In News
'ภูมิธรรม'ทูตมาเลเซียฯยันความสัมพันธ์ ผลักดันให้เกิดความสงบจว.ชายแดนใต้
กรุงเทพฯ-รองนายกฯ “ภูมิธรรม” หารือ เอกอัครราชทูตมาเลเซียฯ ยืนยันความสัมพันธ์ไทย - มาเลเซียที่ใกล้ชิด พร้อมผลักดันให้เกิดความสงบสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เดินหน้าโครงการพัฒนาความเชื่อมโยง เปิดทางสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจในพื้นที่
วันนี้ (11 พฤศจิกายน 2567) เวลา 10.15 น. ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ดาตุกโจจี แซมูเอล (H.E. Datuk Jojie Samuel) เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่ออำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่ โดยสรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับและยินดีที่ได้พบหารือเอกอัครราชทูตมาเลเซียฯ ในวันนี้ ชื่นชมบทบาทที่แข็งขันของเอกอัครราชทูตมาเลเซียฯ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซียให้ใกล้ชิดและมีพลวัตมากขึ้น โดยไทยและมาเลเซียเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกัน และมีการดำเนินความร่วมมือระหว่างกันที่ราบรื่นตลอดมาในหลาย ๆ ด้าน ตลอดจนมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ โดยรองนายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกอัครราชทูตมาเลเซียฯ จะคงบทบาทในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศต่อไป
เอกอัครราชทูตมาเลเซียฯ ขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทยที่สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยกว่า 7 ปี ซึ่งเป็นประสบการณ์และช่วงเวลาที่ดีมาก รวมถึงบทบาทหน้าที่คณบดีคณะทูตในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งชื่นชมความสัมพันธ์ทวิภาคีไทยกับมาเลเซียที่มีความใกล้ชิด สะท้อนจากการพบหารือระหว่างนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี กับนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม อย่างเป็นทางการหลายครั้ง พร้อมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือที่ดีเช่นนี้ต่อไป
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นความร่วมมือระหว่างกัน ดังนี้
ด้านความมั่นคง รองนายกรัฐมนตรีชื่นชมบทบาทมาเลเซียในฐานะผู้อำนวยความสะดวกของกระบวนการพูดคุยในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งมีส่วนช่วยสร้างสันติภาพในบริเวณดังกล่าว โดยรองนายกรัฐมนตรีมุ่งส่งเสริมความมั่นคงและความสงบสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้สามารถพัฒนาทางเศรษฐกิจได้ต่อไป โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมฮาลาลและยางพารา ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีศักยภาพสูง ด้านเอกอัครราชทูตมาเลเซียฯ เชื่อมั่นว่ารองนายกรัฐมนตรี ซึ่งดำรงตำแหน่งสำคัญคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วย จะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสงบสุขขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และช่วยเสริมสร้าง สานต่อ ความร่วมมืออันดีระหว่างทั้งสองประเทศให้มีความก้าวหน้าที่เป็นรูปธรรม เพื่อเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่สงบสุขและมีเสถียรภาพ ซึ่งจะสนับสนุนการค้าและการลงทุนของทั้งสองประเทศต่อไป
ด้านเศรษฐกิจ รองนายกรัฐมนตรีขอบคุณเอกอัครราชทูตมาเลเซียฯ ที่ผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกันมาโดยตลอด โดยไทยและมาเลเซียมีความคืบหน้าในการดำเนินโครงการพัฒนาความเชื่อมโยงในพื้นที่ชายแดนที่สำคัญระหว่างกัน ทั้งโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัม และโครงการก่อสร้างสะพานสุไหงโก-ลก – รันเตาปันยัง แห่งที่ 2 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้า การลงทุน และการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย-มาเลเซีย ด้านเอกอัครราชทูตมาเลเซียฯ ขอบคุณรองนายกรัฐมนตรี ครั้งที่รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลด้านการค้าและเศรษฐกิจ ได้เยือนมาเลเซียเพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย - มาเลเซีย (Thailand - Malaysia Joint Trade Committee: JTC) ครั้งที่ 3 ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ
ความร่วมมือในระดับภูมิภาค รองนายกรัฐมนตรียืนยันไทยพร้อมสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ปี 2568 ในการส่งเสริมสันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค ด้านเอกอัครราชทูตมาเลเซียฯ พร้อมให้การต้อนรับรองนายกรัฐมนตรีในการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน (ASEAN Defence Ministers' Meeting: ADMM) ช่วงต้นปี 2568 ที่เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย