรู้ ซึ่งต่างทํางานร่วมกัน มีเป้าหมายเดียวกัน คือการทํางานให้กับพี่น้องประชาชน

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า CEO ทุกท่านที่ได้รับรางวัลในวันนี้ แต่ละท่านเป็นผู้บริหารของภาคธุรกิจที่มี Scale ต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ SMEs บริษัทขนาดใหญ่และรัฐวิสาหกิจ ซึ่งทุกองค์กร ทุกบริษัท ทุกหน่วยงานมีความสําคัญอย่างมากต่อการสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแรงและเติบโต รางวัลนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความสําเร็จของการบริหารงานของ CEO ที่ได้นําพาบริษัทให้เติบโต และช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้นําองค์กรทุกท่าน ที่จะนําพาองค์กรของตัวเองให้เติบโตไปพร้อม ๆ กับการสร้างความยั่งยืนต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ถือเป็นส่วนสําคัญที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทยและสร้างรายได้มากยิ่งขึ้น

“ธุรกิจจำนวนมากกําลังเผชิญหน้ากับการปรับตัวสู่อุตสาหกรรมใหม่ แต่เชื่อมั่นว่าศักยภาพของผู้ประกอบการไทย ไม่แพ้ใครในโลก และด้วยการสนับสนุนอย่างเต็มที่ของรัฐบาลผ่านทางนโยบายต่าง ๆ  อาทิ ปรับหลักเกณฑ์สินเชื่อ soft loan  การลดต้นทุนการผลิตเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ประเทศไทยจะก้าวสู่การเป็นผู้นําในธุรกิจ New S-curve ของทั้งระดับภูมิภาค และระดับโลกได้ ขอส่งพลังใจให้ทุกท่าน ให้มีกําลังกายใจ เพื่อทํางานขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมพัฒนาให้องค์กรก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ สร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างโอกาสให้กับคนไทย รัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกท่าน ทุกธุรกิจอย่างเต็มที่ พร้อมรับฟังข้อมูลดีๆ จากผู้สื่อข่าว รวมถึงข้อมูลจากทุกภาคส่วนเพื่อนำมาแก้ไขปัญหาให้ประชาชน” นายกรัฐมนตรี ระบุ

รัฐบาลต้อนรับเลขาธิการOECDย้ำไทยพร้อมเข้าเป็นสมาชิก

ช่วงเวลา 11.00 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายมาทีอัส คอร์มันน์ (Mr. Mathias Cormann) เลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development: OECD) เข้าเยี่ยมคารวะ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับเลขาธิการ OECD พร้อมขอบคุณสำหรับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ในกระบวนการสมัครเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย โดยยืนยันว่าไทยมีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะเข้าเป็นสมาชิก OECD รวมทั้งย้ำความพร้อมของไทยในการเข้าเป็นสมาชิก OECD เพื่อเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์และหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดของ OECD อีกทั้งจะช่วยส่งเสริมความเชื่อมโยงในระดับภูมิภาคผ่านเวทีระหว่างประเทศ เช่น APEC และ ASEAN ซึ่งจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและคุณภาพชีวิตของประชาชน ขณะเดียวกัน ไทยจะกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดสำหรับภาคธุรกิจและการลงทุนจากประเทศสมาชิก OECD และนานาชาติมากขึ้น

ด้านเลขาธิการ OECD ยินดีอย่างยิ่งที่ไทยได้เข้าสู่กระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD และชื่นชมประเทศไทยที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือกันมายาวนานนับตั้งแต่ปี 2548 พร้อมยินดีที่จะทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยเพื่อสนับสนุนกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD ให้เป็นไปได้อย่างราบรื่น รวมทั้งเชื่อมั่นว่าการเข้าเป็นสมาชิก OECD จะสร้างประโยชน์อย่างมากให้แก่คนไทย ช่วยผลักดันการปฏิรูปประเทศ เสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ และยกระดับมาตรฐานการครองชีพของประชาชน

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือที่แน่นแฟ้น เพื่อให้กระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทยและสอดรับกับเป้าหมายระหว่างประเทศ โดยนายกรัฐมนตรียืนยันถึงความมุ่งมั่นของไทยที่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเอกชน เพื่อให้การดำเนินงานสอดคล้องกับมาตรฐานสากลและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกล่าวเชิญและหวังว่า OECD จะพิจารณาเข้ามาจัดตั้งสำนักงานภูมิภาค (Regional Headquarter) ในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาและความร่วมมืออย่างใกล้ชิด ขณะที่เลขาธิการ OECD ยินดีที่จะให้คำแนะนำและสนับสนุนกระบวนการปรับปรุงนโยบายภาครัฐของไทย โดยเฉพาะในด้านการลงทุน การแข่งขัน การศึกษา สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม ให้สอดคล้องตามกรอบ OECD 

อนึ่ง ประเทศไทยได้เข้าสู่กระบวนการหารือ (accession discussions) เพื่อเข้าเป็นสมาชิก OECD แล้วเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา โดยกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก OECD มีทั้งหมด 3 ระยะ ซึ่งปัจจุบันไทยอยู่ในระยะที่ 2 โดยไทยและ OECD อยู่ระหว่างการหารือเพื่อร่วมกันจัดทำแผนการดำเนินการเพื่อปรับนโยบายและกฎระเบียบ (Initial Memorandum) ให้บรรลุเป้าหมายตามแผนการเข้าเป็นสมาชิก (Accession Roadmap) ต่อไป