In News
ภาวะเศรษฐกิจการคลังภูมิภาคก.ย.ปี67 'ใต้-อีสาน'แรง! 'ท่องเที่ยว-การใช้จ่าย'
กรุงเทพฯ-เศรษฐกิจภูมิภาคเดือนกันยายน 2567 มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการอุปโภคบริโภค การท่องเที่ยว และเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการยังขยายตัวในหลายภูมิภาค เช่น ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยอดจดทะเบียนรถยนต์ ทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์เชิงพาณิชย์ยังชะลอตัวในทุกภูมิภาค
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนกันยายน 2567 ว่า “เศรษฐกิจภูมิภาคเดือนกันยายน 2567 มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการอุปโภคบริโภค การท่องเที่ยว และเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการยังขยายตัวในหลายภูมิภาค เช่น ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยอดจดทะเบียนรถยนต์ทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์เชิงพาณิชย์ยังชะลอตัวในทุกภูมิภาค” โดยมีรายละเอียดดังนี้
เศรษฐกิจภาคใต้ในเดือนกันยายน 2567 มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภค รายได้เกษตรกร การท่องเที่ยวและเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการยังขยายตัวได้ อีกทั้งดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และรายได้เกษตรกรขยายตัวที่ร้อยละ 13.0 และ 32.7 ต่อปี ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -30.4 และ -17.1 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 53.1 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 54.2 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -30.2 และ -26.0 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวที่ร้อยละ 27.7 ต่อปี โดยเป็นการลงทุนในโรงงานผลิตน้ำดื่มบรรจุขวดในจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นสำคัญ ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 81.9 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ระดับ 79.2 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 17.8 และ 29.4 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือในเดือนกันยายน 2567 มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภค การท่องเที่ยวและเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการยังขยายตัวได้ โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัวที่ร้อยละ 11.9 ต่อปี ขณะที่จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -12.3 และ -4.5 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 0.1 และ 1.3 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -31.2 ต่อปี ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 58.0 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 59.2 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -18.9 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ขณะที่จำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -33.9 ต่อปี ทั้งนี้ เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวที่ร้อยละ 74.0 ต่อปี โดยเป็นการลงทุนในโรงงานซ่อมตัวถังและสีในจังหวัดขอนแก่น เป็นสำคัญ ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 69.8 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 71.4 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 12.1 และ 11.9 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจ กทม. และปริมณฑลในเดือนกันยายน 2567 มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภค การท่องเที่ยวและเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการยังขยายตัวได้ โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัวที่ร้อยละ 8.2 ต่อปี อย่างไรก็ตาม จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -20.8 -12.6 และ -5.0 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 54.6 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 55.9 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ หดตัวที่ร้อยละ -30.8 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ขณะที่จำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -23.5 ต่อปี ทั้งนี้ เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวที่ร้อยละ 66.8 ต่อปี โดยเป็นการลงทุนในโรงงานเกี่ยวกับรถยนต์ในจังหวัดสมุทรปราการ เป็นสำคัญ ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 89.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 90.8 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 8.2 และ 4.5 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจภาคเหนือในเดือนกันยายน 2567 มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภคและเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการยังขยายตัวได้ โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัวที่ร้อยละ 7.8 ต่อปี ขณะที่รายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -4.1 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -35.7 และ -17.6 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 55.8 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 57.3 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -34.0 และ -35.2 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวที่ร้อยละ 70.4 ต่อปี โดยเป็นการลงทุนในโรงงานทำพลาสติกเป็นชิ้นหรือขึ้นรูปในจังหวัดพิษณุโลก เป็นสำคัญ ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 86.9 ลดลงจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ระดับ 90.6 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนหดตัวที่ร้อยละ -6.9 และ -7.6 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจภาคกลางในเดือนกันยายน 2567 มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภคและการท่องเที่ยว ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนหดตัว โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัวที่ร้อยละ 11.3 ต่อปี ขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -35.0 และ -3.6 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 0.6 และ 2.1 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ ขณะที่จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -22.8 ต่อปี ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 54.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 55.5 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -31.3 และ -15.4 ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 11.2 และ 14.0 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ ทั้งนี้ เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการหดตัว ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 89.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 90.8 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 3.7 และ 8.4 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจภาคตะวันออกในเดือนกันยายน 2567 มีปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยว และดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น ขณะที่การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาคเอกชนหดตัว โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -17.4 -32.8 -19.0 และ -4.1 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 57.8 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 59.0 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -28.9 และ -10.2 ต่อปี ตามลำดับ อีกทั้งเงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการหดตัว อย่างไรก็ตาม ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 92.7 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 92.1 และเครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 23.9 และ 35.1 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจภาคตะวันตกในเดือนกันยายน 2567 มีปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยว และรายได้เกษตรกรยังขยายตัวได้ขณะที่การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาคเอกชนหดตัว โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากรายได้เกษตรกรขยายตัวที่ร้อยละ 11.1 ต่อปี ขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -19.2 และ -19.9 ต่อปี อีกทั้งการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่หดตัวที่ร้อยละ -15.7 ต่อปี ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 54.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ระดับ 55.5 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -30.2 และ -18.2 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 12.1 และ 35.9 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ ทั้งนี้ เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการหดตัว ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 89.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 90.8 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 3.7 และ 8.4 ต่อปี ตามลำดับ
นอกจากนี้ ผลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคของไทย ประจำเดือนกันยายน 2567 ซึ่งสำรวจจากสำนักงานคลังจังหวัดและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจภูมิภาคขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าในบางภูมิภาคตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม เป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อสะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคประชาชนขยายตัวชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าในหลายภูมิภาค ตามการชะลอตัวของภาคเกษตรและภาคบริการ สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคใน 6 เดือนข้างหน้ายังขยายตัวได้ โดยมีแนวโน้มการลงทุนที่สามารถขยายตัวได้เพิ่มขึ้นในภาคใต้ ภาคกลาง และ กทม. และปริมณฑล ทั้งนี้ ยังต้องติดตามความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ทิศทางเศรษฐกิจไทย และแนวนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล