Biz news

มาสด้าเผยแผนพัฒนาเทคโนฯอนาคต



ญี่ปุ่น-มาสด้าเผยแผนพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคตเตรียมส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ลงตลาดตามวิสัยทัศน์ “Sustainable Zoom-Zoom 2030” เพื่อโลก สังคม และผู้คนฮิโรชิมา

มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่นออกประกาศเกี่ยวกับแผนการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดพร้อมแถลงนโยบายด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามวิสัยทัศน์ระยะยาว “Sustainable Zoom-Zoom 2030”ล่าสุดได้ประกาศแผนการบริหารงานในระยะกลางรวมถึงนโยบายสำคัญเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 ตามที่เคยประกาศไว้เมื่อปีที่ผ่านมาโดยมาสด้าจะยังคงมุ่งมั่นเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ภายในปี 2030 ตามแผนงาน 5 หัวข้อหลักดังนี้

1. สั่งสมองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีตามกลยุทธ์ Building Block Strategyเพื่อการผลิตที่มีประสิทธิภาพขั้นสูงมาสด้าได้ปฏิบัติตามกลยุทธ์ Building Block Strategy อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งมอบเทคโนโลยีที่เป็นเลิศผ่านการสร้างรากฐานทางด้านเทคโนโลยีเสมือนดั่งเป็น “บล็อก” เริ่มจากการพัฒนา “เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ” เมื่อปี 2007โดยพัฒนาปรับปรุงเครื่องยนต์สันดาปภายใน จากนั้นจึงเพิ่มเทคโนโลยีที่ใช้ระบบไฟฟ้าพื้นฐานเข้ามาใน Building-Block ชิ้นแรกซึ่งสามารถนำมาใช้ในรถยนต์มาสด้าหลายรุ่นและแพลตฟอร์มนี้ได้กลายมาเป็นองค์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีที่นำมาใช้พัฒนาขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ของมาสด้ามาตั้งแต่ปี 2012

มาสด้ากำลังเดินหน้าพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปภายในให้ดียิ่งขึ้น (เครื่องยนต์ SKYACTIV-Xและเครื่องยนต์ 6 สูบ แถวเรียง) และเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม “SKYACTIV Multi-Solution Scalable Architecture” ซึ่งใช้TPU (Transverse power units หรือการวางเครื่องตามแนวขวาง) ในรถยนต์ขนาดเล็ก และ LPU(Longitudinal power units หรือการวางเครื่องตามแนวยาว) ในรถยนต์ขนาดใหญ่

ซึ่งจากแพลตฟอร์มนี้ทำให้สามารถพัฒนารถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าได้หลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันรวมถึงก้าวผ่านข้อกำหนดทางด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อมและโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตไฟฟ้าในตลาด

 นอกจากนั้น มาสด้าจะทำการเปิดตัวแนะนำแพลตฟอร์ม EV อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้าหรือแพลตฟอร์ม “SKYACTIV EV Scalable Architecture” ภายในปี 2025 สำหรับรถยนต์ EVsหลายขนาดและหลายรูปแบบตัวถังจากพื้นฐานกลยุทธ์เหล่านี้มาสด้าจะทำการปรับปรุงกระบวนการในการพัฒนารถยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง ได้แก่ แนวทางCommon Architecture, Bundled Planning และ Model Based Developmentเพื่อที่จะเพิ่มองค์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีและเตรียมความพร้อมสำหรับยุครถยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบโดยความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ

2. การส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้าและการแนะนำผลิตภัณฑ์ “กลยุทธ์ Multi-Solution”ผลิตภัณฑ์ภายใต้แพลตฟอร์ม “SKYACTIV Multi-Solution Scalable Architecture”จะเปิดตัวแนะนำในตลาดหลัก อาทิ ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา จีน และภูมิภาคอาเซียน ระหว่างปี 2022 –2025 ซึ่งจะประกอบด้วยรถยนต์ Hybrid 1 จำนวน 5 รุ่น, Plug-in hybrid จำนวน 5 รุ่น และรถยนต์EV จำนวน 3 รุ่น

 นอกจากนั้น มาสด้ายังเตรียมรถยนต์อีกหลายรุ่นที่ถูกพัฒนาภายใต้แพลตฟอร์ม “SKYACTIVScalable EV Architecture” โดยจะเปิดตัวแนะนำสู่ตลาดในระหว่างปี 2025 – 2030 จากแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มาสด้าคาดว่าใน 100%ของผลิตภัณฑ์ของมาสด้าจะเป็นรถยนต์ที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าในระดับหนึ่ง โดยสัดส่วนของ EVจะอยู่ที่ประมาณ 25% ภายในปี 2030

3. การส่งเสริมเทคโนโลยีความปลอดภัยที่มุ่งเน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลางเพื่อสร้างสังคมที่ไร้อุบัติเหตุตามกลยุทธ์ Building Block Strategy ในเรื่องของเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยนั้นมาสด้ากำลังพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ใช้มนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-CentricAutonomous Driving System) หรือ “Mazda Co-pilot Concept” สำหรับรถยนต์มาสด้ายุคใหม่

“Mazda Co-Pilot” จะตรวจจับพฤติกรรมของผู้ขับขี่ตลอดเวลาและเมื่อตรวจสอบพบว่าสภาพร่างกายของผู้ขับขี่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหันระบบจะเปลี่ยนไปใช้โหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติเพื่อนำรถเข้าจอดในที่ปลอดภัย และทำการหยุดรถรวมถึงกดหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน ซึ่งในขณะนี้มาสด้าเรียกว่า Mazda Co-Pilot 1.0ซึ่งกำลังจัดเตรียมแผนงานและจะเริ่มเปิดตัวแนะนำในรถยนต์ตัวถังขนาดใหญ่ โดยจะเริ่มตั้งแต่ปี2022 เป็นต้นไป

4. การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการบริการเชื่อมต่อและเทคโนโลยีซอฟต์แวร์เพื่อเป็นพื้นฐานของการให้บริการระบบขนส่งที่เชื่อมต่อทุกเส้นทางในอนาคต หรือ Next-GenerationMobility Servicesมาสด้ามีแผนที่จะผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ขั้นพื้นฐานให้สามารถรองรับการให้บริการระบบขนส่งที่เชื่อมต่อทุกเส้นทางหรือ Mobility as a Service(Maas) และอัพเดทฟังก์ชั่นรถยนต์แบบ Over the Air (OTA) 2

บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 5 ราย 3 ซึ่งเป็นพันธมิตรกับมาสด้าจะร่วมมือกันพัฒนาอุปกรณ์ด้านการสื่อสารภายในรถยนต์เจเนอเรชั่นใหม่เพื่อผลักดันระบบการสื่อสารที่ได้มาตรฐานให้สามารถส่งมอบการบริการที่ส่งมอบความปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้นและปราศจากความเครียดได้เร็วยิ่งขึ้นมาสด้าจะผลักดันการพัฒนาเจเนอเรชั่นถัดไปของรถไฟฟ้า Electric/Electronic Architecture(EEA) ที่สามารถประมวลผลข้อมูลจากภายในและภายนอกรถให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

5. ปรัชญาของการพัฒนาโดยเน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-centered development philosophy)ในช่วงเวลาของการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ และ CASE 4ตามวิสัยทัศน์ในระยะยาวSustainable Zoom-Zoom 2030 ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ 3องค์ประกอบ ได้แก่ เพื่อโลก เพื่อสังคม และเพื่อผู้คนเราจะยังคงเดินหน้าตามปรัชญาการพัฒนาโดยเน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Human-centered development philosophy) ที่ให้คุณค่ากับมนุษย์และศักยภาพของผู้คนไปจนถึงการนำไปสู่เป้าหมายในอนาคต นั่นคือ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์หรือ zero emission และ CASE จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของอุตสาหรรมยานยนต์

มาสด้ามุ่งมั่นที่จะสร้างสรรสังคมให้เกิดความยั่งยืนและเป็นสังคมที่มีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันด้วยการนำเสนอยานพาหนะที่สนับสนุนให้ผู้คนได้ตระหนักถึงศักยภาพของตนอย่างเต็มที่เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ระยะยาวดังกล่าวมาสด้ามุ่งหวังเพื่อก้าวสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่สร้างความผูกพันธ์กับลูกค้าในระยะยาวด้วยการเติมเต็มความมีชีวิตชีวาของลูกค้าจากประสบการณ์ผ่านการเป็นเจ้าของรถยนต์เพื่อส่งมอบความสุขความสนุกสนานในการขับขี่ซึ่งเป็นแก่นแท้ของรถยนต์

 

1. ไม่รวมรถยนต์ประเภท Mid hybrid แต่รวมถึงรถยนต์ที่มาพร้อม Toyota Hybrid System (THS)

ที่มาจากโตโยต้า

2. การอัปเดทซอฟต์แวร์ผ่านการสื่อสารแบบไร้สาย

3. มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น, ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น, ซูบารุ คอร์ปอเรชั่น, ไดฮัทสุ มอเตอร์ และ โตโยต้า

มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น

4. สัญลักษณ์ของตัวอักษรย่อที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้ หมายถึง การเชื่อมต่อ การขับขี่อัตโนมัติ การใช้งานร่วม/บริการ

และการใช้ระบบไฟฟ้า