Authority & Harm
'หนุ่มโพสต์ตร.ทิ้ง'ถูกปิดปากไม่ให้จ่อสื่อ ขู่มีมือปืนแค่อำเล่น/ตร.รวบรวมเอาผิด
นครปฐม-ชายปรากฏเสียงในคลิปมีมือปืนติดตามตัวหนุ่มโพสต์ถูกตำรวจยึดรถแล้วทิ้งกลางทาง โผล่ลงบันทึกประจำวันอ้างทำไปเพราะเป็นห่วงเนื่องจากผู้โพสต์ใช้โซเชียล ไม่เหมาะสม กลัวจะมีปัญหากับคนอื่น ส่วนเจ้าตัววันนี้ขอไม่ให้ข้อมูลรักษาสิทธิ์แต่ยังปรากฏไปรับรถคืน ขณะตำรวจกำแพงแสนออกหนังสือชี้แจงชัดเจนไม่มีการกลั่นแกล้งประชาชนและปฏิบัติไปตามหน้าที่ เตรียมดูสำนวนข้อมูล ของผู้โพสต์และคอมเม้นต์หากเข้าข่ายพร้อมดำเนินคดีทางกฎหมายพรบ.คอมพิวเตอร์
วันที่ 28พฤศจิกายน 67 จากกรณี กิตติพงษ์ หนุ่มกำแพงแสน โพสต์คลิบ ภาพและข้อความ ว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เรียกให้ตรวจค้นรถจักรยานยนต์ ซึ่งตนเองได้ขี่พาแฟนไปซื้อของช่วงกลางคืน และมีการเรียกดูเอกสารแต่เป็นชื่อพ่อแฟนที่เสียชีวิตไปแล้วและไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการยึดรถไปตรวจสอบ และได้ทิ้งตนเองและแฟนไว้กลางทางช่วงกลางคืน ซึ่งทั้ง 2 ฝั่งได้ออกมาชี้แจงในมุมของแต่ละฝ่ายไปแล้ว
ล่าสุดวันนี้นายจิรพธ์ สระทองจีน อายุ 42 ปี หรือช่างนะ ช่างซ่อมแอร์ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เพื่อลงบันทึกประจำวันหลังจากปรากฎเสียงของตนเองไปอยู่ในคลิปที่นายกิตติพงษ์ได้มีการโพสต์ข้อความและส่งให้สื่อมวลชนได้ดู ไปเมื่อวานนี้โดยยอมรับว่าเสียงดังกล่าวตนเองได้เป็นผู้โทรไปหานายกิตติพงษ์จริง เนื่องจากมีความเป็นห่วงว่านายกิตติพงษ์ น่าจะมีปัญหาอีกหลายเรื่องและไม่อยากให้มีปัญหาอื่นติดตามมา
ช่างนะ บอกว่าเสียงดังกล่าวเป็นเสียงของตนเอง ซึ่งได้ทราบหลังจากที่เห็นโพสต์ข้อความปรากฏในเพจ ข่าวสารกำแพงแสน โดยมีความเป็นห่วงเนื่องจากนายกิตติพงษ์ เคยทำงานอยู่กับตนเองและเป็นคนนิสัยดีน่ารักจึงเกิดความเป็นห่วงและไม่อยากให้มีเรื่องบานปลายกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจึงได้วางแผนออกอุบายกับเพื่อนทั้งสองคนว่าจะโทรมาหลอกให้นายกิตติพงษ์ ลบโพสต์และหยุดการกระทำที่เกิดขึ้นเนื่องจากไม่ส่งผลดีกับใคร และขอยอมรับว่าเรื่องทั้งหมดตนเองได้พยายามพูดขึ้นเพื่อสร้างสถานการณ์ขึ้นมา
"คือผมเป็นคนโทรไปเอง เพราะรู้นิสัยน้องคนนี้ดีว่าเค้ามีอะไรก็ชอบโพสต์ขึ้นโซเชียลและเรื่องที่โพสต์มันก็ดูรุนแรงเกินไปก็เลยออกอุบายกันเพื่อจะอำน้องให้หยุดพฤติกรรมแต่ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องบานปลายเรื่องนี้แสดงขึ้นจากความเป็นห่วงของของผมจริงๆเรื่องมือปืนหรืออะไรผมก็ว่าไม่มีที่ตำรวจจะมาสั่งให้ผมทำแบบนั้น" ช่างนะกล่าวหลังมาทำการลงบันทึกประจำวัน
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้โทรสอบถามกับนายกิตติพงษ์ ซึ่งได้บอกว่าผมทราบเรื่องที่ ช่างนะได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรกำแพงแสนแล้ว และขอไม่พูดอะไรยังไม่ให้ข้อมูลหรือสัมภาษณ์ใดใดโดยขอให้พักเรื่องราวทั้งหมดไว้ก่อนและยังไม่ได้รับการติดต่อประสานงานจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งเรื่องการข่มขู่หรือการติดต่อให้ไปรับรถออกจากที่ถูกยึดไว้แต่อย่างใด
ขณะที่ ทางสถานีตำรวจภูธรกำแพงแสน ได้มีการออกหนังสือชี้แจง ในกรณีดังกล่าวเพื่อชี้แจงกับประชาชน โดยมีเนื้อหาระบุว่าตามที่ปรากฏในสื่อสาธารณะ ข่าวสารกำแพงแสน กรณีผู้ใช้ Facebook โพสต์ว่าขับรถออกมาดีดีจะมาซื้อน้ำแต่ถูกตำรวจก็ศาลยึดรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนและทิ้งผู้ขับขี่ไว้กลางทาง ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณตีหนึ่งครึ่ง และตามคลิปที่ปรากฏซึ่งรถจักรยานยนต์ดังกล่าวได้ขับขี่มาถึงบริเวณหน้าร้าน เฝอแฟคตอรี่ จึงได้ให้ทำการหยุดตรวจและได้ขอดูสมุดสำเนารถ พบว่าเป็นของบุคคลอื่น ซึ่งเป็นเหตุสงสัยได้ว่าได้มาโดยผิดกฎหมายหรือมีเหตุอันสมควรว่าได้ให้ใช้หรือตั้งใจจะนำไปใช้ในการกระทำความผิด จึงได้ทำการบันทึกและยึดรถคันดังกล่าวไว้ ส่วนกรณีที่ถูกทิ้งไว้กลางทางนั้น เจ้าหน้าที่ได้สอบถามแล้ว ผู้โพสต์ แจ้งว่าแฟนของผู้โพสต์อาศัยอยู่ที่หอพักใกล้ๆ ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นเขตชุมชนมีแสงสว่าง ไม่น่าจะมีเหตุอันตรายใดใดจึงได้นำรถดังกล่าวไปตรวจสอบและลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่าผู้โพสต์ไปแจ้งเหตุว่าถูกตำรวจยึดรถแล้วปล่อยผู้โพสต์ทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุทำให้เกิดความเดือดร้อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้กลับที่เกิดเหตุและพบผู้โพสต์และแฟนของผู้โพสต์อยู่บริเวณเดิม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามว่าต้องการให้ไปส่งบ้านหรือไม่ ผู้โพสต์บอกว่าไม่ต้องการเนื่องจากจะมีเพื่อนมารับ เจ้าหน้าที่จึงได้รายงานกลับไปที่ศูนย์วิทยุและออกจากที่เกิดเหตุไม่ได้มีการเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้ใดได้รับความเดือดร้อนแต่อย่างใด
ขณะที่มีข้อมูลว่าขณะนี้ นายกิตติพงษ์ ยังติดต่อประสานเข้ามารับรถจักรยานยนต์ที่ถูกยึดแต่อย่างใด ส่วนกรณีของการแจ้งความกลับเพื่อดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาท ทางพรบ.คอมพิวเตอร์ ถามพนักงานสอบสวนจะได้รวบรวมหลักฐานว่าเข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือทำให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานหรือไม่ และรวมถึงกลุ่มของผู้เข้ามาคอมเม้นต์ซึ่งมีหลายรายโดยจะมีการตรวจสอบ ว่าเจ้าของคอมเม้นท์นั้นเป็นบุคคลใดหรืออยู่ที่ไหน ซึ่งจะมีการประเมินและดำเนินการต่อไป ตามกระบวนการ