In Bangkok
หมดสิ้นม.ค.นี้แคมเปญ'รถคันนี้ #ลดฝุ่น' เปลี่ยนน้ำมันเครื่องไส้กรองลดสูงสุด55%
กรุงเทพฯ-โค้งสุดท้ายแคมเปญ รถคันนี้ #ลดฝุ่น เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง ลดสูงสุด 55% ถึงสิ้นเดือน ม.ค. 68 กทม. ตั้งเป้า 500,000 คัน ร่วมสร้างอากาศสะอาด
(17 ม.ค. 68) เวลา 16.30 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายเฮงก์ โจฮัน คิกส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี-ควิก จำกัด นางสาวบุศรารัตน์ อัสสรัตนกุล ผู้บริหารสูงสุดสายงาน ปฏิบัติการ บริษัท บี-ควิก จำกัด นายพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ Chief Sustainability Officer (ผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร) ผู้บริหารกรุงเทพมหานครและสำนักสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่เชิญชวนคนกรุงเทพฯ ลดการปล่อย PM2.5 จากยานยนต์ เริ่มต้นที่ตัวเอง พร้อมรับโพรโมชันเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจาก 6 บริษัทผู้ค้าน้ำมัน และ 9 บริษัทผู้ค้ารถยนต์ ลดสูงสุด 55% ณ ศูนย์บริการบีควิก สาขาพรานนก เขตตลิ่งชัน จากนั้น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ตรวจรถควันดำ ณ แพลท์ปูน CPAC ตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน ต่อด้วยติดการสถานการณ์ฝุ่น ณ ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศ กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ร่วมกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน ภาคเอกชน สภาอุตสาหกรรม และกรมควบคุมมลพิษ ในการรณรงค์แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งปัญหาฝุ่นในกรุงเทพฯ เกิดจากปัจจัย 3 อย่าง คือ รถยนต์ การเผาชีวมวล และสภาพอากาศที่ปิด โดยปัจจุบันยังมีการเผาชีวมวลในพื้นที่ด้านนอกมากขึ้น ซึ่งในประเทศไทยมีการเผาเพิ่มขึ้นประมาณ 50% จากปีที่แล้ว แต่ในพื้นที่กรุงเทพฯ แทบจะไม่มีการเผาในพื้นที่แล้ว
ในส่วนของฝุ่น PM2.5 ที่มาจากการใช้รถยนต์ กทม. ยังคงต้องเดินหน้ามาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องโครงการ LOW EMISSION ZONE หรือห้ามรถตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป (ยกเว้น EV, NGV, EURO 5 และ 6) เข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษกภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งได้มีการเตรียมพร้อมไว้แล้ว เมื่อไรก็ตามถึงเกณฑ์ก็จะประกาศไม่ให้รถบรรทุกเข้ามาได้ ยกเว้น EV, NGV, EURO 5 - 6 และรถที่ขึ้นบัญชีสีเขียว (Green List) โดยปัจจุบันมีรถขึ้นทะเบียน Green List แล้ว 31,041 คัน
เรื่องการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง ซึ่งประชาชนยังมีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง/เปลี่ยนไส้กรองไม่เยอะ โดยตั้งเป้าไว้ที่ 500,000 คัน ตอนนี้มีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง/เปลี่ยนไส้กรองแล้ว 229,711 คัน จึงอยากเชิญชวนประชาชนร่วมลดฝุ่น เริ่มต้นที่ตัวเอง ด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรองน้ำมันเครื่อง ซึ่ง กทม. และกระทรวงพลังงานได้บูรณาการไร้รอยต่อลดฝุ่น PM2.5 โดยขอความร่วมมือบริษัทผู้ค้าน้ำมันและบริษัทผู้ค้ารถยนต์จัดโพรโมชันส่งเสริมการใช้น้ำมัน Euro5 และบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ตามนโยบายปรับเปลี่ยนคุณภาพน้ำมันจาก Euro4 เป็น Euro5 โดยกระทรวงพลังงาน เนื่องจากน้ำมัน Euro5 มีกำมะถันลดลงกว่า 5 เท่า จึงส่งผลให้ลดการปล่อย PM2.5 ในเครื่องยนต์ดีเซลได้กว่า 20%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าวันนี้ฝุ่นจะมีแนวโน้มลดลง แต่ในช่วงระหว่างวันที่ 18 – 23 มกราคม 2568 จะมีแนวโน้มฝุ่นสูงขึ้นอีก เนื่องจากอัตราการระบายอากาศลดต่ำลงมาก ฉะนั้น หากเราช่วยกันแก้ปัญหาฝุ่นที่มาจากรถยนต์ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าฝุ่น PM2.5 สูงในกรุงเทพฯ ก็จะสามารถลดปัญหาดังกล่าวได้มาก
สำหรับในปีนี้มี 6 บริษัทผู้ค้าน้ำมัน และ 9 บริษัทผู้ค้ารถยนต์ ร่วมจัดโพรโมชันส่งเสริมการใช้น้ำมัน Euro5 และบำรุงรักษาเครื่องยนต์ รวมจำนวน 15 บริษัท ประกอบด้วย 1. บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (ปตท. OR) 2. บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 3. บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) (เอสโซ่) 4. บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด 5. บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด 6. บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) 7. บริษัท ตรีเพชร อีซูซุเซลล์ จำกัด 8. บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด 9. บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด 10. บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด 11. บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด 12. โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย 13. บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด 14. บริษัท ฟอร์ด เซลล์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด 15. บริษัท มาสด้า เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งจะมีโพรโมชันส่วนลดในการดูแลบำรุงรักษาเครื่องยนต์สูงสุดถึง 55% อาทิ ส่วนลดราคาน้ำมัน น้ำมันเครื่อง อะไหล่ ตรวจเช็กสภาพรถฟรี เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องฟรี พร้อมของสมนาคุณมากมาย จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนสำคัญในการลดการปล่อย PM2.5 อย่างยั่งยืน โดยการใช้น้ำมัน Euro5 และหมั่นดูแลบำรุงรักษาเครื่องยนต์โดยการตรวจสอบสภาพรถยนต์ เปลี่ยนไส้กรอง เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนด พร้อมรับโพรโมชัน ณ สถานีบริการน้ำมันและศูนย์บริการรถยนต์ที่ร่วมรายการ
นอกจากนี้ กทม. ยังได้เปิดให้บริการตรวจเช็กเครื่องยนต์ฟรี ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ วันละ 2 รอบ (เช้าและบ่าย) ณ โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ 1. โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร (ดินแดง 1) เขตดินแดง 2. โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร (หนองจอก) เขตหนองจอก 3. โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร (อาทร สังขะวัฒนะ) เขตทุ่งครุ
● ปรับเกณฑ์ WORK FROM HOME ไม่รอฝุ่นแดง พยากรณ์พบ PM2.5 สีส้ม 35 เขตขึ้นไป อัตราการระบายไม่ดี จุดเผาเกิน 80 จุด ประกาศทันที
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวด้วยว่า อีกมาตรการหนึ่งที่เราจะปรับปรุงคือเรื่อง WORK FROM HOME (WFH) ซึ่งเดิมมาตรการ WFH เราใช้เกณฑ์ค่าฝุ่น PM2.5 อยู่ในระดับสีแดง (ค่า PM2.5 ตั้งแต่ 75.1 มคก./ลบ.ม.) 5 เขต แล้วก็คาดการณ์ล่วงหน้า 2 วัน เป็นสีแดง 5 เขต จึงจะประกาศ WFH แต่เราคิดว่าเนื่องจากการ WFH เป็นเรื่องของความสมัครใจ ไม่ใช่การบังคับ เพราะฉะนั้นเราจึงลดมาตรการลงเพื่อให้ประกาศ WFH ได้ง่ายขึ้น โดยจะมีการพยากรณ์ล่วงหน้า 1 วัน หากพบค่าฝุ่น PM2.5 อยู่ในระดับสีส้ม (ค่า PM2.5 ตั้งแต่ 37.6 - 75.0 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 35 เขตขึ้นไป (70% ของพื้นที่กรุงเทพฯ) อัตราการระบายอากาศ (VR) ไม่ดี คือน้อยกว่า 2,000 ตารางเมตรต่อวินาที และพบจุดความร้อน (จุดเผา) เกินวันละ 80 จุด ติดต่อกัน 3 วัน จะมีการประกาศ WFH ซึ่งการ WFH จะทำให้ปริมาณการจราจรในถนนจะลดลง ทำให้การจราจรติดขัดน้อยลง การปล่อยฝุ่นสะสมจะน้อยลงด้วย โดยในช่วงกุมภาพันธ์ปี 2567 ที่ได้มีการประกาศ WFH ไปนั้น ได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน จำนวน 151 แห่ง หรือประมาณ 60,279 คน ร่วม WFH ตามประกาศ พบว่าปริมาณการจราจรในท้องถนนลงลดเกือบ 10%
ทั้งนี้ การปรับเกณฑ์ก็เพื่อให้คนได้มีการเตรียมตัว ซึ่งปัจจุบันมีหน่วยงานภาคส่วนต่าง ๆ เข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่าย WFH ประมาณเกือบ 100,000 คน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 200,000 คน จึงขอเชิญชวนหากใครประสงค์จะร่วมโครงการสามารถลงทะเบียนกับ กทม. ได้ผ่านลิงก์ https://bit.ly/3Nn25nR?r=qr โดยเราอยากให้บริษัทเข้าร่วมโครงการกับเรา เพื่อจะได้มีการประกาศจากบริษัทในการให้พนักงาน WFH ทั้งนี้ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2203 2951
● แนะประชาชนใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นก่อนออกจากบ้าน พบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษ แจ้ง Traffy Fondue
ในส่วนของประชาชน พบว่ามีความตื่นตัว มีการใส่หน้ากากป้องกันฝุ่น ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีเพราะว่าเป็นการป้องกันตัวเองจากฝุ่น ซึ่งในช่วงที่ค่าฝุ่นสูงแล้วหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ควรใส่หน้ากากก่อนออกจากบ้าน เพราะเป็นตัวหนึ่งที่ช่วยบรรเทาได้ โดยประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน ผ่านแอปพลิเคชัน AirBKK เว็บไซต์ www.airbkk.com, www.greenerbangkok .com, www.pr-bangkok.com, เฟซบุ๊กเพจ สำนักสิ่งแวดล้อม กทม เฟซบุ๊กเพจ กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร และเฟซบุ๊กเพจ กรุงเทพมหานคร รวมถึง LINE ALERT ทั้งนี้ ขอเชิญร่วมเป็นหูเป็นตา กรณีพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแสผ่านทาง Traffy Fondue ได้