In News
แฉ'บ่อนข้างบ้าน'หาทางคว่ำคาสิโนไทย หากรัฐฯทำได้'บ่อนเถื่อน-นอก'ส่อเจ๊งสูง
กรุงเทพฯ-รัฐบาล ขอทุกส่วนช่วยกันเอาความจริงของสังคมไทยมาร่วมกันแก้ไขปัญหา หลังรับรายงานเริ่มมีกลุ่มทุนเจ้าของบ่อนทั้งในและนอกประเทศเสียผลประโยชน์ พยายามช่วยกันคว่ำ พรบ.สถานบันเทิงครบวงจรชี้มีผลดีมากกว่าเสีย หลังศึกษามาอย่างรอบด้าน มั่นใจพรบ.ฉบับนี้ กำกับเข้มทั้งวางแผนป้องกันผลกระทบทางสังคมทุกมิติ เป้าหมายหลักส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวระดับโลก ด้วย เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ในประเทศไทยให้ก้องโลก
วันนี้ (16 มกราคม 2568) เวลา 07.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า มีฝ่ายค้านบางคนออกมาแสดงความคิดเห็นคัดค้านและไม่เห็นด้วยกับการนำปัญหาความจริงของสังคมที่หมักหมมเป็นเวลานาน เช่น การพนันออนไลน์ การแทงบอล แทงม้า และการเล่นการพนันต่าง ๆ ทั้งในและรอบประเทศ ขึ้นมาแก้ไขปัญหาด้วยความเป็นจริง
ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปดูนโยบายของพรรคการเมืองที่เคยหาเสียงไว้หลายพรรคที่เป็นฝ่ายค้านในปัจจุบัน ก็เคยมีนโยบายหาเสียงในการจะเปิดสถานบริการการพนัน หรือ บ่อนเสรี โดยหลายนโยบายยังมีการกำหนดให้สามารถมีทุกจังหวัดได้อีกด้วย จึงอยากเรียกร้องให้พรรคฝ่ายค้านกลับไปดูนโยบายของพรรค และนำมาเปรียบเทียบกับนโยบายของรัฐบาลที่ออกมาและช่วยกันนำเรื่องจริงของสังคมไทยมาร่วมกันแก้ไขในชั้นรับหลักการ หรือช่วงแปรญัตติ หรือชั้นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณารายมาตรา
ทั้งนี้ พรรคฝ่ายค้านในปัจจุบัน ยังเคยกล่าวในเวทีหาเสียงไว้ว่า “ปัจจุบันมีธุรกิจที่ผิดกฎหมาย แต่ยังคงเปิดดำเนินการอยู่เป็นจำนวนมาก โดยรัฐก็ไม่ได้มีแนวคิดที่จะปราบปรามอย่างจริงจังสุดท้ายกลายเป็นช่องทางในการแสวงหาผลประโยชน์และนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ที่ร้ายแรงมากยิ่งขึ้น เช่น การฟอกเงินของผู้ค้ายาเสพติด และการค้ามนุษย์ รวมไปถึงการกดขี่ลูกจ้างแรงงานในอุตสาหกรรมไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม
ซึ่งการนำธุรกิจที่ผิดกฎหมายและอยู่ใต้ดินให้ขึ้นมาอยู่บนดิน โดยกำกับควบคุมอย่างเข้มข้น ถือเป็นทางออกที่จะสามารถควบคุมการดำเนินธุรกิจได้จริงจัง ปิดช่องที่จะเกิดการฟอกเงิน การค้ามนุษย์ รวมถึงการคุ้มครองแรงงานให้ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม และยังสามารถสร้างรายได้เข้ารัฐในรูปแบบของภาษีและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตได้อีกด้วย โดยพรรค….เสนอให้มีกาสิโนอย่างถูกกฎหมาย โดยจำกัดอายุผู้เล่นไม่ต่ำกว่า 20 ปี จำกัดฐานะของผู้เล่น โดยกำหนดรายได้ขั้นต่ำของผู้ที่จะมีสิทธิเล่นได้ ให้ยึดตามรายได้ที่แจ้งต่อสรรพากรในปีภาษีก่อนหน้า จำกัดจำนวนกาสิโน โดยถ้าจังหวัดไหนจะมีกาสิโนได้ ต้องออกเป็น พ.ร.ฎ. กำหนดพื้นที่และจำนวนกาสิโนที่จะออกใบอนุญาตได้“ เป็นต้น
นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า หลายสิบปีมานี้ปัญหานี้ คือความจริงของสังคมไทยว่าเป็นอย่างไร ในประเทศจับบ่อนขนาดเล็กขนาดใหญ่ เป็นข่าวเป็นประจำ คนไทยออกไปเล่นการพนันต่างประเทศ และรอบประเทศ เหนือ ใต้ ออก ตก มากขนาดไหนมีการเล่นพนัน แทงบอล พรีเมียร์ลีก บอลยูโร บอลโลก สารพัดการแข่งขัน โดยเอาเงินไปให้ต่างชาติกันมากมายขนาดไหน วันนี้ถึงเวลาที่สังคมจะต้องช่วยกันต่อสู้กับ ธุรกิจสีเทา ที่วันนี้ฝ่ายความมั่นคง เริ่มพบว่ามีการขยับที่จะทำทุกวิถีทางโดยมีเป้าหมายต้องล้ม พรบ.นี้ เพื่อให้พวกเขายังคงธุรกิจสีเทาเหล่านี้ได้ต่อไป สุดท้ายสังคมไทยก็จะกลับเข้ามาวังวนเดิม ๆ
ทั้งนี้ ร่าง พรบ.ฉบับนี้ ได้ศึกษามาอย่างรอบด้าน ทั้งผลดี และ ผลกระทบของสังคมในทุกมิติซึ่งพบว่าหากมีกฎหมายควบคุม ก็จะสามารถควบคุมกลไกต่าง ๆได้ อันมีคุณมากกว่าโทษ โดยในเนื้อหาของร่างพรบ.ฉบับนี้ ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อกลั่นกรอง ติดตาม ตรวจสอบ เขียนระเบียบ กฎกติกาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้มาลงทุนเรื่อง เงินทุน จะสีดำหรือเทาก็เข้ามาไม่ได้หากมีกฎหมายฉบับนี้
นายจิรายุกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีปัญหาใหญ่ในเรื่องนี้ที่ต้องแก้ไข โดยมีหลายหน่วยงานเห็นพ้องกันให้เร่งแก้ไขปัญหาหลัก ๆ 3 ประเด็น โดย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้พิจารณาและรับทราบในเรื่องที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นสภาพปัญหาที่แท้จริงของประเทศไทยดังนี้
1. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ให้ ข้อเสนอแนะ ต่อ ครม. ถึงสถานการณ์ทั้งการพนันออนไลน์และบ่อนการพนันทั้งในและรอบประเทศไทย พบว่า ตำรวจได้จับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับบัญชีม้าและซิมม้าและคดีพนันออนไลน์ ระยะเวลาเพียงหกเดือนกว่า สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ จำนวน 15,000 ราย ซึ่ง ปปช.และ กสทช. ได้ดำเนินการระงับซิมม้ากว่า 3 ล้านเลขหมาย ในส่วนของกระทรวงดีอี ได้ดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์หลอกลวง กว่า 1.5 แสนราย ธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทยได้ดำเนินการ กับบัญชีต้องสงสัยเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกภาคส่วนได้ร่วมมือแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ แต่ยังพบปัญหาการอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องจึงขอให้ รัฐบาลรับไปเร่งแก้ไขปัญหา
2. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฉบับที่ พ.ศ..... โดยสาระเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดที่เคยออกไว้เมื่อปี 2566 โดยจะขอเพิ่มมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์และมิจฉาชีพเช่นการห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์ม การให้อำนาจ กสทช.หรือผู้บริการโทรศัพท์มือถือมีอำนาจหน้าที่ในการสั่งระงับการให้บริการเลขหมายเมื่อพบเหตุอันควรสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดให้สถาบันการเงินหรือผู้บริการเครือข่าย โทรศัพท์อื่น ๆ หรือสื่อสังคมออนไลน์มีส่วนรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและเพิ่มเติมบทกำหนดโทษภาระ
ซึ่งเรื่องนี้ ที่ประชุม ครม. เห็นว่ามีการประกาศพระราชกำหนดแล้วเมื่อ ปี 66 ให้กระทรวงดีอีร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติหารือกันเพื่อพิจารณาปรับรูปแบบการตรากฎหมายเป็น ร่างพรบ. เพื่อแก้ไข พรบ.ดังกล่าว หรือการแก้ไขกฎหมายรองลงมา แทนการตรา พ.ร.ก. ขึ้นมาใหม่ โดยให้รับฟังความเห็นของหน่วยงานไปประกอบพิจารณาและส่งให้วิปรัฐบาล พิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรแก้ไขต่อไป
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่าหากแก้ไขกฎหมายรองอาจจะใช้เวลาน้อยกว่าเข้าสู่สภาซึ่งมีถึง 3 วาระและใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งกระทรวงดีอีได้รับไปพิจารณาในการใช้กฎหมายรองที่มีขั้นตอนไม่ยุ่งยากและใช้เวลาไม่มากนัก
สำหรับเรื่องที่ 3. คือ ครม.ผ่านความเห็นชอบ ตามที่ กระทรวงการคลัง คณะกรรมการกลั่นกรองด้านเศรษฐกิจฯ เสนอต่อที่ประชุมให้พิจารณาเห็นชอบในหลักการต่อร่างพรบ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... อาทิ กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบาย คณะกรรมการบริหารการจัดตั้งสำนักงานเพื่อกำกับการประกาศประกอบสถานบันเทิงครบวงจร และกำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตเพื่อกำหนดมาตรฐานในการรองรับการท่องเที่ยว และส่งเสริมการลงทุนในประเทศ อันจะก่อให้เกิดผลดีต่อสังคมในภาพรวมในการสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวที่ถาวร ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการในร่าง พรบ.ดังกล่าวตามที่กระทรวงการคลังเสนอและส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาโดยให้นำความเห็นของข้อสังเกตของคณะกรรมการรวมทั้งความเห็นของทุกหน่วยงานไปประกอบในการพิจารณาต่อไป
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า สถานบันเทิงครบวงจรนั้นไม่ได้หมายถึง “กาสิโน” เพียงอย่างเดียวแต่เป็นการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย เช่น สวนสนุก สวนน้ำ สถานที่พักผ่อน โรงแรม ระดับหรู และ โรงละคร และ สถานที่จัดคอนเสิร์ตระดับโลก ซึ่งที่ผ่านมาหลายประเทศทั่วโลกทั้งใน เอเชีย และหลายทวีป ต่างพบว่า ธุรกิจที่อยู่บนดินสามารถควบคุมได้ ประชาชน และสังคมจะมีความปลอดภัยในทุกมิติมากกว่า"