Biz news

วันซันโทรี่มิซุอิกุ:เรารักษ์น้ำพาเด็กผู้ชนะ รร.ต้นแบบรักษ์น้ำมิซุอิกุบินลัดฟ้าสู่ญี่ปุ่น



กรุงเทพฯ 21 พฤศจิกายน 2567- บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์สินค้าของซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย และ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จํากัด ผู้นำตลาดอาหารเสริมสุขภาพในประเทศไทยและอินโดไชน่า ในฐานะผู้ดำเนินโครงการ วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ” ประจำปี 2567 (One Suntory Mizuiku Program 2024) มอบรางวัลสุดพิเศษโดยพาแกนนำนักเรียนและครูจากโรงเรียนที่ชนะการประกวด “โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ (Mizuiku Water Model School) ได้แก่ โรงเรียนเพชรพิทยาคม จ.ชลบุรี และ โรงเรียนชุมชนบริษัทน้ำตาลตะวันออก จ.ระยอง  เดินทางไปทัศนศึกษาเรียนรู้ต้นกำเนิดของโครงการ “มิซุอิกุ” ณ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 28-31 ตุลาคมที่ผ่านมา 

 

ตลอดระยะเวลาของการศึกษาดูงานในประเทศญี่ปุ่น ตัวแทนจากทั้ง 2 โรงเรียนที่ชนะการประกวดได้ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และมีโอกาสนำเสนอผลงานการอนุรักษ์น้ำทั้งภายในโรงเรียนและขยายผลสู่ชุมชนโดยรอบให้กับผู้บริหารของซันโทรี่ ส่วนงานด้านความยั่งยืน ณ สำนักงานซันโทรี่ ทามาชิ กรุงโตเกียว รวมถึงเพลิดเพลินไปกับกิจกรรม Outdoor School of Forest and Water ในห้องเรียนธรรมชาติ เพื่อศึกษาวัฏจักรของน้ำ พันธุ์ไม้นานาชนิด และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ภายในป่ารอบ “มินามิ แอลป์” หนึ่งในเทือกเขาที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในจังหวัดยามานาชิ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑล  หรือ “UNESCO Eco Park” ในปี 2557 นอกจากนี้ น้อง ๆ เยาวชน ยังได้เยี่ยมชมกระบวนการผลิตน้ำแร่ธรรมชาติบรรจุขวด ซึ่งมีแหล่งกำเนิดมาจาก “มินามิ แอลป์” เพื่อเรียนรู้การใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมภายในโรงงาน Suntory Hakushu Water Plant ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณป่าอันอุดมสมบูรณ์  รวมถึงได้เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้แกนนำนักเรียนและครูเข้าชมหอแสดงดนตรีซันโทรี่ (Suntory Hall)และสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงโตเกียวอีกหลายแห่ง อาทิ วัดอาซากุสะ และโตเกียวสกายทรี เป็นต้น 

นางสาววิภาวรรณ ทัศนปรีชาชัย ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด  เล่าถึงที่มาและวัตถุประสงค์ของการทัศนศึกษาในครั้งนี้ว่า “ทั้งสองบริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พาน้อง ๆ เยาวชนไทยและคุณครูรวมกว่า 30 คน ซึ่งเป็นผู้ชนะการประกวด ‘โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ’ โดยบูรณาการการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในโรงเรียนได้ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ด้านนโยบาย การมีส่วนร่วมของบุคลากร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการขยายผลสู่ชุมชนโดยรอบ การเดินทางมาทัศนศึกษา ณ ประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ เป็นโอกาสดีมาก ๆ ที่น้อง ๆ ได้เห็นแนวทางการดำเนินโครงการ‘มิซุอิกุ’            ณ ประเทศต้นกำเนิด ที่เป็นต้นแบบการอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ผ่านการทำเวิร์กช็อปและกิจกรรมสนุกสนานต่าง ๆ ซึ่งสอดแทรกความรู้เรื่องวัฎจักรและคุณค่าของน้ำและสิ่งแวดล้อมในแบบฉบับของญี่ปุ่น ซึ่งจะช่วยต่อยอดองค์ความรู้ของน้อง ๆ ซึ่งเป็นแกนนำมิซุอิกุคลับของโรงเรียน เพื่อนำไปพัฒนาโครงการอนุรักษ์น้ำในโรงเรียนและขยายผลสู่ชุมชนโดยรอบต่อไป การจัดกิจกรรมทัศนศึกษาในครั้งนี้ ตอกย้ำค่านิยมองค์กร ‘การเติบโตอย่างยั่งยืน’ (Growing for Good) ของเรา เพราะน้อง ๆ เยาวชนในวันนี้ จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ใส่ใจดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมในอนาคต”

นางมธุวลี สถิตยุทธการ ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจและองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงกิจกรรมและประโยชน์ของการทัศนศึกษาครั้งนี้ว่า “ทีมงานวัน ซันโทรี่ มุ่งหวังให้เยาวชนและคุณครูได้เรียนรู้เกี่ยวกับแนวทางการอนุรักษ์น้ำและทรัพยากรธรรมชาติผ่านกิจกรรมที่ได้ลงมือปฏิบัติจริง ทำให้จดจำง่าย ได้รับทั้งประสบการณ์และความประทับใจอย่างกิจกรรม ‘Outdoor School of Forest and Water’ ที่คล้ายคลึงกับกิจกรรม ‘Nature Classroom’ ที่เราดำเนินการในประเทศไทย ซึ่งช่วยให้น้อง ๆ นักเรียนเข้าใจถึงคุณค่าและบทบาทของผืนป่าซึ่งมีความสำคัญต่อดินน้ำและสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ ตลอดจนมีโอกาสได้สัมผัสถึงความมหัศจรรย์ของธรรมชาติจากพันธุ์พืชและสัตว์เฉพาะถิ่นที่พวกเขาไม่เคยพบเจอในประเทศไทย     การทัศนศึกษาในครั้งนี้นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญในการเปิดโลกทัศน์ให้เยาวชนไทยได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์และแรงบันดาลใจเพื่อนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้และพัฒนาชุมชนของตนเอง ตลอดจนได้เรียนรู้ศิลปะวัฒนธรรม และแนวทางการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศญี่ปุ่นด้วย”

เด็กหญิงฝนแก้ว ภาสุระภิญโญ แกนนำโครงการฯ จากโรงเรียนเพชรพิทยาคม จ.ชลบุรี กล่าวว่า "ประทับใจมากกับการได้มาเรียนรู้การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำที่ญี่ปุ่น ทำให้หนูและเพื่อน ๆ ได้เห็นว่าการดูแลรักษาน้ำไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้ในชีวิตประจำวัน การทัศนศึกษาที่ญี่ปุ่นครั้งนี้ทำให้ตระหนักได้ว่ามีแนวทางการอนุรักษ์น้ำและธรรมชาติมากมายที่พวกเราสามารถช่วยกันทำได้โดยเริ่มจากตัวเรา หลังจากนี้หนูตั้งใจจะนำความรู้ที่ได้กลับไปขยายผลในโรงเรียน และจะชวนครอบครัว รวมถึงชุมชนให้ร่วมกันประหยัดน้ำและรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังมากขึ้นค่ะ"

ด้าน นางสาวจันทิมา อรรถชัยยะ คุณครูผู้รับผิดชอบโครงการฯ จากโรงเรียนชุมชนบริษัทน้ำตาลตะวันออก จ.ระยอง เผยความประทับใจหลังการทัศนศึกษาที่ญี่ปุ่นว่า "การได้เห็นการบริหารจัดการน้ำในโรงงานที่มีประสิทธิภาพสูงและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในชุมชนและท้องถิ่น ทำให้เราได้แนวคิดใหม่ ๆ ที่จะนำกลับมาพัฒนาระบบการจัดการน้ำในโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงการสร้างจิตสำนึกให้นักเรียนและคนในชุมชนเห็นคุณค่าของน้ำผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ที่สนุก เข้าใจง่าย และทำได้จริง" 

ด้าน นายอเล็กซานเดอร์ ไซมอน เรนเดลล์ ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) หนึ่งในหน่วยงานพันธมิตรที่ร่วมโครงการ วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ" กล่าวว่า "การพาน้อง ๆ มาทัศนศึกษาที่ญี่ปุ่นครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยต่อยอดแนวคิด 'ไม่มีน้ำ ไม่มีเรา' (No Water No Life) ที่เราปลูกฝังน้อง ๆ เยาวชน ผ่านการเรียนรู้ด้วยการลงมือทําจริงที่สอดแทรกความสนุกสนาน ทริปนี้ทำให้ผมได้เห็นการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำของซันโทรี่ในประเทศญี่ปุ่น และได้เรียนรู้แนวทางใหม่ ๆ ผมเชื่อว่าประสบการณ์ครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการสร้างเครือข่ายเยาวชนรักษ์น้ำที่เข้มแข็งและทำให้ชุมชนในพื้นที่เกิดความตื่นตัวและร่วมมือกันในการดูแลทรัพยากรน้ำของเราอย่างยั่งยืนต่อไป"

ความสำเร็จของโครงการวัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ ประจำปี 2567 ปิดฉากลงอย่างงดงาม เพื่อฉลองโอกาสครบรอบ 20 ปี โครงการ “มิซุอิกุ” ของซันโทรี่ในประเทศญี่ปุ่น ความสำเร็จของโครงการฯ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของบริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค  เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ที่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน  พร้อมตอกย้ำค่านิยมองค์กร คือ “การเติบโตอย่างยั่งยืน” (Growing for Good) และ “การตอบแทนกลับคืนสู่สังคม” (Giving Back to Society) ของทั้งสองบริษัทได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อส่งต่อทรัพยากรธรรมชาติอันล้ำค่านี้ให้แก่คนรุ่นหลังต่อไป