Think In Truth

มอง! ความสัมพันธ์...พระพุทธศาสนากับ 'ควอนตั้มฟิสิกส์'  โดย: ฟอนต์ สีดำ



จากข้อเขียนบทความที่ผ่านมา ผู้เขียนก็จะเขียนให้เนื้อหาที่เขียนแต่ละบท ให้เนื้อหามันจบในคราวเดียว เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ครอบคลุม แต่ก็จะพยายามที่จะเขียนให้เนื้อหาสั้นที่สุด แต่ได้ความสัมพันธ์ของเนื้อหาที่เกี่ยวข้องมากที่สุด จึงส่งผลให้บทเขียน มีความยาวโดยเฉลี่ย ก็จะประมาณ สามถึงสี่หน้ากระดาษ A4 ซึ่งเสียงสะท้อนจากท่านผู้อ่านได้ย้อนกลับมาแนะนำว่า ควรเขียนให้เนื้อหามันสั้นลง ประมาณ หน้าถึงสองหน้าประดาษ A4 เพราะเครื่องมือในการอ่านที่ใช้แทนหนังสือ เป็นจำพวก ปาล์ม(โทรศัพท์มือถือ)และแท็ปเล็ต ซึ่งดวงตาผู้อ่านต้องรับแสงอินฟาเรดจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านั้น เมื่ออ่านบทความที่ยาวเกินไป มันส่งผลต่อดวงตาของผู้อ่าน และทำให้รู้สึกเมื่อยล้า ผู้เขียนจึงขอขอบพระคุณกับคำแนะนำจากท่านผุ้อ่านย้อนกลับมานะครับ ผู้เขียนจะถือเป็นคุณูปการต่อแนวทางการพัฒนาการเขียนของผู้เขียน และจะเขียนสรุปให้ส้ันลง หรืออาจจะเขียนเรื่องแต่ละตอนให้กรอบเนื้อหาเล็กลง เพื่อให้เหมาะสมกันการอ่านของท่านผู้อ่านนะครับ

ประเด็นวันนี้ จะต่อเชื่อมกับคราวที่แล้วถึงเรื่องพระพุทธศาสนาเกี่ยวข้องกับควอนตัมฟิสิกส์ อย่างไร? แม้ว่าทั้งสองจะเป็นศาสตร์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ก็มีผู้ที่พบความเชื่อมโยงระหว่างแนวคิดบางประการในทั้งสองศาสตร์ ซึ่งนำไปสู่การเปรียบเทียบและการตีความที่หลากหลาย ดังนี้

  • อนัตตาและความไม่แน่นอน: ทั้งพุทธศาสนาที่สอนเรื่องอนัตตา (ไม่มีอัตตาที่คงที่) และควอนตัมฟิสิกส์ที่กล่าวถึงความไม่แน่นอนของอนุภาค (หลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์ก) ต่างก็ชี้ให้เห็นว่าสรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลงและไม่มีแก่นแท้ที่คงที่
  • ความว่างเปล่าและศักยภาพ: แนวคิดเรื่องความว่างเปล่าในพุทธศาสนาอาจมีความคล้ายคลึงกับแนวคิดของศักยภาพในควอนตัมฟิสิกส์ที่อนุภาคสามารถอยู่ในหลายสถานะพร้อมกันจนกระทั่งถูกวัด
  • ความเชื่อมโยงของทุกสิ่ง: ทั้งพุทธศาสนาและฟิสิกส์ควอนตัมต่างก็ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกันของทุกสิ่งในจักรวาล ไม่ว่าจะเป็นการเกิดขึ้นตามปฏิจจสมุปบาทในพุทธศาสนา หรือการพันกันเชิงควอนตัมในควอนตัม ฟิสิกส์

อย่างไรก็ตาม การเชื่อมโยงระหว่างฟิสิกส์ควอนตัมและพุทธศาสนาเป็นเพียงการเปรียบเทียบและการตีความที่แตกต่างกันออกไป มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการนำแนวคิดจากศาสตร์หนึ่งมาอธิบายอีกศาสตร์หนึ่ง

เหตุผลที่ทำให้การเชื่อมโยงนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน:

  • ธรรมชาติที่แตกต่าง: ฟิสิกส์ควอนตัมเป็นศาสตร์ที่ศึกษาธรรมชาติในระดับอะตอมและอนุภาคย่อยอะตอม ในขณะที่พุทธศาสนาเป็นปรัชญาและศาสนาที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณและการตรัสรู้
  • ความไม่สมบูรณ์ของความรู้: ทั้งฟิสิกส์ควอนตัมและพุทธศาสนายังมีปริศนาและข้อสงสัยที่ยังไม่ได้รับคำตอบ การนำมาเปรียบเทียบกันจึงอาจเป็นการขยายความหมายที่เกินขอบเขตของความรู้ที่มีอยู่
  • ความแตกต่างทางภาษา: การแปลความหมายจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่งอาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนและการตีความที่แตกต่างกัน

การเชื่อมโยงระหว่างฟิสิกส์ควอนตั้มและพุทธศาสนาเป็นเรื่องที่น่าสนใจและเปิดมุมมองใหม่ ๆ ในการมองโลก แต่ก็ควรตระหนักว่าเป็นเพียงการเปรียบเทียบและการตีความที่แตกต่างกันออกไป ไม่ใช่การพิสูจน์ความถูกต้องของทั้งสองศาสตร์

ควอนตัมคอมพิวเตอร์กับผู้บรรลุธรรม:

การเปรียบเทียบที่น่าสนใจ เป็นคำถามที่น่าสนใจมาก เพราะมันเชื่อมโยงระหว่างศาสตร์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นั่นคือ วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์กับปรัชญาทางศาสนา

ความคล้ายคลึงที่น่าสนใจ

แม้ว่าควอนตัมคอมพิวเตอร์และผู้บรรลุธรรมจะเป็นสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ก็มีผู้ที่นำมาเปรียบเทียบกันในบางแง่มุม ดังนี้ค่ะ:

  • การมองเห็นภาพรวม:
    • ควอนตัมคอมพิวเตอร์: สามารถประมวลผลข้อมูลได้พร้อมกันหลายสถานะในเวลาเดียวกัน ทำให้สามารถมองเห็นภาพรวมของปัญหาได้อย่างครอบคลุม
    • ผู้บรรลุธรรม: มีความสามารถในการมองเห็นความเชื่อมโยงของทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล เห็นภาพรวมของชีวิตและธรรมชาติได้อย่างชัดเจน
  • การก้าวข้ามข้อจำกัด:
    • ควอนตัมคอมพิวเตอร์: สามารถแก้ปัญหาที่คอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมไม่สามารถแก้ได้ เช่น ปัญหาการแยกตัวประกอบจำนวนเฉพาะขนาดใหญ่ ซึ่งมีความสำคัญต่อการเข้ารหัสข้อมูล
    • ผู้บรรลุธรรม: สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของความคิดเห็นส่วนบุคคล ความกลัว และความทุกข์ ได้บรรลุถึงสภาวะที่เป็นอิสระ
  • การเข้าถึงข้อมูลที่ลึกซึ้ง:
    • ควอนตัมคอมพิวเตอร์: สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ซ่อนอยู่ภายในระบบควอนตัมได้อย่างละเอียด
    • ผู้บรรลุธรรม: สามารถเข้าถึงธรรมชาติที่แท้จริงของสรรพสิ่ง ได้รู้แจ้งเห็นจริงในสิ่งที่เป็นอยู่

อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบระหว่างควอนตัมคอมพิวเตอร์กับผู้บรรลุธรรมนั้นเป็นเพียงการเปรียบเทียบในเชิงแนวคิดเท่านั้น และมีข้อจำกัดหลายประการ ดังนี้:

  • ธรรมชาติที่แตกต่าง: ควอนตัมคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องจักรที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ ในขณะที่ผู้บรรลุธรรมเป็นบุคคลที่บรรลุถึงสภาวะตรัสรู้ทางจิตวิญญาณ
  • เป้าหมายที่แตกต่าง: ควอนตัมคอมพิวเตอร์ถูกสร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ในขณะที่ผู้บรรลุธรรมมีเป้าหมายเพื่อปลดเปลื้องความทุกข์และบรรลุถึงนิพพาน
  • ความไม่สมบูรณ์ของความรู้: ทั้งควอนตัมคอมพิวเตอร์และพุทธศาสนายังมีปริศนาและข้อสงสัยที่ยังไม่ได้รับคำตอบ การนำมาเปรียบเทียบกันจึงอาจเป็นการขยายความหมายที่เกินขอบเขตของความรู้ที่มีอยู่

การเปรียบเทียบระหว่างควอนตัมคอมพิวเตอร์กับผู้บรรลุธรรมเป็นเรื่องที่น่าสนใจและเปิดมุมมองใหม่ ๆ ในการมองโลก แต่ก็ควรตระหนักว่าเป็นเพียงการเปรียบเทียบในเชิงแนวคิด ไม่ใช่การพิสูจน์ความถูกต้องของทั้งสองสิ่ง

ในความไม่แน่นอนคือความแน่นอน เป็นสุภาษิตที่พวกเราได้ฟังกันอยู่อย่างชินหู เทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวเตอร์ จึงอาศัยความไม่แน่นอนของปฏิกิริยาของอนุภาคมาสร้างความหมายที่แน่นอนเพื่อการตีความที่ถูกต้อง เช่นเดียวกับในทางพระพุทธสาสนาได้ใช้สมาธิเพื่อให้เกิดฌานหยั่งรู้ถึงความจริงนั้นตามหลักปฏิจจสมุปบาท ในขณะที่โลกของเรายังมีความหลากหลายทางความเชื่อและการนับถือศาสนา การที่สังคมโลกยังไม่สามารถหยั่งรู้ด้วยฌานที่เกิดจากสมาธิได้ นั้นจำเป็นต้องใช้เครื่องมือในการตีความ นั่นคือการใช้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ ในยุคศิวิไลซ์อันเป็นยุคที่สังคมโลกกำลังจะก้าวเข้าถึงนี้ สังคมโลกจะจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติอันเกิดจากผลแห่งกรรมที่มนุษย์โลกร่วมกันกระทำขึ้นมาก่อน แล้วจะเข้าใจถึงกฏแห่งกรรม และจะสร้างเงื่อนไขใหม่ในการอยู่ร่วมกันของสังคมโลก ที่เราทราบกัยอยู่แล้วว่า การจัดระเบียบโลกใหม่ หรือ One World Order ที่โลกกำลังดำเนินการอยู่ นั้นได้กำหนดกฏหมายโลกที่เรียกว่า GESARA & NESARA เพื่อเป็นกฏหมายหลักในการจัดระเบียบโลก และใช้องค์ความรู้ของโลกที่สังคมโลกได้เผชิญมาเป็นฐานข้อมูลเพื่อวางระเบียบในการจัดการการดำเนินชีวิตของคนทั้งโลก โดยกำกับเงื่อนไขและความถูกต้องด้วยควอนตัมคอมพิวเตอร์ในการตรวจจับพฤติกรรมของมนุษย์โลก และใช้ระบบการบริการปกครองในการปรับพฤติกรรมในการดำรงชีวิตของมวลชาติทั้งโลกให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข