In Thailand
เปิดใจ..'ผู้ใหญ่ไก่'นายกอบจ.ฉะเชิงเทรา ข่มกระแสถูกล้อมกรอบ'กลุ่มบ้านใหญ่'
ฉะเชิงเทรา-เปิดใจผู้ใหญ่ไก่ “กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์” ไม่หลีกทางให้แก๊งค์บ้านใหญ่ ที่จ่อบุกยึดเก้าอี้นายก อบจ.แปดริ้ว เหตุจากประชาชนยังโหยหา ร้องขอให้หวนกลับมานั่งบริหารงานท้องถิ่นในพื้นที่ต่ออีกสมัย ระบุ “ผมทิ้งประชาชนไม่ได้ เพราะประชาชน คือ นายของผม” พร้อมยอมรับ “ถูกโดดเดี่ยว” ให้ต้องสู้แต่เพียงลำพัง
วันที่ 9 ธ.ค.67 เวลา 11.00 น. นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ได้เปิดเผยถึงอนาคตทางการเมืองที่กำลังจะหมดวาระลงในวันที่ 19 ธ.ค.67 นี้ว่า ตนเองยังคงยืนยันที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา (อบจ.) ต่อไปอีก 1 สมัย หลังจากมีประชาชนจำนวนมากได้มาเรียกร้องขอให้ตนกลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง เพื่อนั่งบริหารงานในตำแหน่ง นายก อบจ.ต่อไป
ซึ่งครั้งแรกนั้นเคยคิดว่าอยากจะวางมือ และจะไม่ลงสมัครอีกแล้ว เพราะคิดว่าได้ทำงานเพื่อประชาชนมามากพอสมควรแล้ว แต่เมื่อมีพี่น้องประชาชนทราบข่าวว่าตนเองนั้นจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ. อีกต่อไป จึงได้ต่างพากันเข้ามาเรียกร้องบอกว่าขอให้ลงสมัครเป็นนายกฯ ต่อไป เพราะหากว่าตนเองไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งต่อไปนั้น เวลาชาวบ้านมีความเดือดร้อนเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใครได้ จะเข้าหาใครและเป็นที่พึ่งได้ เพราะตนเองนั้นได้ดูแลช่วยเหลือสังคมมาเป็นอย่างดีมานานแล้ว
ฉะนั้นจึงได้กลับมาคิดได้ว่า ถึงอย่างไรก็ต้องกลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชนต่อไป ตามที่ชาวบ้านต้องการและต่างพากันสงสารตนและอยากให้ได้กลับเข้ามารับใช้ประชาชนต่อไป แม้จะมีกระแสข่าวออกผ่านทางสื่อมวลชนว่า ในระยะนี้ได้มีผู้ที่ออกมาเปิดตัวว่า จะมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.กันเป็นจำนวนมากหลายคน โดยตนก็มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นวิถีทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ที่ใครก็มาลงสมัครรับเลือกตั้งได้
โดยในขณะนี้เท่าที่ทราบข่าวมาแล้วนั้น มีมากถึง 3 คน จึงอยากจะขอฝากไปถึงยังพี่น้องประชาชนว่า หากที่ผ่านมานั้นตนเองได้ทำคุณงามความดีเอาไว้ให้แก่ประชาชนได้เห็น และถ้าหากมองเห็นก็เลือกตนเองให้ได้กลับเข้ามาทำงานต่อไป แต่หากมองไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ตนก็จะกลับมาเป็นชาวบ้านธรรมดาทั่วไปเหมือนกัน ซึ่งที่ผ่านมาเวลาไปไหนตนมักจะพูดเสมอว่า “พี่น้องประชาชน คือ เจ้านายของผม” เพราะหากไม่มีพี่น้องประชาชน ผมก็ไม่สามารถที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารท้องถิ่นได้
แตกต่างจากผู้ที่เป็นข้าราชการประจำ ที่เขาสอบแข่งขันกันเข้ามาทำงานเป็นข้าราชการได้ตามความสามารถ จึงถือว่าเป็นคนเก่ง ฉะนั้นก็อยากฝากผ่านไปทางสื่อมวลชนด้วยว่า ตนเองยินดีที่จะดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชนชาว จ.ฉะเชิงเทรา ต่อไปอีก 1 ครั้ง และขออวยพรไปถึงยังในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ด้วยว่า “ขอให้พี่น้องชาว จ.ฉะเชิงเทรา และชาวไทยทั่วทั้งประเทศจงประสบโชคดี บุญบารมีหลวงพ่อโสธรคุ้มครองทุกคนให้มีความสุขความเจริญ มุ่งหวังสิ่งใดขอให้สมความปรารถนา หากเป็นนักการเมืองก็ขอให้ได้ชัยชนะกลับมา หากเป็นข้าราชการก็ขอให้มีตำแหน่งที่สูงขึ้น ขอให้โชคดีในปี 2568 ตลอดทั้งปี มีอายุยืนยาวทุกคน” นายกิตติ กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หนักใจหรือไม่ที่มีกระแสข่าวว่ามีกลุ่มคนบ้านใหญ่เปิดตัวว่าจะส่งคนตระกูลดัง “ฉายแสง” มาลงแข่งขันเพื่อแย่งชิงเก้านายก อบจ.ในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย นายกิตติ ตอบว่าหนักใจมาก เพราะว่ามีนักการเมืองระดับชาติ ได้ลงมาสนับสนุนกัน ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรและหนีไม่ออก แต่ก็ต้องลงสมัครรับเลือกตั้งเพราะต้องอาศัยพี่น้องประชาชน ขณะนี้ได้มีผู้หลักผู้ใหญ่ระดับอดีต รมต.โทรศัพท์มาสอบถามว่า ตนเองนั้นโดนกลุ่มคนบ้านใหญ่รุมกันมากมายถึงขนาดนี้เลยหรือ
จึงได้ตอบกลับไปว่า “ไม่รู้ว่าจะทำอย่างครับ เพราะผมก็อยู่ตัวคนเดียว” ก็คงได้แต่อาศัยพี่น้องประชาชนในการเดินหน้าต่อไป โดยต้องยอมรับว่าในขณะนี้ตนเองนั้น “ถูกโดดเดี่ยว” แต่ก็อาจจะมีผู้หลักผู้ใหญ่บางรายนั้น อาจจะเข้ามาช่วยเหลือบ้างทางด้านหลัง โดยที่ไม่ได้ออกหน้าอย่างเต็มตัว ส่วนกลุ่ม ส.อบจ. ในทีมงานนั้น ยังคงพร้อมที่จะกลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งต่อสู้ในทีมเดียวกันต่อไป แบบพร้อมกันจนครบทุกเขตเลือกตั้งรวม 30 คน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย นายกิตติ กล่าว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวยังรายงานด้วยว่า ตลอดระยะเวลาโค้งสุดท้ายช่วงก่อนหมดวาระการบริหารงานของ นายก อบจ. และ ส.อบจ.ชุดเก่าในวันที่ 19 ธ.ค.67 นี้ ได้มีการเปิดตัวหรือนำเสนอตนเองว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.คนต่อไปจำนวน 3 คน ซึ่งประกอบด้วย นายกลยุทธ ฉายแสง นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา น้องชายคนรองของนายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต รมว.ศึกษาธิการ
โดยมีกลุ่มการเมืองขนาดใหญ่ซึ่งประกอบด้วยนักการเมืองระดับชาติ หรือซุ้มบ้านใหญ่หลายหลังเข้ามาให้การสนับสนุน เช่น คนบ้านริมน้ำ “นายสุชาติ ตันเจริญ” ทั้งยังมี “นายพินิจ จารุสมบัติ” อดีตแกนนำกลุ่มวังพญานาค นายสมชัย อัศวชัยโสภณ อดีต ส.ส.เขต 2 ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เขต 4 ฉะเชิงเทรา
ตลอดจนกลุ่มของกำนันบัง “นายสมบัติ นพเกตุ” ผู้กว้างขวางในย่าน อ.แปลงยาว อดีตฐานคะแนนเสียงของพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งแถบภาคใต้ เข้ามาให้การสนับสนุนในการลงสมัครแย่งชิงตำแหน่ง นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ในครั้งนี้ และยังมี นายพนธ์ มรุธพงษ์สาธร อดีตเลขานุการนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ที่เคยอยู่ร่วมงานกันกับนายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ แต่ได้หวนกลับมาเปิดตัวที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งแข่งขันเป็นนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ในครั้งนี้ด้วยอีกคน
ท่ามกลางสายตาของคนในสังคมชาว จ.ฉะเชิงเทรา ที่ต่างพากันจับจ้อง และต่างพูดถึงการเลือกตั้งในครั้งนี้กันทั่วไปอย่างกว้างขวาง เพราะถือเป็นการวัดพลังของคนการเมืองท้องถิ่นกับพลังของคนการเมืองระดับชาติที่มีดีกรีบ้านใหญ่ในพื้นที่ ว่าบุคคลกลุ่มใดที่ประชาชนในพื้นที่เชื่อถือ ให้ความรักและให้ความไว้วางใจในการเข้ามาทำงาน ในหน้าที่บริหารงานท้องถิ่นระดับจังหวัดมากกว่ากัน
สำหรับ นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นั้นปัจจุบัน อายุ 78 ปี ลงเล่นการเมืองครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2538 ได้รับเลือกตั้งให้เป็น สจ.เขต อ.เมืองฉะเชิงเทรา รวม 2 สมัย เคยตำรงตำแหน่งรองนายก อบจ.มา 4 ปี จากนั้นในปี พ.ศ.2547 ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา สมัยแรกจากการสนับสนุนของคนตระกูลฉายแสง (นายอนันต์ ฉายแสง) จากนั้นได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งอย่างต่อเนื่องมาอย่างยาวนานรวม 4 สมัย บวกกับช่วงวาระพิเศษในยุค คสช. รวมระยะเวลา 20 ปี 8 เดือน 27 วัน และกำลังใกล้จะหมดวาระสมัยที่ 4 ลงในวันที่ 19 ธ.ค.67 นี้
สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา