Biz news
'พิชัย'มอบรางวัลPrime Minister’s Export Award2024ให้41ผู้ส่งออกไทย
กรุงเทพฯ-วันที่ 26 ธันวาคม 2567 : นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้รับมอบหมายจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล Prime Minister’s Export Award 2024 หรือ รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่นประจำปี 2567 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน ผู้ประกอบการส่งออกไทย ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 32 ภายใต้แนวคิด “Forward and Beyond, The Power of Perfection: ก้าวล้ำสู่สากล สร้างพลังสู่ความสำเร็จ” สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของผู้ประกอบการไทยในการยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการสู่ระดับสากล ถือเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดระดับประเทศสำหรับผู้ประกอบการส่งออกของไทย โดยปีนี้ มีผู้ประกอบการได้รับรางวัลรวมทั้งสิ้น 41 รางวัล จาก 7 สาขา ครอบคลุม 39 บริษัท จาก 25 จังหวัดทั่วประเทศ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านการส่งออก โดยดำเนินนโยบายเชิงรุกในการขยายตลาดการค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ อาทิ สหภาพยุโรป ตะวันออกกลาง อินเดีย แอฟริกา และอเมริกาใต้ ควบคู่ไปกับการรักษาและพัฒนาตลาดเดิม รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางการค้าในภูมิภาคให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น สำหรับรางวัล PM’s Export Award ถือเป็นรางวัลสูงสุดที่มอบให้แก่ผู้ประกอบการทั้งสินค้าและบริการประเภทต่างๆ รางวัลนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับผู้ประกอบการที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนการส่งออกของประเทศ พร้อมทั้งกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาสินค้าและบริการ ให้มีคุณภาพสูงและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ด้านนางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้มอบรางวัล Prime Minister’s Export Award อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 32 นับตั้งแต่ปี 2535 เป็นรางวัลสำหรับผู้ประกอบการส่งออกที่ประสบความสำเร็จสูงสุด เพื่อสร้างการรับรู้และการจดจำภาพลักษณ์สินค้าและบริการไทยที่มีความโดดเด่นในมิติต่างๆควบคู่กับการบริหารจัดการองค์กรและการตลาด พัฒนากระบวนการผลิตที่มีคุณภาพและมาตรฐานในระดับสากล ให้เกิดความเชื่อมั่นและความไว้วางใจในกลุ่มผู้บริโภคในต่างประเทศต่อสินค้าและบริการที่มาจากประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลนี้และยังคงดำเนินธุรกิจถึง 333 บริษัท รวม 879 รางวัล
โดยในปีนี้ มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการในประเภทรางวัลต่างๆ รวมทั้งสิ้น 150 ราย ผ่านการพิจารณาคัดเลือกและตัดสินให้เข้ารับรางวัลทั้ง 7 สาขา รวม 41 รางวัล 39 บริษัท จาก 25 จังหวัดทั่วประเทศ ประกอบด้วย
1. รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกยอดเยี่ยม Best Exporter จำนวน 9 รางวัล
2. รางวัลแบรนด์ไทยยอดเยี่ยม Best Thai Brand จำนวน 5 รางวัล
3. รางวัลผู้ส่งออกยอดเยี่ยมด้านความยั่งยืน (Best Green & Sustainable Exporter) จำนวน 9 รางวัล
4. รางวัลออกแบบยอดเยี่ยม (Best Design) จำนวน 8 รางวัล
5. รางวัลธุรกิจบริการยอดเยี่ยม (Best Service Enterprise) ประกอบด้วย สาขาโรงพยาบาล/ศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง/คลินิกเฉพาะทาง (Health & Wellness) สาขาดิจิทัลคอนเทนท์และซอฟท์แวร์ (Digital Content & Software) และสาขาธุรกิจสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ (Printing and Packaging) รวมจำนวน 3 รางวัล
6. รางวัลสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยม (Best OTOP) จำนวน 3 รางวัล
7. รางวัลสินค้าฮาลาลยอดเยี่ยม (Best Halal) รวมจำนวน 4 รางวัล
“ท่านนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการส่งออก ประเทศเราต้องพึ่งส่งออกแต่ทำอย่างไรจะส่งออกได้มากขึ้น การไปสู้กับคนทั้งโลกไม่ง่าย พวกท่านมีความกล้าหาญ มีความสามารถมาก และปีนี้การส่งออกไทยดีมาก เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ขยายตัว 8.2% เดือนตุลาคมขยาย 14.6% โดย 11 เดือนที่ผ่านมา การส่งออกไทยขยายตัว 5.1% เราไม่เห็นตัวเลข 5% มาเป็น 10 ปีแล้ว ดีใจที่เราสามารถขยายตลาดส่งออกได้ จากที่โตแค่ 1.9% มาเป็น 10 ปี
กระทรวงพาณิชย์เรามีหน้าที่ส่งเสริมพวกท่าน ผมได้ให้นโยบาย 80:20 นั่นคือ 80% ในการส่งเสริมพวกท่านผู้ส่งออกให้มีความสามารถในการแข่งขัน ให้ส่งออกได้มากขึ้น และอีก 20% จะคอยตรวจสอบดูว่ามีสินค้าไม่มีคุณภาพ มีนอมินีไหม ก่อนหน้านี้ผมได้เดินทางไปญี่ปุ่นก็มีนักลงทุนจากญี่ปุ่นให้ความสนใจที่จะมาลงทุนในไทย และญี่ปุ่นมีแผนลงทุนด้านเซมิคอนดักเตอร์ถึง 10 ล้านล้านเยน หรือ 2.2 ล้านล้านบาท และได้หารือกับนักการเมืองระดับสูงของญี่ปุ่น หวังว่าไทยจะเป็นซัพพลายเชนให้กับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จากญี่ปุ่น
และเรื่องการเจรจา FTA ล่าสุดเรากำลังจะได้ลงนาม FTA กับเอฟตา ที่เมืองดาววอส สวิตเซอร์แลนด์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของยุโรป ประชากรมีรายได้ต่อหัวสูงมาก ถัดจากนี้กำลังดำเนินการกับอีกหลายประเทศ อาทิ อียู เกาหลีใต้ ยูเออี และยูเค เป็นต้น เพื่อให้พวกท่านส่งออกสินค้าได้ง่ายขึ้น มีอาวุธเพิ่มเติมแข่งขันได้ และผมจะเดินทางไปอเมริกา เพื่อไปเจรจาไม่ให้ขึ้นกำแพงภาษีกับเรา รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์เราทำงานกันเชิงรุก จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพใช้ Thailand brand by….(ชื่อบริษัท) ช่วยการันตีให้ผู้ซื้อ ซื้อของได้อย่างสบายใจ ถ้าพวกท่านประสบความสำเร็จประเทศชาติก็สำเร็จไปด้วย“ นายพิชัย กล่าว
โดยผู้ที่ได้รับรางวัล Prime Minister’s Export Award ประจำปี 2567 นับว่ามีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้จากการส่งออกให้แก่ประเทศ โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม - ตุลาคม) มีมูลค่าการส่งออกรวมประมาณ 43,207 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของรางวัล Prime Minister’s Export Award ในการยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศผ่านสินค้าและบริการของไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดสากล และมีส่วนเพิ่มมูลค่าการส่งออกของประเทศอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน นอกจากนี้ ยังช่วยสนับสนุนการจ้างงานในประเทศไม่น้อยกว่า 22,700 ราย