In News
ครม.นัดสุดท้ายปี67กับ5ข้อสั่งการนายกฯ จี้รมต.โชว์ผลงาน/จัดครม.สัญจรสงขลา
กรุงเทพฯ-นายกฯ ขอ ครม. แจ้งข่าวดีปีใหม่ทุกกระทรวง พร้อมนโยบายปีหน้า ส่วนช่วงเทศกาลปีใหม่นี้สั่งทุกหน่วยงานดูแลประชาชนให้เต็มที่ โดยเฉพาะ “เมาไม่ขับ” พร้อมลงตรวจความพร้อมการเดินทาง ปชช. พฤหัสนี้ ส่วนปีหน้าพร้อมลงใต้จัดประชุม ครม. สัญจร ครั้งที่ 2 ที่สงขลา
วันนี้ (24 ธันวาคม 2567) เวลา 12.40 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ ได้สั่งการให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอ เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้ได้รับความสะดวกปลอดภัยในการเดินทาง และนอกจากนี้ ให้แต่ละกระทรวงมีนโยบายหรือว่าแพ็กเกจของขวัญปีใหม่จากทุกกระทรวงที่จะมอบให้กับพี่น้องประชาชน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไป ตั้งแต่ที่รัฐบาลเข้ามาทำงานได้มีนโยบายต่าง ๆ ที่เป็นนโยบายสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้ภาคธุรกิจและพี่น้องประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2568 งบประมาณจะเพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องของงบประมาณจะมีการขาดดุลการคลังที่ลดลง ซึ่งถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดีแต่ตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจหลาย ๆ ตัว ต้องเร่งรัดเพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น จึงได้ฝากข้อสังเกตให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐและกระทรวงการคลังดำเนินการดังต่อไปนี้
1. เรื่องเป้าหมายทางเศรษฐกิจและแผนการคลังในระยะกลางและระยะยาวตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาทำงาน มีนโยบายต่าง ๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้ภาคธุรกิจและพี่น้องประชาชน มีความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น แต่ตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจหลาย ๆ ตัว ซึ่งกระทรวงการคลัง จะนำเสนอในวาระแผนการคลังระยะปานกลางและระยะยาว ยังไม่ค่อยน่าพอใจ จึงขอยกเรื่องนี้มาพูดในช่วงต้น เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ จึงอยากให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องช่วยกันทำงาน และขอฝากให้ ก.คลัง หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปรับประมาณการ รวมทั้งมาตรการต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องการจัดเก็บรายได้ / การปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นและการลงทุนของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ
2. เรื่องเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 การประชุม ครม. ครั้งนี้ เป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปี 2567 ขอถือโอกาสนี้อวยพรให้ ครม. และครอบครัว ตลอดจนทุกท่าน ประสบแต่ความสุข ความเจริญในปีใหม่นี้ คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนา และได้พักผ่อนในช่วงวันหยุดปีใหม่กับครอบครัวให้เต็มที่อย่างมีความสุข ทั้งนี้ ในช่วงวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอเพื่อดูแลประชาชนให้ได้รับความสะดวก มีความปลอดภัยในการเดินทาง ทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ รวมทั้งขอให้เข้มงวดกับการป้องกันอุบัติภัยและอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการรณรงค์เมาไม่ขับ โดยนายกรัฐมนตรี จะลงไปตรวจดูความพร้อมที่ศูนย์ควบคุมจราจรในวันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคมนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่
3. สำหรับแพ็กเกจของขวัญสำหรับประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ เนื่องในเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะถึงนี้ ขอให้ทุกกระทรวงเตรียมนโยบายหรือแพ็กเกจของขวัญที่จะมอบให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะถึงนี้ โดยในตอนท้ายของการประชุมจะขอให้แต่ละกระทรวง เสนอในที่ประชุมว่าเตรียมอะไรไว้ให้ประชาชนบ้าง และขอให้โฆษกรัฐบาล รวมทั้งทุกหน่วยงานเร่งประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เกิดการรับรู้ของประชาชนและทุกภาคส่วนด้วย
4. สำหรับการประชาสัมพันธ์ผลงานการทำงานของแต่ละกระทรวง เนื่องด้วยแต่ละกระทรวงมีนโยบายสำคัญ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนหลายนโยบาย แต่ยังขาดการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารให้เป็นที่เข้าใจกับภาคประชาชนหรือสื่อมวลชน จึงขอให้ทุกกระทรวงเร่งรัดการแต่งตั้งโฆษกประจำกระทรวงแต่ละกระทรวงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ประสานงานกับสำนักโฆษก เพื่อที่จะทำการประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐบาล และผลงานของแต่ละกระทรวงอย่างเป็นรูปธรรม และบูรณาการทำงานกันอย่างมีประสิทธิภาพ
5. สำหรับการประชุม ครม. นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ได้กำหนดเป็นวันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2568 จะมีการประชุม ครม. นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ในจังหวัดสงขลา และเขตตรวจราชการที่ 5 จังหวัดชุมพร พัทลุง นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาพัฒน์ฯ จัดทำโครงการต่าง ๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ทั้งการฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภคและภาคธุรกิจ หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้สูงอายุให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็นโดยการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ที่มีสัญชาติไทยและมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งจะจ่ายเงินแก่กลุ่มเป้าหมายจำนวน 10,000 บาท/คน โดยให้เร่งจ่ายเงินครั้งแรกภายในเดือนมกราคม พ.ศ. 2568 ผ่านบัญชีพร้อมเพย์
นอกจากนี้ ครม. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการคลังเสนอมาตรการ easy e receipt 2.0 เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศในปี 2568 ผ่านการส่งเสริมการบริโภคสินค้าและบริการโดยผู้ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและสามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการได้สูงสุดรวม 50,000 บาท และรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2568 ตามมติคณะกรรมการถ้าคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 ที่ได้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มอัตราวันละ 7 – 55 บาท เป็นอัตราวันละ 337 – 400 บาท เดิมอัตราวันละ 330 – 370 บาทโดยกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาทใน 4 จังหวัดและ 1 อำเภอได้แก่จังหวัดภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยองและอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดนำร่อง โดยในจังหวัดอื่น ๆ จะทยอยปรับตามแผนตามที่ทางกระทรวงแรงงานจะชี้แจงรายละเอียดต่อไป ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2568
ในส่วนของวันที่ 28 มกราคม 2568 จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ในจังหวัดสงขลาและเขตตรวจราชการที่ 5 จังหวัดชุมพร พัทลุง นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำโครงการต่าง ๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้หลังจากที่เกิดเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา