Authority & Harm
ชาวบ้านครวญเงินหมื่นรัฐฯฝันไม่เป็นจริง แต่ถูกตัดสิทธิ์อื่นหายเกลี้ยง
ฉะเชิงเทรา-เศร้าชาวบ้านบางปะกงโอดครวญ โครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาทจากรัฐบาลในฝันที่รอคอยมานานแต่ยังไม่เป็นจริง แต่กลับมาถูกตรวจสอบสิทธิ์จนทำให้เจ็บช้ำใจซ้ำ หลังขาดคู่สมรสที่เลิกรากันไปนานถึงกว่า 45 ปีแต่ยังมีใบสมรสค้างคา ทำไม่ผ่านเกณฑ์การตรวจรับรองสิทธิ์ จนถูกตัดแม้แต่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เคยได้รับแบบหายเกลี้ยง วอนผู้มีอำนาจหาทางช่วยเหลือ ระบุยังมีอีกหลายรายอยู่ในกลุ่มชะตากรรมเดียวกัน
วันที่ 8 พ.ย.67 เวลา 16.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายสมบูรณ์ ลอยเจริญพร อายุ 75 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่ในเพิ่งใต้สะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง (เทพหัสดิน) ม.1 ต.บางปะกง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ขณะนี้ตนเองนั้นได้ถูกตัดสิทธิ์ในฐานะคนจนในทุกสวัสดิการแห่งรัฐที่เคยได้รับทั้งหมดแล้ว หลังจากทาง อปท.ในพื้นที่ ได้มีการตรวจสอบสิทธิ์ใหม่ แล้วทำให้ตนไม่ผ่านเกณฑ์ตามข้อกำหนดเนื่องจาก ตนเองยังคงมีสถานะสมรสกับอดีตภรรยาที่เลิกรากันไปนานถึงกว่า 45 ปีแล้ว
โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าจะต้องมีคู่สมรสมาเซ็นชื่อรับรองจึงจะได้สิทธิ์นั้น ทั้งบัตรคนจนหรือบัตรประชารัฐและโครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาทจากทางรัฐบาลด้วย ทั้งที่ตนเองนั้นได้อาศัยอยู่เพียงลำพังคนเดียวมานานแล้ว โดยแทบไม่มีรายได้อะไร เนื่องจากมีอาการเจ็บป่วยหลายโรคที่ซ้ำซ้อนกัน ทั้งโรคเบาหวาน ไขมัน ความดันและโรคไต จนไม่สามารถประกอบอาชีพที่เคยทำได้อีก ซึ่งก่อนหน้านั้นตนมีอาชีพทอดแหหาปลาจับกุ้งที่บริเวณใต้สะพานแห่งนี้ขาย แต่เมื่อมีอาการเจ็บป่วยจึงทำให้ทำงานไม่ไหวแล้ว เพราะเหวี่ยงแหไม่ได้
จึงได้เริ่มหันมาเก็บแยกขยะและเก็บขวดพลาสติกขาย ซึ่งเป็นรายได้แค่เพียงทางเดียวเท่านั้น ที่จะพอหาได้ ประมาณ 2-3 เดือนต่อครั้ง หรือกว่าจะรวบรวมขวดได้มากพอที่จะนำไปขายได้ โดยมีรายได้เพียงครั้งละประมาณ 300-400 บาทเท่านั้น จึงได้นำมาเก็บรวบรวมเอาไว้ร่วมกับเบี้ยยังชีพคนชรา เพื่อใช้เป็นค่าเดินทางไปหาหมอ ตามที่แพทย์นัดตรวจ จนแทบไม่มีเงินเหลือเป็นค่าใช้จ่ายอะไรในชีวิตประจำวัน จึงอยากวิงวอนให้ทางภาครัฐ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับรู้ถึงชะตากรรมของคนจนที่แท้จริง และความเดือดร้อนของตนและคนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับตนเองด้วย ที่เชื่อว่ายังคงมีอีกมากหลายราย
ที่ผ่านมาได้เคยไปยื่นอุทธรณ์ขอสิทธิ์แล้ว แต่เขาก็ไม่ให้ และได้เคยเดินทางไปปรึกษาทางกฎหมายกับทางทนายความอาสาที่นั่งอยู่ประจำที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรามามาแล้ว ได้รับคำแนะนำให้ยื่นฟ้องหย่าต่อศาล แต่ต้องมีค่าดำเนินการจำนวนกว่า 1 หมื่นบาท โดยได้เคยไปมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งมีทนายบางรายเรียกค่าใช้จ่ายประมาณ 5 พันบาท เนื่องจากเป็นคดีที่ไม่มีสมบัติอะไรที่จะแบ่งแยกกัน แต่ตนเองก็ยังไม่มีเงินที่จะไปจ่ายให้แก่เขาอยู่ดี นายสมบูรณ์ ระบุ
ขณะที่ นางวงจันทร์ ดอกเข็ม อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/78 ม.18 ต.บางปะกง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ตนเองนั้นก็เป็นอีกหนึ่งคน ที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันกับ นายสมบูรณ์ หลังจากได้เลิกรากับสามีมานานกว่า 20 ปี เนื่องจากถูกสามีทำร้ายแบบปางตาย ในขณะที่อยู่ด้วยกันบ่อยครั้ง จึงได้แยกทางกันมานานแล้ว แต่ยังคงมีทะเบียนสมรสค้างคากันอยู่ และไม่กล้าที่จะกลับไปขอหย่าเพราะเกรงว่าจะถูกทำร้ายอีก จึงได้ปล่อยเวลาให้เนิ่นนานมา และอยู่กันแบบต่างคนต่างอยู่
จึงไม่เคยได้รับสิทธิ์หรือสวัสดิการอะไรจากทางภาครัฐมาก่อนเลย เนื่องจากไม่มีคู่สมรสมาเซ็นชื่อรับรองเช่นเดียวกัน ขณะนี้จึงรู้สึกว่าเป็นการถูกเลือกปฏิบัติ และไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือความเท่าเทียมอะไรในสังคม โดยตนเห็นว่าบางครอบครัวนั้น อยู่รวมกันมากถึง 4-5 คน และทุกคนต่างได้สิทธิ์เช่นเดียวกันทั้งหมด แบบครบถ้วนหน้า แต่สำหรับตนเองแล้วนั้นกลับไม่ได้รับสิทธิ์อะไรเลย อีกทั้งยังเดือดร้อนกว่ากลุ่มผู้ที่ได้รับสิทธิ์กันแบบยกครอบครัวอีกด้วย นางวงจันทร์ กล่าว
สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา