Authority & Harm
ผบช.ภ.7แถลงผลการจับกุมขบวนการลัก อุปกรณ์ประจำเสาโทรศัพท์24.3ล้าน
นครปฐม-ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมชุดคลี่คลายคดี นำผู้แทนบริษัทเครือข่ายมือถือรายใหญ่ แถลงผลการจับกุมขบวนการลักอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ พร้อมนำของกลางที่ลักลอบนำไปจำหน่าย รวมมูลค่า 24.3 ล้านบาท โดยพบคนร้ายจะเป็นอดีตพนักงานและคนงานบริษัทรับเหมากลับมาก่อเหตุ โดยมียอดสั่งจากต่างประเทศไปขายเป็นสินค้ามือ2 และชำแหละอุปกรณ์แยกชิ้น ในค่ายมือถือระดับเล็กในต่างประเทศ
วันที่ 13 มกราคม 68 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชมชวิณ พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7 พร้อมด้วยชุดคลี่คลายคดี ผู้แทนจากบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แถลงผลจับกุมเครือข่ายผู้ก่อเหตุลักทรัพย์อุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ ของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในพื้นที่ ตำรวจภูธรภาค 7 โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาหลายรายและของกลางเป็นอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ รวมมูลค่า 24.3 ล้านบาท
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 เผยว่า ในห้วงตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2567 – 8 มกราคม 2568 เกิดเหตุลักทรัพย์อุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ ของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 7 จำนวน 12 คดี ประกอบด้วยพื้นที่ จังหวัดนครปฐม จำนวน 4 คดี จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 7 คดี และ จังหวัดราชบุรี จำนวน 1 คดี
โดยเมื่อวันที่ 2 - 3 ม.ค.68 ได้เกิดเหตุลักอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่รับผิดชอบ สภ.โพธิ์แก้ว ต่อมาวันที่ 8 ม.ค.68 ฝ่ายสืบสวน สภ.โพธิ์แก้ว ได้สืบสวนติดตามจนกระทั่งจับกุมตัว นายคณิน หรือนิน สงวนนามสกุล นายวิวัฒน์ หรือแม๊ก สงวนนามสกุล และนายรพีพัฒน์ หรือไนซ์ สงวนนามสกุล พร้อมด้วยของกลางอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ BASEBAND จำนวน 4 เครื่อง รถจักรยานยนต์ ชุดที่สวมใส่ และอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ในการก่อเหตุ ต่อมากองกำกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 (กก.สืบสวน 1 บก.สส.ภ.7) ได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่า เมื่อวันที่ 1 ม.ค.68 นายคณินฯ และนายรพีพัฒน์ฯ ยังได้ก่อเหตุลักอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ สภ.สามควายเผือกอีกด้วย โดยมีนายเอกภพฯ เป็นหัวหน้าเครือข่ายลักทรัพย์ในขบวนการนี้ พนักงานสอบสวน สภ.สามควายเผือก ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับ ต่อมาศาลจังหวัดนครปฐมได้อนุมัติหมายจับ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 1ฯ ได้จับกุมตัวนายเอกภพฯ พร้อมด้วยของกลางชุดที่สวมใส่ในการก่อเหตุ นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสืบสวนทราบว่านายเอกภพฯ เคยเป็นอดีตพนักงานรับจ้างติดตั้ง และรื้อถอนเสาสัญญาณโทรศัพท์ โดยได้ก่อเหตุลักทรัพย์อุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์พร้อมกับนายคณินฯ นายรพีพัฒน์ฯ และนายวิวัฒน์ฯ มาแล้วหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่เดือน ก.ย.67 จนกระทั่งครั้งล่าสุดก่อเหตุลักทรัพย์เมื่อวันที่ 2 ม.ค.68 ทุกครั้งที่ก่อเหตุ นายเอกภพฯ จะส่งพิกัดที่ตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์ที่จะเข้าไปลักให้กับนายคณินฯ นายรพีพัฒน์ฯ และนายวิวัฒน์ฯ เพื่อเข้าไปก่อเหตุลักอุปกรณ์ประจำ เสาสัญญาณโทรศัพท์ จากนั้นจะนำทรัพย์ที่ได้จากการก่อเหตุ ส่งต่อให้กับผู้รับซื้อ ผ่านทางบริษัทขนส่งเอกชน Lalamove มีพิกัดผู้รับปลายทางอยู่ในพื้นที่ ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จว.นนทบุรี โดยมี น.ส.รัดภุชอินทร์ฯ เป็นคนชำระค่าจัดส่งดังกล่าว และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวน พิสูจน์ทราบตัวบุคคลผู้รับซื้ออุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ต่อจาก นายเอกภพฯ ทราบว่า คือ นายการุณฯ
วันที่ 10 ม.ค.2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 1ฯ ได้รวบรวมพยานหลักฐาน และขออนุมัติหมายค้นต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อเข้าทำการตรวจค้นบ้านของนายการุณฯ ในพื้นที่ ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จว.นนทบุรี เพื่อทำการตรวจสอบ และตรวจยึดอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ พบตัวนายการุณฯ และ น.ส.รัดภุชอินทร์ฯ อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว และตรวจพบอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ ของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน19 ชิ้น อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว จึงได้ทำการตรวจยึดเพื่อทำการตรวจสอบ
ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.สามควายเผือก ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดนครปฐม ศาลจังหวัดนครปฐมได้อนุมัติหมายจับนายการุณฯ และ น.ส.รัดภุชอินทร์ฯ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันรับของโจร” จึงได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมด้วยของกลาง และนายการุณฯ ให้การรับสารภาพว่าได้รับซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวมาจริง และทำการเช่าโกดังไม่มีเลขที่อยู่ในพื้นที่ หมู่ 1 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จว.นนทบุรี ไว้อีกที่หนึ่ง เพื่อเก็บรักษาอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ที่รับซื้อมา ระหว่างรอจำหน่ายให้กับผู้รับซื้อ ที่จะมารับซื้อต่อจากนายการุณฯ อีกทอดหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวนายการุณฯ ไปทำการตรวจค้นโกดังดังกล่าว พบอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 291 ชิ้น จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เพื่อทำการตรวจสอบ และได้นำตัว นายการุณฯ และ น.ส.รัดภุชอินทร์ฯ พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.สามควายเผือก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสืบสวนจับกุมเครือข่ายลักอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ในครั้งนี้ ทำให้ทราบว่าจะมีผู้รับซื้อ ชาวจีน มาซื้ออุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ต่อจากเครือข่ายที่ถูกจับกุม แล้วให้จัดส่งไปยังที่อยู่ปลายทางในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจะได้ทำการสืบสวนขยายผล และรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับเครือข่าย 6 ราย ประกอบด้วย 1. นายคณิน หรือนิน สงวนนามสกุล อายุ 19 ปี 2. นายวิวัฒน์ หรือแม๊ก สงวนนามสกุล อายุ 20 ปี 3. นายรพีพัฒน์ หรือไนซ์ สงวนนามสกุล อายุ 16 ปี 4. นายเอกภพ หรือเอก สงวนนามสกุล อายุ 40 ปี 5. นายการุณ สงวนนามสกุล อายุ 29 ปี 6. น.ส.รัดภุชอินทร์ สงวนนามสกุล อายุ 31 ปี พร้อมด้วยของกลาง 1. ยานพาหนะ ชุดที่สวมใส่ และอุปกรณ์ที่ผู้ต้องหาใช้ในการก่อเหตุ จำนวน 12 รายการ 2. โทรศัพท์ สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 3 รายการ 3. อุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ จำนวน 11 รายการ และมีของกลางอื่นประกอบรวม 26 รายการ เฉพาะอุปกรณ์ประจำเสาสัญญาณโทรศัพท์ ที่ได้มาจากการลักทรัพย์ จำนวน 11 รายการ รวมทั้งสิ้น 314 ชิ้น มูลค่าความเสียหายประมาณ 24,300,000 บาท
" ก่อนหน้าเราได้มีการจับกุเครือข่ายลักษณะนี้มาแล้วในพื้นที่ สภ.ดอนตูม จังหวัดนครปฐม ซึ่งทั้ง 2 คดีมีความเสียายรวมกันกว่า 50 ล้านบาท โดยการสิบสวนพบว่าทั้ง 2 เคสจะเป็นอดีคพนักงานและพนักงานที่เป็นผู้รับเหมาซึ่งจะทราบข้อมูลเรื่องการติดตั้งและถอดถอนอุปกรณ์ดังกล่าว โดยการนำไปขายก็จะเป็นออร์เดอร์จากต่างประเทศ ซึ่งจะมีการดำเนินการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเป็นรายย่อยซึ่งใช้การหาซื้ออุปกรณ์ไปติดตั้ง และการนำไปชำแหละอุปกรณ์ขายเป็นชิ้นเหมือนลักษณะเชียงกง ซึ่งนำไปขายในราคาไม่แพงแต่ความเสียหายทางบริษัทเอกชนมีมูลค่าสูง ซึ่งปัญหาคือประชาชนที่ถูกลักสัญญาณไปในจุดต่างๆ จะไม่สามารถใช้บริการโทรศัพท์มือถือในค่ายนี้ได้ บางครั้งต้องแก้ไขกันถึง 5-6 ชั่วโมง อันนี้คือความเสียหายมาก" ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวปิดท้าย