Authority & Harm

สจ.ธรรมชาติไม่มาศาลจังหวัดฉะเชิงทรา ส่งสองทนายคู่หูยื่นฟ้องอัจฉริยะแทน



ฉะเชิงเทรา-สจ.ธรรมชาติ ไม่มาปรากฎตัวที่ศาลฉะเชิงทราตามกระแสข่าวก่อนหน้า แต่ส่ง 2 ทนายคู่หูคนดังเมืองแปดริ้วมายื่นฟ้องร้องดำเนินคดีต่อทนายอัจฉริยะแทน ในข้อหา “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา” พร้อมเตรียมเรียกร้องมูลค่าความเสียหาย จากการทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงสูงถึง 10 ล้านบาท ขณะศาลรับเรื่องพร้อมนัดไต่สวนมูลฟ้อง ช่วงปลายเดือน ม.ค.68 

วันที่ 22 พ.ย.67 เวลา 13.45 น. ที่บริเวณหน้าศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีนายพนธิต วิหกเหิร และนายสมาร์ท อุปถัมภ์นิรันทร์ สองทนายความคู่หูชื่อดังประจำเมือง จ.ฉะเชิงเทรา ได้เดินทางมาเป็นตัวแทน นายธรรมชาติ พรมพิทักษ์ อดีต ส.อบจ.ฉะเชิงเทรา เขต 1 อำเภอบางคล้า และอดีตประธานสภา อบจ.ฉะเชิงเทรา เพื่อยื่นคำฟ้องร้องดำเนินคดีต่อนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมต่อศาล จ.ฉะเชิงเทรา ในข้อหา “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา”

หลังจากถูกนายอัจฉริยะ กล่าวหาพาดพิงระบุว่าเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการแก๊งค์รีดไถเงินร่วมกับตำรวจไซเบอร์ เพื่อตบทรัพย์จากเจ้าของบ่อนเว็บพนันออนไลน์ที่ฝั่งปอยเปตในประเทศกัมพูชา ผ่านทางสื่อมวลชนออนไลน์ โดยทนายทั้ง 2 คนผู้เป็นตัวแทนมายื่นฟ้องต่อศาลได้ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้ได้รับมอบอำนาจจากนายธรรมชาติ พรมพิทักษ์ หรือ สจ.ธรรมชาติ ให้มาดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ 

โดยการยื่นฟ้องร้องในครั้งนี้ เป็นการยื่นฟ้องเฉพาะในส่วนของ สจ.ธรรมชาติ เพียงคนเดียว ไม่เกี่ยวกับผู้ที่ถูกพาดพิงรายอื่น จากการสอบถามข้อเท็จจริงจากลูกความทราบว่าสิ่งที่ถูกกล่าวหาในส่วนที่ถูกพูดพาดพิงมาถึงนั้น ไม่ได้เป็นความจริง ไม่มีข้อมูลตรงไหนที่ฝ่ายผู้ถูกฟ้องในวันนี้พูดแล้วเป็นความจริงที่สามารถดำเนินคดีกับ สจ.ธรรมชาติ ได้เลย ซึ่งถ้าหากเป็นความจริง สจ.ธรรมชาติ จะต้องถูกดำเนินคดีไปตามกฎหมายแล้ว นายพนธิต กล่าว

ขณะที่ทนายสมาร์ท ได้กล่าวถึงมูลเหตุว่า จากการที่นายอัจฉริยะ อ้างว่าทาง สจ.ธรรมชาติ ไปดำเนินการใช้เล่ห์กลอุบายเพื่อตบทรัพย์กับเจ้าของเว็บพนัน ซึ่งอันนั้นคือข้อกล่าวหา ซึ่งโดยหลักแล้วถ้าเกิดว่า สจ.ธรรมชาติ นั้นเขาจะทำหรือไม่ทำไม่รู้ นายอัจฉริยะ ควรที่จะดำเนินการในด้านทางกฎหมายเพียงด้านเดียว แต่ไม่เหมาะสมที่จะมากล่าวหากันผ่านทางสื่อออนไลน์ และยังเป็นการทำลายชื่อเสียง ซึ่งหากมีข้อมูลจริงก็ควรที่จะยื่นฟ้องในทางกฎหมาย เพื่อที่จะให้มีการดำเนินคดีกันไป และให้ศาลเป็นผู้ตัดสินว่าจริงหรือไม่จริง หากว่าผิดจริงก็ให้ดำเนินคดีได้เลย นายสมาร์ท กล่าว

 โดยที่นายพนธิต กล่าวเพิ่มอีกว่า ทาง สจ.ธรรมชาติ อยากขอความเมตตาขากศาลเพื่อขอความเป็นธรรม เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมที่ถูกกล่าวหาในส่วนที่ไม่เป็นความจริง ก็ขอให้ศาลเมตตาช่วยพิสูจน์ว่าตนเองไม่มีความผิดตามที่ถูกกล่าวหา และในส่วนของคดีทางแพ่งนั้นจะมีการดำเนินการต่อจากนี้ไป ซึ่งในเบื้องต้นนั้นได้ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลในข้อหาเดียวไปก่อน เกี่ยวกับการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และอาจจะมีคดีตามหลังมาอีกจากนี้

ในวันนี้เป็นการยื่นฟ้องโดยตรงต่อศาล จ.ฉะเชิงเทรา โดยไม่ผ่านทางพนักงานสอบสวน ส่วนสาเหตุที่ทาง สจ.ธรรมชาติ ไม่ได้มาที่ศาลด้วยตนเองนั้น สอบถามแล้ว สจ.ธรรมชาติ ประสงค์ที่จะมอบหมายให้แก่ทางทนายความเป็นผู้มาดำเนินการ โดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องมายื่นฟ้องดำเนินคดีด้วยตนเอง และหลังจากการฟ้องดำเนินคดีทางอาญาแล้ว จะมีการฟ้องร้องทางแพ่งต่อไป ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้นั้นประมาณ 10 ล้านบาท

เพราะถือเป็นการทำให้ สจ.ธรรมชาติ เสียชื่อเสียงเสียศักดิ์ศรีโดยที่ไม่สามารถประเมินเป็นมูลค่าได้ สำหรับชื่อเสียงที่เสียไป โดยที่ สจ.ธรรมชาติ นั้นเป็นคนที่มีชื่อเสียงใน จ.ฉะเชิงเทรา เป็นถึงอดีตประธานสภา อบจ.ฉะเชิงเทรา การที่มีข่าวออกมาอย่างนี้จึงทำให้ได้รับความเสียหายอย่างมาก หลังการเข้ายื่นคำฟ้องต่อศาล จ.ฉะเชิงเทรา แล้ว ศาลได้มีคำสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 27 ม.ค.67 เวลา 09.00 น. ทนายความทั้ง 2 รายระบุร่วมกัน

สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา