Authority & Harm
ผบ.ตร.บังคับใช้7มาตรการเข้ม!แก้ปัญหา คนต่างด้าวหนีเข้าเมืองให้เห็นผลใน7วัน
กรุงเทพฯ-ผบ.ตร.บังคับใช้ 7 มาตรการเข้มข้น แก้ไขปัญหาคนต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ถูกหลอกลวง หรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย และอาชญากรรมข้ามชาติ ย้ำชัดให้เห็นผลภายใน 7 วัน หากพบเจ้าหน้าที่มีเอี่ยวหรือบกพร่อง ฟันเด็ดขาด
วันนี้ (25 มกราคม 2568) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย คนต่างด้าวตั้งกลุ่มแก๊งกระทำความผิดหรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย และอาชญากรรมข้ามชาติ อย่างเต็มกำลัง เพื่อขจัดปัญหาเหล่านี้ให้หมดไปโดยเร็ว จึงได้มีหนังสือสั่งการเน้นย้ำให้หน่วยปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้ 7 มาตรการ อย่างเข้มงวด ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ได้แก่
1. มาตรการก่อนคนต่างด้าวเดินทางเข้าประเทศไทย : ประสาน เชื่อมโยงข้อมูล เพื่อทำการคัดกรองบุคคล
2. มาตรการ ณ ท่าอากาศยาน และด่านตรวจคนเข้าเมือง (ชายแดน) : เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลเข้า-ออกนอกราชอาณาจักร โฟกัสกลุ่มเสี่ยง หากพบเห็นให้รีบดำเนินการซักถาม และประชาสัมพันธ์ มาตรการติดตั้งกล้อง License Plate และเชื่อมโยงกล้องวงจรปิด (ระบบ AI) ติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ (แจ้งเตือน)
3. มาตรการตั้งจุดตรวจตามเส้นทาง : ตั้งจุดตรวจครอบคลุม โดยเฉพาะพื้นที่เฝ้าระวัง สุ่มเสี่ยง
4. มาตรการตรวจสอบที่พัก พื้นที่ท่องเที่ยว และสกัดกั้นพื้นที่ชายแดน : ตรวจสอบที่พักคนต่างด้าว แหล่งท่องเที่ยว เน้นการสกัดเคลื่อนย้ายข้ามแดนตามช่องทางธรรมชาติ ท่าข้ามแดนต่าง ๆ
5. มาตรการเชิงรุกในการตรวจสอบเส้นทางและจุดพักคอย : ตรวจสอบปั๊มน้ำมัน จุดพักรถ สถานีขนส่ง จุดพักแรม และ
6. มาตรการเข้มข้นในพื้นที่ชายแดน : ตรวจสอบพื้นที่และเอ็กซเรย์พื้นที่ชายแดนทุกแห่ง ลาดตระเวนช่องทางธรรมชาติ และท่าข้าม พื้นที่จังหวัดชายแดนเข้มข้น
7. มาตรการประสานงาน ให้ความช่วยเหลือ และสืบสวนขยายผล : ดำเนินคดี สืบสวนขยายผลไปถึงตัวการ ผู้สนับสนุน โดยเฉพาะข้าราชการที่ทุจริต
จากการเข้มงวดตามมาตรการดังกล่าว ทำให้มีผลการปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 20-24 มกราคม 2568 ในการปฏิเสธคนต่างด้าวที่มีความเสี่ยงเข้าประเทศ ณ ท่าอากาศยาน จำนวน 10 ราย , ปฏิเสธการขออยู่ต่อในพื้นที่ จ.ตาก จำนวน 47 ราย , จับกุมและปรับกรณีอยู่โดยการอนุญาตสิ้นสุด (Overstay) ในพื้นที่ จ.ตาก 92 ราย แบ่งเป็น ชาวจีน 3 ราย และอินโดนีเซีย 1 ราย , ผู้หลบหนีเข้าเมือง บริเวณริมแม่น้ำเมย เป็นชาวเมียนมา 14 ราย และบริเวณจุดตรวจร่วมห้วยหินฝน อ.แม่สอด จ.ตาก 6 ราย รวม 20 ราย , การปฏิบัติในพื้นที่ จ.ตาก ดำเนินการตรวจที่พักในพื้นที่ อ.แม่สอด 275 ครั้ง ตรวจบริเวณสนามบินแม่สอด 16 ครั้ง จุดตรวจร่วมห้วยหินฝน 170 ครั้ง ตำรวจตระเวนชายแดนลาดตระเวนช่องทางธรรมชาติ 25 ครั้ง ตรวจสอบท่าข้ามแดน 14 ครั้ง ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด 36 ครั้ง พร้อมกันนี้ ยังได้มีการพูดคุย ประชาสัมพันธ์ สร้างความตระหนักรู้ถึงภัย จำนวน 461 ราย โดยพบว่ามีการผ่านด่านตรวจแม่ท้อ ด่านห้วยยะอุ ด่านห้วยหินฝน และบ้านเกาะราก และมีคนต่างด้าวสัญชาติจีน เกาหลี ลาว เอธิโอเปีย (ตามลำดับ) โดยคัดกรองขั้นต้นพบว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติจีนและเวียดนาม มีความเสี่ยงที่อาจจะตกเป็นเหยื่อ จึงส่งต่อข้อมูลไปยังพื้นที่เฝ้าระวังและพื้นที่เสี่ยง พร้อมได้พูดคุยและทำความเข้าใจกันด้วยดี นอกจากนี้ ยังได้ตรวจยึดและจับกุมยาเสพติดฯ ตามมาตรการป้องกันปราบปรามยาเสพติดอีกด้วย
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าประเทศไทยมีมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวทุกราย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้ขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าวอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยจะใช้กลไกการทำงานร่วมกับศูนย์อาชญากรรมพิเศษของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปชก.ตร.) , ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศตคม.ตร.) , ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) และศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ในการติดตามเฝ้าฟัง อำนวยการปฏิบัติฯ ตลอด 24 ชั่วโมง และเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนและสังคมในวงกว้าง เพื่อเตือนภัยให้แก่คนต่างด้าว และประสานการปฏิบัติหน่วยงานต่างประเทศต่อไป
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติย้ำชัดให้เจ้าหน้าที่ทุกนายจะต้องปฏิบัติอย่างจริงจังและเด็ดขาด เห็นผลภายใน 7 วัน หากเจ้าหน้าที่เข้าไปยุ่งเกี่ยว พัวพัน รู้เห็นเป็นใจ หรือแม้กระทั่งเพิกเฉย ปล่อยปละละเลยไม่ใส่ใจในการทำหน้าที่ จะต้องถูกพิจารณาทางปกครอง วินัย และอาญา อย่างเด็ดขาดทุกราย