In News

นายกฯเปิดทำเนียบจัดงานวันเด็กคึกคัก ประกาศนโยบายหนุนเด็ก-เยาวชนทุกมิติ



กรุงเทพฯ-เช้านี้ !ทำเนียบรัฐบาลคึกคัก เปิดให้เด็กนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี “น้องพอร์ช” เด็กชายพศุจน์ เปาอินทร์ ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นคนแรก หลังจากนั้นนายกฯพบปะน้องๆพร้อมส่งพลังให้กำลังใจน้อง ๆ ผู้พิการและด้อยโอกาส และชื่นชมเด็กเก่งเด็ก มีความสามารถ ยืนยันรัฐบาลส่งเสริมให้เด็กเติบโตอย่างมีคุณภาพ และเท่าเทียม ในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ นอกจากนี้นายกฯยังได้เดินทางไปเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ2568 กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมชื่นชมความสามารถเยาวชนไทยนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศ อวยพรให้เด็กๆทุกคนมีอนาคตที่สดใส พร้อมเปิดรับทุกโอกาสแห่งการเรียนรู้ ปรับตัวสู่อนาคต และงานวันเด็กทำเนียบฯ ปีนี้คึกคักสุด นายกฯประกาศนโยบายหนุนเด็กและเยาวชน ทุกมิติ แนะนำน้องๆมองทุกสถานการณ์คือโอกาสเรียนรู้ ขอพ่อแม่และครู ดูแลเด็ก ๆ ด้วยความสุข ยืนยันนโยบายทุน ODOS และ Thailand Zero Dropout เป็นนโยบายที่สร้างความเสมอภาคและเท่าเทียม

วันนี้ (11 มกราคม 2568) เวลา 08.00 น. ณ  ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล คณะจัดงานวันเด็กสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้เปิดให้เด็กเข้านั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาส วันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ซึ่งในปีนี้มีเด็กจำนวนมากให้ความสนใจมาต่อแถวเพื่อนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีตั้งแต่เวลา 07.00 น. โดยเด็กที่ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนแรกคือ ด.ช. พศุจน์ เปาอินทร์ (น้องพอร์ช) อายุ 3 ขวบ ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับคุณพ่อ คุณแม่ และน้องชายชื่อเด็กชายพสุ เปาอินทร์ (น้องพอตเตอร์) อายุ 3 เดือน เดินทางมาจากจังหวัดกาญจนบุรี ทั้งนี้ น้องพอร์ช เคยเดินทางมาเที่ยวงานวันเด็กแล้ว เมื่อปี พ.ศ.2566 แต่ไม่ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นคนแรก โดยปีนี้ครอบครัวน้องพอร์ช ตั้งใจที่จะพาน้องเข้าทำเนียบรัฐบาลและนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นคนแรก

สำหรับของขวัญที่น้องพอร์ชต้องการในวันเด็ก คุณแม่น้องกล่าวว่า น้องพอร์ช ชอบชุดทหาร และอยากได้ของขวัญเกี่ยวกับอาชีพทหาร เช่น ปืนของเล่น ทางด้านคุณพ่อกล่าวเสริมว่า ตั้งใจพาลูก ๆ ทั้ง 2 คน มาเยี่ยมชมงานวันเด็กที่ทำเนียบรัฐบาล ต้องการให้ลูก ๆ พบกับนายกรัฐมนตรี รวมถึงได้สัมผัสบรรยากาศของทำเนียบรัฐบาล และได้เห็นกิจกรรมต่าง ๆ ภายในทำเนียบรัฐบาล

นายกรัฐมนตรีพบปะน้องๆพร้อมส่งพลังให้กำลังใจน้อง ๆ 

เวลา 09.30 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้พบปะกับน้องๆผู้พิการและน้องๆผู้ด้อยโอกาส ทั้งเด็กเก่งและมีความสามารถจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จำนวน 10 คน ประกอบด้วย 1.เด็กชายภูผา มะเปลี่ยนสี 2.เด็กหญิงศันสนีย์ ดวงบุตร 3.เด็กชายธวัฒชัย นาคส่องแสง  4.เด็กชายนพดล ประชุม 5.เด็กหญิงฉัตรสุดา พุ่มดอกไม้  6.นางสาวภัทรานิษฐ์ จัยวัฒน์ 7.นางสาวพิมพาพร กว้านสกุล 8.นายภากร ตีนทอง  9.เด็กหญิงนิธิศา สุขบินทรีย์ และ 10.เด็กชายนนทกร ท่านำ   

โดยน้องๆได้นั่งเก้าอี้ทำงานนายกรัฐมนตรี และถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกับนายกรัฐมนตรี สำหรับบรรยากาศการนั่งเก้าอี้ทำงานของนายกรัฐมนตรีเป็นไปอย่างอบอุ่น 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมเด็กเก่งเด็กมีความสามารถขอให้พัฒนาตัวเองต่อไป อย่าหยุดพัฒนา และให้กำลังใจว่า ขอให้เด็กและเยาวชนอย่าท้อแท้ มีกำลังใจในการดำรงชีวิต และดูแลตนเองให้เข้มแข็งมีกำลังใจในทุก ๆ ด้าน ยืนยันรัฐบาลมี นโยบายส่งเสริมให้เด็กเติบโตอย่างมีคุณภาพ และอย่างเท่าเทียม

วันเด็กปีนี้สุดคึกคักนายกฯ เปิดงานวันเด็กแห่งชาติ2568 กระทรวงศึกษาธิการ 

เวลา 8.30 น. ณ กระทรวงศึกษาธิการ เขตดุสิต กรุงเทพฯ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เรียนดี มีความสุข Smart Kids, Happy Future”  เพื่อส่งมอบความสุข ปลุกความคิดสร้างสรรค์ มุ่งเน้นให้เด็กและเยาวชนเป็นคนเก่ง คนดี สามัคคี กระตุ้นให้เด็กและเยาวชนตระหนักถึงบทบาทสำคัญของตนเอง ตลอดจนปลูกฝังให้มีส่วนร่วมในสังคม มีความสามัคคี เป็นกำลังสำคัญของชาติตามคำขวัญวันเด็ก ประจำปี 2568 “ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง” พร้อมร่วมกิจกรรมกับบูธกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งเกม ของแจก ของรางวัลและของขวัญวันเด็กกว่าแสนชิ้นจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนมากมาย โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ คณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเด็กและเยาวชน พ่อแม่ ผู้ปกครอง เข้าร่วมงาน

นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมบูธการนำเสนอนวัตกรรมที่ดีที่สุดของ Google มาสู่ด้านการศึกษา Google for Education สร้างการเรียนรู้แห่งอนาคต โดยร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อช่วยส่งเสริมการเรียนรู้และการสอนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เปิดโอกาสให้นวัตกรรมเทคโนโลยีเข้าถึงโรงเรียนอย่างกว้างขวาง โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสนใจและได้สอบถามน้องนักเรียนที่ได้สาธิตวิธีการใช้งานด้วยเครื่องมือของระบบการจัดการ Google และรับชมบูธจัดแสดงผลงานเครื่องฝึกสะกดนิ้วมือสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยินด้วย AI ของโรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ ที่ได้รับรางวัลภายในงาน SIIF 2024 ด้วย 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีเดินเข้าไปยังบริเวณงาน  โดยมีวงโยธวาทิตบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ ลูกเสือกองเกียรติยศเข้าแถวต้อนรับนายกรัฐมนตรี   ผู้แทนเด็กและเยาวชนมอบของที่ระลึกให้นายกรัฐมนตรี   พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีถวายพวงมาลัยสักการะด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ต่อจากนั้นได้ชมการแสดงของเด็กและเยาวชน ชุด “ทางสู่ฝัน”  จากสมาคมเยาวชนจิตอาสาพัฒนา และการแสดงเต้น Street Dance โดยทีม Bloc D Junior ซึ่งได้รับรางวัลแชมป์โลก Street Dance UDO World Champion 2022 จากประเทศอังกฤษ และล่าสุด ในปี 2567 ได้รับรางวัลแชมป์ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีด้วย 

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบของขวัญวันเด็ก เช่น รถจักรยาน ตุ๊กตาหมี ลูกฟุตบอล ให้กับตัวแทนเด็กและเยาวชนจากทั่วประเทศ 4 ราย พร้อมกล่าวเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ว่าปีนี้ถือเป็นปีแรกและครั้งแรกของตนเองในฐานะของนายกรัฐมนตรีที่ได้มีโอกาสมาร่วมงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ณ กระทรวงศึกษาธิการ รู้สึกประทับใจอย่างมาก ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและผู้ที่เกี่ยวข้องได้เตรียมงานไว้อย่างดี รวมทั้งขอชื่นชมการแสดงบนเวทีของเด็กและเยาวชนชุด “ทางสู่ฝัน”  ทุกคนแสดงได้น่ารักมากและเก่งมากที่สามารถจำบทพูดได้แม่นยำ รวมถึงชุดการแสดงเต้น Street Dance ทีม Bloc D Junior ที่ทำให้รู้สึกประทับใจความสามารถของเด็กทุกคน ที่ต้องใช้ความสามัคคีเป็นหมู่คณะและความเพียรพยายามในการฝึกฝนอย่างหนักจนทำให้การแสดงออกมาประทับใจและประสบความสำเร็จจนได้รับรางวัลระดับโลกจากประเทศอังกฤษนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศ โดยขอเด็กและเยาวชนทุกคนพัฒนาความสามารถของตนเองอย่างต่อเนื่องต่อไป

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าในนี้มีครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง และลูก ๆ มาเที่ยวงานวันเด็ก ซึ่งรัฐบาลเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ สมัยใหม่ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยมีผู้ใหญ่อยู่ข้าง ๆ คอยแนะนำ และบอกเล่าประสบการณ์ที่ผู้ใหญ่พบเจอมาเพื่อให้เด็ก ๆ ได้มีความรู้และมีข้อมูลที่มากพอที่จะตัดสินใจได้ สอดคล้องกับคำขวัญวันเด็ก ประจำปี 2568 “ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง” โดยทุกคนสามารถเรียนรู้จากกันและกันได้แม้มีอายุและประสบการณ์ที่ต่างกัน  เช่น คุณตาอายุ 70 กว่าก็สามารถเรียนรู้จากหลานอายุ 6 – 7 ขวบได้ ซึ่งเมื่อทุกคนหันหน้าเข้าหากันเปิดใจพร้อมรับฟังและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน คือโอกาสแห่งการเรียนรู้ คือที่มาของคำขวัญวันเด็กแห่งชาติปีนี้

“อยากให้น้อง ๆ รู้ว่า โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีเข้ามามากมาย ดังนั้น ทุกคนต้องพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับโลกและยุคสมัย รวมทั้งต้องรู้คุณค่าของตัวเองและพร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ในโอกาสวันเด็กแห่งชาติปีนี้ ขอให้เด็กและเยาวชนมีได้โอกาสในการเรียนรู้ให้มาก วันนี้กระทรวงศึกษาธิการได้มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าเรียนรู้และสนุกมากมายไว้สำหรับให้ทุกคนได้เรียนรู้ ขอให้เด็กและเยาวชนทุกคนเรียนรู้ให้เต็มที่และมีอนาคตที่สดใส ขอให้ทุกที่ของน้อง ๆ เป็นโอกาสแห่งการเรียนรู้ และมีอนาคตที่เราเลือกเองอย่างถูกต้องเพื่อพัฒนาประเทศชาติต่อไปในอนาคต” นายกรัฐมนตรีกล่าว

จากนั้น นายกรัฐมนตรีกดปุ่มเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ของกระทรวงศึกษาธิการอย่างเป็นทางการ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และตัวแทนจากทั่วประเทศร่วมด้วย

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีเปิดงานฯ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการได้เดินพบปะ พูดคุยกับเด็ก ๆ แจกของขวัญ  พร้อมแจกลายเซ็นเขียนข้อความให้กำลังใจน้องนักเรียนเป็นที่ระลึก และเยี่ยมชมบูธกิจกรรมต่าง ๆ ภายในงาน อาทิ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ที่ได้จัดบูธให้ความรู้โครงการ Thailand Zero Dropout  สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ สำนักพิมพ์มติชน เป็นต้น โดยนายกรัฐมนตรีได้ถ่ายรูปเซลฟี่กับเด็ก ๆ ผู้ปกครอง ที่มาต้อนรับจำนวนมากบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักตลอดเส้นทาง

ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการได้จัดงานวันเด็กอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งบริเวณถนนราชดำเนินนอก ด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ และภายในกระทรวงศึกษาธิการ  ตั้งแต่เวลา 07.00 - 16.00 น. ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาร่วมออกบูทจัดกิจกรรมกว่า 100 บูท แบ่งเป็น 4 โซนกิจกรรม ได้แก่ 

โซนที่ 1 : Kids Innovation Park เวทีเด็กโชว์ไอเดีย (ภายในกระทรวงศึกษาธิการ) มี การแสดงเรียนดี มีความสุข Festival TALK SHOW พูดคุยกับดาราต้นแบบ My Idol Talk การแสดงดนตรี ด้าน Innovation ด้านศิลปวัฒนธรรมพลังเด็ก

โซนที่ 2 : ห้องเรียนในฝัน โซนตกแต่งด้วยอุปกรณ์ล้ำสมัย ถูกใจเด็ก ๆ (บริเวณถนนราชดำเนินนอก) มีการจำลองห้องเรียน VR เพื่อการศึกษา และการเรียน แบบอินเตอร์แอคทีฟ บูธฐานผจญภัยสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ และบูธหน่วยงานเอกชน

โซนที่ 3 : AI Wonderland เป็นบูธจำลองการใช้ AI ในการเรียนรู้การออกแบบ หุ่นยนต์ AI ที่ช่วยทำการบ้าน (บริเวณถนนลูกหลวง) ประกอบด้วย บูธหน่วยงานเอกชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรถโมบายเคลื่อนที่ กรมส่งเสริมการเรียนรู้

 โซนที่ 4 : โซนสวนสนุกดิจิทัล : เครื่องเล่นที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยี ได้แก่ สวนสนุกบ้านลมและเครื่องเล่น

งานวันเด็กทำเนียบฯ ปีนี้คึกคักสุด นายกฯประกาศนโยบายหนุนเด็กและเยาวชน ทุกมิติ 

และเวลา 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2568 ณ ทำเนียบรัฐบาล ภายใต้ธีม “ร่วมคิด ร่วมสร้าง ร่วมวางอนาคต” พร้อมกล่าวให้โอวาทแก่เด็กและเยาวชน โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับชมการแสดงฟ้อนบายศรีหลวงของเด็กและเยาวชนจากบ้านเฟื่องฟ้านนทภูมิ ราชาวดีหญิงและราชาวดีชาย อีกทั้ง ชมการแสดงชุด Under the sea จินตลีลาประกอบเพลงและบทเพลง Part of Your World ขับร้องโดยเด็กหญิง อัยย์ ธรรมวาริน (รางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทาน Yamaha music) จากสมาคมเยาวชนจิตอาสาพัฒนา  

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดงานวันเด็กประจำปี 2568 ณ ทำเนียบรัฐบาลว่า วันเด็กปีนี้ ได้มอบคำขวัญไว้ว่า “ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง” เน้นให้เด็กและเยาวชนมองทุกสถานการณ์เป็นโอกาสในการเรียนรู้ และยืดหยุ่นพร้อมปรับตัวในทุกสถานการณ์เพื่อเติบโตและเลือกทางเดินที่มั่นใจ  ขอให้เยาวชนมีสิทธิเลือกอนาคตของตนเอง ชอบอะไรหรือต้องการทำอะไรเพื่อสังคม โดยให้ผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ มีความรู้คอยให้คำปรึกษา ซึ่งจะสามารถให้เยาวชนดำเนินชีวิตได้อย่างมีสติและมีข้อมูลสามารถเลือกอนาคตที่เราชอบต่อไปได้ในอนาคตด้วยคุณค่าที่ตนเองมี 

“โอกาสทางการศึกษาและการเรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพนั้นควรเป็นสิทธิของเยาวชนทุกคน รัฐบาลมุ่งมั่นในการสร้างระบบหลักประกันโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาทุนมนุษย์ที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีอัตราการเกิดน้อยในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการดำเนินงานคล้ายกับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ประสบความสำเร็จแล้ว  ในขั้นแรกรัฐบาลจะรื้อฟื้นและออกแบบการให้ทุน ODOS ในรูปแบบใหม่ โดยมุ่งเป้าหมายการกระจายโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนที่มีฐานะยากจนและมีความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับมัธยมปลาย ปวช. ปวส. และมหาวิทยาลัย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวนไม่ต่ำกว่า 1,000 ทุนต่อรุ่นทั่วประเทศ ผ่านการจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อทำงานเรื่องนี้อย่างจริงจัง” นายกรัฐมนตรี ระบุ

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลจะเริ่มโครงการ “หนึ่งอำเภอหนึ่งทุนการศึกษาภาคฤดูร้อน” เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนจากทุกอำเภอทั่วประเทศได้เข้าถึงการเรียนรู้กับมหาวิทยาลัยและบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก โดยเชื่อว่า โครงการนี้จะไม่ใช่แค่การส่งเด็ก ๆ ไปเรียนธรรมดา แต่จะเป็นการเปิดโลกให้เด็ก ๆ ได้รู้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่  โดยเยาวชนจากระดับมัธยมปลาย ปวช. ปวส. และมหาวิทยาลัย จากทั้ง 878 อำเภอ และ 50 เขตในกรุงเทพมหานคร รวมทั้งหมด 928 พื้นที่ทั่วประเทศ จะได้เข้าร่วมหลักสูตรพิเศษเป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์  โดยแบ่งเป็นการเรียนหลักสูตรด้านดิจิทัลในมหาวิทยาลัยและการเรียนรู้ประสบการณ์ในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำในประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เยอรมนี สวีเดน ฟินแลนด์ เอสโตเนีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และอินเดีย สำหรับเยาวชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการนี้ รัฐบาลจะเปิดรับสมัครในเดือนมีนาคม - เมษายน และตั้งเป้าหมายที่จะดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องในช่วงปิดเทอมของทุกปี  

นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มว่า รัฐบาลจะผลักดันนโยบาย “Thailand Zero Dropout” มุ่งเน้นให้เด็กทุกคนได้เรียน ซึ่งนโยบายนี้ได้ริเริ่มโดยอดีตนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ในปีนี้ รัฐบาลจะขยายผลการค้นหาและช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษาจาก 25 จังหวัดในปี 2567 เป็น 77 จังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งส่งเสริมให้เยาวชนได้เรียนรู้ในระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่น ให้มีทางเลือกที่ตอบโจทย์ชีวิต และโอกาสพัฒนาเต็มศักยภาพ ควบคู่ไปกับการทำงานเพื่อมีรายได้เสริมในระหว่างการศึกษา เพื่อให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่แห่งโอกาสสำหรับทุกคนอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม

“ทุกคนมีวัยเด็กที่แตกต่างกัน และการเติบโตของเราล้วนได้รับอิทธิพลจากสิ่งรอบตัว เช่น พ่อแม่ ญาติพี่น้อง คุณครู  เพื่อน สังคม และโรงเรียน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็กคนหนึ่งเติบโตมาไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ในปัจจุบัน ทุกคนสามารถเป็นปัจจัยที่ดีในการสนับสนุนและสร้างความทรงจำดี ๆ ให้กับเด็ก ๆ เพื่อให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ในฐานะผู้ปกครองเข้าใจในบทบาทของพ่อแม่และครูในยุคปัจจุบัน หากวันใดรู้สึกหลงทางในการเลี้ยงดูบุตรหลาน ควรย้อนนึกถึงช่วงวัยเด็กของตนเอง เพื่อเข้าใจความคิดและจังหวะของเด็ก ๆ มากขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ เด็กจะมีความสุขได้ หากพ่อแม่และคุณครูมีความสุข พวกเขาจะรับรู้ได้ มุ่งให้เด็กเติบโตจากความสุขเป็นสำคัญ  ยืนยันว่ารัฐบาลจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเด็กทุกคน โดยหวังว่า วันเด็กปีนี้ที่ทำเนียบรัฐบาลจะสร้างความทรงจำแสนพิเศษให้กับน้อง ๆ ผู้ปกครอง และคุณครู