In Global
บทวิเคราะห์ : จดจำประวัติศาสตร์เพื่อ เดินหน้าให้ดียิ่งขึ้น

วันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นวันรำลึกและไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สังหารหมู่หนานจิง เช้าวันเดียวกัน พรรคและรัฐบาลจีนได้จัดพิธีรำลึกและไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สังหารหมู่หนานจิง ซึ่งเป็นงานระดับชาติ ประจำปี 2024 อย่างยิ่งใหญ่ ที่เมืองหนานจิง
เวลา 08.00 น. มีการจัดพิธีเชิญธงชาติและลดธงครึ่งเสา ณ หอรำลึกผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สังหารหมู่หนานจิงโดยผู้รุกรานชาวญี่ปุ่น ต่อจากนั้น เวลา 10.00 น. มีการจัดพิธีไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สังหารหมู่หนานจิง ณ หอรำลึกผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สังหารหมู่หนานจิง สถานที่จัดงานเต็มไปด้วยบรรยากาศอันเคร่งขรึม มีการลดธงชาติครึ่งเสา ผู้แทนจากวงการต่าง ๆ ประมาณ 8,000 คน ติดดอกไม้สีขาวที่หน้าอก ยืนสงบนิ่ง ในช่วงเวลา 10.01 น. - 10.02 น. เสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศดังทั่วเมืองหนานจิง โดยรถยนต์ รถไฟ เรือกลไฟร่วมบีบแตรไว้อาลัยพร้อมกัน
จากนั้น เยาวชนเมืองหนานจิง 87 คน ได้อ่านปฏิญญาแห่งสันติภาพ ผู้แทนจากวงการต่างๆ 6 คน ได้เคาะระฆังแห่งสันติภาพ และพร้อมกับเสียงระฆังดังกังวาน 3 ครั้ง นกพิราบสันติภาพ 3,000 ตัว ได้กางปีกโบยบินสู่ฟ้า ฝากความรำลึกความโศกเศร้าเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและความหวังต่อสันติภาพของโลก
วันนี้เมื่อปี ค.ศ. 1937 กองทัพทหารญี่ปุ่นได้เข้ารุกรานจีนและสังหารหมู่ประชาชนจีน มีชาวเมืองหนานจิง 300,000 คนถูกเข่นฆ่า ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ปี 2014 ที่ประชุมคณะกรรมการประจำสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 12 ครั้งที่ 7 ได้มีมติให้บัญญัติกฎหมายกำหนดให้วันที่ 13 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันรำลึกและไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สังหารหมู่หนานจิง
ตั้งแต่ปี 2014 จนถึงขณะนี้ ผ่านมา 10 ปีแล้ว 10 ปีมานี้ วันที่ 13 ธันวาคมของทุกปี พรรคและรัฐบาลจีนล้วนจัดให้มีการชุมนุมกันอย่างยิ่งใหญ่ที่เมืองหนานจิง เพื่อไว้อาลัยผู้บริสุทธิ์ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สังหารหมู่หนานจิง ไว้อาลัยพี่น้องชาวจีนทั้งหมดที่ถูกทหารญี่ปุ่นผู้รุกรานเข่นฆ่า ไว้อาลัยผู้พลีชีพในการปฏิวัติและวีรบุรุษของชาติที่สละชีพเพื่อเอาชนะสงครามที่ประชาชนจีนต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น ไว้อาลัยผู้พลีชีพจากประเทศต่าง ๆ ที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กับประชาชนจีนเพื่อต่อสู้กับการรุกรานของญี่ปุ่น แสดงถึงความปรารถนาอันสูงส่งของประชาชนจีนที่แน่วแน่ในการเดินบนหนทางแห่งการพัฒนาอย่างสันติ
การที่จีนจัดงานไว้อาลัยทั้งประเทศเป็นการประกาศจุดยืนอันเด็ดเดี่ยวที่จะจดจำประวัติศาสตร์ ไม่ลืมอดีต ถนอมรักษาสันติภาพ และสร้างอนาคต สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและประชาชนจีนในการสืบทอดปณิธานของผู้พลีชีพ เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการสร้างประเทศให้เข้มแข็ง ฟื้นฟูประชาชาติจีน จีนจะผนึกกำลังต่อสู้ด้วยความสมัครสมานสามัคคีและขจัดอุปสรรค เชิดชูเจตนารมณ์ที่เชื่อมั่นและพึ่งพาตนเอง ดำเนินการปฏิรูปอย่างสร้างสรรค์ ยึดมั่นรักษาสันติภาพและพิทักษ์ความชอบธรรม จำประวัติศาสตร์เพื่อเดินหน้าให้ดียิ่งขึ้น จีนจะร่วมแรงร่วมใจมุ่งมั่นก้าวไปข้างหน้า ใช้ความทันสมัยแบบจีนพยายามต่อสู้ฟันฝ่าเพื่อเดินหน้าสร้างประเทศให้เข้มแข็งและฟื้นฟูประชาชาติจีนในทุกด้าน สร้างคุณูปการอันสูงส่งให้กับสันติภาพและการพัฒนาของมวลมนุษยชาติให้มากขึ้น
ก่อนถึงวันรำลึกฯประจำปีนี้หนึ่งวัน ในช่วงบ่ายวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ มหาศาลาประชาชนกรุงปักกิ่ง นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้เปิดโอกาสให้เอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศจีนจำนวน 28 ประเทศ เข้าพบเพื่อมอบอักษรสาส์นตราตั้งซึ่งรวมถึงนายฉัตรชัย วิริยเวชกุล เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศจีน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้กล่าวกับทูตานุทูต โดยย้ำอีกครั้งว่า จีนจะแน่วแน่ในการเดินบนหนทางแห่งการพัฒนาอย่างสันติ
นายสี จิ้นผิงระบุว่า ปีนี้ครบรอบ 75 ปีแห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ความทันสมัยแบบจีนได้ปรากฏภาพที่งดงาม และสะท้อนให้เห็นถึงอนาคตที่รุ่งโรจน์เป็นอย่างยิ่ง การประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 20 ครั้งที่ 3 ได้วางแผนการปฏิรูปทุกด้านอย่างลึกยิ่งขึ้นและเดินหน้าความทันสมัยแบบจีนอย่างเป็นระบบ นำเสนอมาตรการในการปฏิรูปกว่า 300 รายการ โดยความทันสมัยแบบจีนไม่ใช่ความทันสมัยที่จีนได้ผลประโยชน์แต่ฝ่ายเดียว จีนยินดีแบ่งปันโอกาสการพัฒนากับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้ความสวยงามของประเทศตนกับต่างประเทศบรรจบกัน ได้ผลสำเร็จพร้อมกัน จับมือสร้างความทันสมัยของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่พัฒนาอย่างสันติ ร่วมมือเพื่ออำนวยประโยชน์แก่กัน และเจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน
นายสี จิ้นผิงเน้นว่า ยุคสมัยที่เราอยู่นี้กำลังเผชิญกับความท้าทายและวิกฤตครั้งใหญ่ เช่น การขัดแย้งกันทางภูมิรัฐศาสตร์ การดำเนินการฝ่ายเดียว ลัทธิกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับทุกประเทศที่จะต้องดำเนินการร่วมกัน เมื่อยืนอยู่บนสี่แยกประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ทุกประเทศ ควรเรียนรู้จากประสบการณ์และบทเรียนจากประวัติศาสตร์ของมนุษย์ยิ่งขึ้น ส่งเสริมความสามัคคีและความร่วมมือ ผนึกกำลังเพื่อรักษาสันติภาพและการพัฒนาของโลกให้มากขึ้น จับมือกับประเทศต่าง ๆ ริเริ่มโลกหลายขั้วที่เป็นระเบียบ มีความเสมอภาค โลกาภิวัตน์ที่อำนวยประโยชน์อย่างครอบคลุมและกลมกลืน ปฏิบัติตามค่านิยมร่วมกันของมวลมนุษย์ ส่งเสริมการสร้างประชาคมมนุษย์ที่มีอนาคตร่วมกัน
เขียนโดย ชุย อี๋เหมิง ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CMG)