In News
ศปช.ชงแผนแก้ปัญหาน้ำท่วมภาคเหนือ ต่อครม.ใน29พ.ย./เริ่ม1ม.ค.-31พ.ค.68
“รองนายกฯ ภูมิธรรม” ประธานศูนย์ ศปช. เผยเตรียมเสนอแผนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและดินโคลนถล่มพื้นที่ภาคเหนือ ต่อที่ประชุม ครม.สัญจร 29 พ.ย. นี้ กำหนดแผนดำเนินการ 1 ม.ค. - 31 พ.ค. 68
กรุงเทพฯ-“รองนายกฯ ภูมิธรรม” ประธานศูนย์ ศปช. เผยเตรียมเสนอแผนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและดินโคลนถล่มพื้นที่ภาคเหนือ ต่อที่ประชุม ครม.สัญจร 29 พ.ย. นี้ กำหนดแผนดำเนินการ 1 ม.ค. - 31 พ.ค. 68
วันนี้ (25 พฤศจิกายน 2567) เวลา 10.15 น. ณ ห้องประชุม 108 อรรถไกวัลวที ชั้น 1 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ครั้งที่ 4/2567 โดยมีนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม กล่าวก่อนการประชุมว่า วันนี้ประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ได้มีหารือกรอบแนวทางการแก้ไขการทำงานต่อเนื่อง เรื่องของดินถล่มและอุทกภัยที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายถือเป็นสถานการณ์อุทกภัยที่หนักมากในหลาย 10 ปี ซึ่งขณะนี้สภาพอากาศทางภาคเหนือไม่มีฝน แต่ในส่วนของภาคใต้จากที่ได้รับรายงานยังมีพายุฝนมากกว่าปกติ ดังนั้น ขอให้ทุกหน่วยงานได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุทกภัยรุนแรงที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานกองทัพให้ความช่วยเหลือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย พร้อมกันนี้ รองนายกฯ ขอบคุณฝ่ายพลเรือน กองทัพ หน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และมูลนิธิต่าง ๆ ที่ช่วยกันสรรพกำลังระดมให้ความช่วยเหลือประชาชนทั้งความสามัคคีที่ทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่รวดเร็ว และประชาชนมีความอุ่นใจในการได้รับความช่วยเหลือครั้งนี้ด้วย
โดยที่ประชุมได้พิจารณาและเห็นชอบในประเด็นสำคัญ ถึงแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และดินโคลนถล่มในพื้นที่ภาคเหนือ ดังนี้
1. รับทราบการแต่งตั้งคณะทำงานศึกษาวางแผนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และดินโคลนถล่มในพื้นที่ภาคเหนือ
2. รับทราบสรุปผลการประชุมและผลการดำเนินงานภายใต้คำสั่งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.)
3. รับทราบรายงานการให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยวาตภัย และดินโคลนถล่ม ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567
4. เห็นชอบการดำเนินงานของคณะทำงานศึกษาวางแผนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และดินโคลนถล่มในพื้นที่ภาคเหนือ
5. เห็นชอบหลักการมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยาฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่มของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อนำไปใช้ในการจัดหาวัสดุอุปกรณ์การศึกษา เครื่องแบบ ตลอดจนซ่อมแซมสถานศึกษา และให้ ศธ.หารือกับ กค. เพื่อหาข้อสรุปเรื่องความซ้ำซ้อนในการเบิกจ่ายงบประมาณก่อนเสนอ ครม.ต่อไป
6. เห็นชอบแผนการดำเนินงานการขุดลอกเพื่อการป้องกันปัญหาน้ำท่วมในแม่น้ำระหว่างประเทศ (ไทย - พม่า)
ภายหลังการประชุม รองนายกรัฐมนตรีกล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า จะนำข้อสรุปแผนรองรับสถานการณ์อุทกภัยในปี 2568 เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งคณะทำงานฯ เห็นชอบในหลักการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า รวมถึงงานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณที่จะนำมาใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาเยียวยาให้ได้ภายในเดือนธันวาคมและวางแผนการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 เพื่อเตรียมการรองรับสถานการณ์ฤดูฝน ซึ่งจะต้องทำงานให้เต็มที่ตามกรอบเวลาที่ได้กำหนดไว้
รองนายกรัฐมนตรีได้พูดถึงประเด็นการขุดลอกลำน้ำคูคลองแม่น้ำปิงและแม่น้ำกก ว่าได้มอบหมายให้หน่วยทหารพัฒนารับผิดชอบเข้าไปขุดลอกเป็นหน่วยปฏิบัติการ ส่วนทางเลขาคณะกรรมการที่ได้ตั้งขึ้นมาจะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน อีกทั้ง กระทรวงมหาดไทยจะต้องเคลียร์ปัญหาเรื่องพื้นที่รุกล้ำ เวนคืน และต้องสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ ส่วนแม่น้ำสายเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศจะต้องมีการพูดคุยกับประเทศเมียนมา ซึ่งกองบัญชาการทหารสูงสุดได้รับมอบหมายให้ดำเนินการพูดคุยกับทางประเทศเมียนมาเรียบร้อยแล้ว โดยทางประเทศเมียนมายินดีให้ดำเนินการขุดลอกพื้นที่ร่วมกัน ทั้งนี้ ได้มีการตกลงกันเบื้องต้นแล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการในข้อกฎหมายระหว่างประเทศให้เสร็จสิ้น ส่วนเรื่องการบุกรุกลำน้ำ ได้มอบหมายให้กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย และจังหวัดรับผิดชอบในการดำเนินการเคลียร์พื้นที่ โดยเฉพาะแม่น้ำสายที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่บุกรุกจนทำให้เหลือทางน้ำไหลผ่านน้อยลง ทั้งนี้ จะต้องมีการหาทางออกให้กับประชาชนในพื้นที่นั้นด้วย โดยจะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคมนี้