In Thailand
เปิดใจ'เสี่ยโป้ง'คู่แข่งบ้านใหญ่'ฉายแสง' ชิงนายกเมืองแปดริ้วถ่อมตัว'ไม่ล้างตา'
ฉะเชิงเทรา-เปิดใจเสี่ยโป้ง คู่แข่งคนบ้านใหญ่ “ฉายแสง” ชิงนายก ทม.แปดริ้วแจงไม่ล้างตา ระบุเป็นการลงสนามเพื่อแข่งขันกันในเชิงนโยบาย มองในสิ่งที่เป็นปัญหาและแก้ไขตามความต้องการของคนในพื้นที่ ชูนโยบายการศึกษาพัฒนายกระดับอาชีพสู่โลกออนไลน์ แก้ไขปัญหากองขยะให้เกิดประโยชน์ ยกระดับสวัสดิการ จนท.ในองค์กร เล็งใช้ประโยชน์พื้นที่ว่างเปล่าอย่างคุ้มค่าพร้อมดูแลสวัสดิภาพผู้สูงวัยและเด็กจนถึงเรือนชาน สร้างงานประเพณีให้ยิ่งใหญ่ขายภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว
“ธนกฤต ปิ่นเจริญ” หรือกัปตันโป้ง ผู้สมัครชิงนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองฉะเชิงเทราในวัย 42 ปีกับ “ขวัญกมล ฉายแสง” วัย 57 ปี ภรรยาของนายกลยุทธ ฉายแสง อดีตนายกเทศมนตรี ที่ลาออกไปลงสมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ได้เปิดใจถึงการเดินทางไปลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองฉะเชิงเทราในวันสุดท้ายก่อนการปิดรับสมัครว่า “ได้มองเห็นว่าเมืองฉะเชิงเทรายังมีอะไรที่สามารถพัฒนาได้อีกมากมายหลายอย่าง จึงอยากให้มีการปลดล็อคหรือมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ในการเลือกตั้งครั้งนี้”
โดยมีทีมงานคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะเข้าไปบริหารเมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางของจังหวัด จึงได้ตัดสินใจไปลงสมัครรับเลือกตั้งในวันสุดท้าย จากการที่ได้จับตาดูว่าจะมีใครมาลงสมัครเป็นคู่แข่งกับคนในบ้านใหญ่บ้าง เพื่อนำมาประเมินสถานการณ์ความพร้อมในด้านต่างๆ ซึ่งหากมีผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถมีพลังและพร้อมในการทำงานที่ดีก็พร้อมที่จะสนับสนุน แต่เมื่อรอจนถึงวันสุดท้ายแล้วยังไม่มีใครเข้ามาสมัครเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ประชาชน จึงได้เดินทางไปสมัครเพื่ออาสาเข้ามาพัฒนาชุมชนเมืองของเราให้ดียิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต
เมื่อถามว่าจากผลคะแนนในการเลือกตั้งครั้งก่อน ที่คู่แข่งตระกูลดังได้คะแนน 9,729 คะแนน ส่วนกัปตันโป้งได้คะแนน 8,911 คะแนน ซึ่งห่างกันเพียง 818 คะแนนนั้น มีผลต่อการตัดสินใจมาลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้หรือไม่ เสี่ยโป้งตอบว่า ไม่มีผลเพราะเป็นความจตั้งใจอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ในส่วนตัวได้เคยทำงานเพื่อชาว จ.ฉะเชิงเทราอยู่ก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการแก้ไขปัญหา การช่วยเหลือทางราชการ เช่น การระดมความคิดการวางแผนผังเมือง จ.ฉะเชิงเทรา
รวมถึงเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา รมช.สาธารณสุข ในช่วงที่มีสถานการณ์โรคโควิด 19 ระบาด ได้ร่วมวางแผนกับทาง สสจ.ฉะเชิงเทรา เพื่อระดมวัคซีน จนทำให้ชาว จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับการฉีดวัคซีนมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศ นอกจากนี้ยังได้ผลักดันงบประมาณเข้ามาสร้างอาคารใน รพ.พุทธโสธรหลังใหม่ ซึ่งเป็น รพ.ประจำจังหวัด และการจัดทำระบบ “cco care” เพื่อบริหารจัดการผู้ป่วยโควิด 19 ให้ได้รับการบริการและการรักษาที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
โดยทั้งหมดนี้ ได้ทำเพื่อเมืองฉะเชิงเทรามาโดยตลอด และยังมองต่อไปว่าสิ่งเหล่านี้ยังสามารถที่จะพัฒนาต่อไปได้อีก จากผลคะแนนการเลือกตั้งเมื่อครั้งที่แล้ว อาจเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะบอกว่าประชาชนอาจอยากเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ว่ายังไปได้ไม่สุด ครั้งนี้จึงได้อาสาเข้ามาเพื่อที่จะนำความรู้ความสามารถและพลังในการทำงานที่มีอยู่ พร้อมกับทีมงานที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาพัฒนาเมืองฉะเชิงเทราอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถูกถามว่าการลงสมัครในครั้งนี้เป็นนัดล้างตากับคนบ้านใหญ่ใช่หรือไม่ เสี่ยโป้งตอบว่า ในเรื่องของการบริหารบ้านเมืองในส่วนตัวนั้น ไม่ได้มองว่าเป็นการล้างตาหรือกลายเป็นเหมือนนักมวยที่เป็นคู่ชกกัน โดยเป็นการอาสามาทำงานด้วยความตั้งใจ และยังเชื่อว่าผู้สมัครทุกรายนั้น ต่างก็มาด้วยความตั้งใจด้วยเช่นเดียวกัน แต่สุดท้ายก็เป็นการแข่งขันกันในด้านของนโยบายและทัศนคติของผู้สมัคร ว่าจะตั้งใจเข้ามาทำอะไรเพื่อพลเมืองของเราบ้าง
มองเห็นปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ และเข้าใจถึงความต้องการของคนในพื้นที่หรือไม่ จึงเป็นการมาแข่งขันกันในเชิงของนโยบายไม่ใช่เป็นการมาล้างตาอะไรกัน เพราะไม่ได้ขึ้นชกกันแบบนักมวย
สำหรับนโยบายที่อยากจะทำให้แก่ชาวเมืองฉะเชิงเทราในอนาคต ในชุดนโยบายที่เราจะ “เปลี่ยนไปด้วยกันนั้น” ในการเปลี่ยนครั้งนี้จะเป็นนโยบายในมุมกว้างๆ เช่น ปัจจุบันโลกของการเรียนรู้ได้เปลี่ยนไปแล้ว การค้าก็เปลี่ยนไป ตลาดการค้าขายในโลกออนไลน์ได้เปิดกว้างมากให้แก่คนทุกชนชั้นและทุกคน จึงได้มีนโยบายที่จะเปลี่ยนศูนย์การเรียนรู้ที่มีความพร้อมอยู่แล้วให้เป็นโรงเรียนตลาดออนไลน์ เพื่อนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องของการค้าขายในโลกออนไลน์ ทั้งเรื่องข้อกฎหมายและวิธีการจัดการเรื่องเทคนิคทางการตลาด เรื่องเกี่ยวกับภาษีด้านต่างๆ มาเปิดการอบรมให้แก่ ปชช.ทุกคน
ไม่ว่าเป็นคนที่ขาดโอกาสทางการศึกษาในวัยเด็ก หรือผู้ที่ประสบปัญหาต่างๆ จนทำให้การศึกษาต้องหยุดชะงักไปในวัยเรียน จึงจะเปิดโอกาสให้คนเหล่านี้ ทั้งแม่ค้าที่ขายของอยู่แล้ว ไม่ว่าเป็นของขายในตลาดของที่ทำขึ้นเองในบ้านทุกชนิด เราจะให้ความรู้แก่เขาได้เปิดกว้างสร้างรายได้กลับมาให้แก่ทุกบ้านทุกครัวเรือน จึงถือเป็นการให้ความรู้ที่จะอยู่ติดตัวคนได้ตลอดไป และจะเป็นการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน โดยที่ค่าใช้จ่ายไม่ได้สูงเหมือนกับการไปเปิดเป็นร้านค้าทั่วไป
นโยบายลำดับต่อมา คือ เรื่องปัญหาขยะ ซึ่งยังเป็นปัญหาที่มีในทุกท้องถิ่น เช่น กองขยะของทางเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ที่มีขนาดใหญ่โตมหึมา จึงได้มีนโยบายที่จะผลักดันโครงการทำโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ทั้งทำด้วยงบประมาณของเทศบาลเองและร่วมมือกับภาคเอกชน หลังจากคัดแยกขยะแล้ว ขยะเปียกจะนำไปทำเป็นเชื้อเพลิง RDF ซึ่งมีองค์กรท้องถิ่นหลายแห่งได้มีการทำกันอยู่ก่อนแล้ว ส่วนเงินที่ขายไฟฟ้าได้จะนำกลับมาพัฒนาท้องถิ่นและชุมชนต่อไป
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ว่างเปล่าในเขต ทม.ฉะเชิงเทรา ที่ยังมีพื้นที่สามารถทำประโยชน์ได้อีกมาก ทั้งที่ในเขตเทศบาลมีพื้นที่อยู่เพียง 12.7 ตร.กม.เท่านั้น เช่น ทำลานกิจกรรมริมน้ำซึ่งจะเป็นแลนด์มาร์คของเมืองเราในอนาคต จึงมองไว้ว่า หากเราเปิดให้เอกชนสามารถมาใช้ประโยชน์ได้ ทั้งการจัดถนนคนเดิน จัดเป็นลานกิจกรรม จะเป็นการช่วยสร้างเศรษฐกิจให้ชาวเมืองแปดริ้วและพื้นที่ใกล้เคียงเติบโตมีรายได้เข้ามา ขณะที่งานประเพณี เช่น เทศกาลสงกรานต์ เราจะจัดอีเว้นท์ให้ใหญ่บนพื้นที่บริเวณสนามยิงปืนริมถนนศรีโสธรตัดใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ว่างที่เราสามารถเก็บนำมาใช้ประโยชน์ได้
ขณะเดียวกันหลังอาคารหลังใหม่ รพ.พุทธโสธร ที่จะเป็นศูนย์โรคหัวใจกำลังจะสร้างแล้วเสร็จ ในอนาคตจะมีปัญหาเกี่ยวกับสถานที่จอดรถของผู้มาใช้บริการหรือญาติมาเฝ้าผู้ป่วยจะเพิ่มมากขึ้น จึงมองว่าสนามเทนนิสเก่า ที่ใช้ประโยชน์น้อยและทางเทศบาลมีสนามเทนนิสแห่งใหม่แล้ว รวมทั้งสนามของทาง อบจ.ก็ยังมีอยู่ด้วย ทาง ทม. ก็จะขอใช้พื้นที่จากทางกรมการปกครองมาสร้างเป็นอาคารจอดรถ เพื่อรองรับปริมาณผู้ที่จะเข้ามาใช้บริหารในโรงพยาบาล จะเป็นการใช้ประโยชน์ได้มากกว่า
ขณะที่นโยบายในการแก้ไขปัญหาต่างๆในชุมชน เช่น ปัญหาน้ำท่วมที่สร้างความเดือดร้อนซ้ำซากให้แก่ประชาชนในช่วงฤดูฝน เรื่องของสุขภาพของผู้สูงวัยและเด็กในชุมชน ได้มีนโยบายที่จะจัดหน่วยแพทย์พยาบาลเคลื่อนที่กองสาธารณสุขเทศบาล เข้าไปตรวจเช็คร่างกายของกลุ่มคนเหล่านี้ตามชุมชนต่างๆ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและความแข็งแรงให้กับชุมชน และอีกสิ่งหนึ่งที่ถือว่าขาดไม่ได้ คือ เรื่องสวัสดิการของข้าราชการในสังกัด ทม.รวมถึงพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งถือเป็นผู้ร่วมสร้างความสุขส่วนหนึ่งให้แก่ ปชช.
เช่น ข้าราชการครูโรงเรียนในสังกัดทั้ง 2 แห่ง ศูนย์เด็กเล็กตลอดจนหน่วยงานทั้งหมด จะต้องดูแลเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่บุคลากร เมื่อดูจากระเบียบของกรมการปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว จะให้สวัสดิการเกี่ยวกับเรื่องของโบนัสแก่พนักงาน จนท.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดี โดยจะมีเกณฑ์ในการพิจารณาไปตามระเบียบ ถือเป็นสิ่งที่เราจะนำออกมาใช้เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้แก่พนักงานและข้าราชการในการปฏิบัติหน้าที่ ดูแลประชาชนซึ่งจะส่งผลเป็นกงล้อ หากพนักงานข้าราชการมีขวัญกำลังใจดีและตั้งใจทำงาน จึงเชื่อว่าจะส่งผลไปสู่ประชาชนในพื้นที่ด้วย
ในวันที่ 16 ก.พ.68 นี้เป็นวันเลือกตั้งซ่อมนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา แทนตำแหน่งที่ว่างลง จึงอยากขอโอกาสคนรุ่นใหม่ได้ทำงาน ประชาชนชาวเทศบาลเมืองฉะเชิงเทราจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้น จึงอยากฝากหมายเลข 3 เอาไว้ในอ้อมใจประชาชน ขอให้คนที่มีความพร้อมในการทำงานได้ทำหน้าที่ในการบริหารเมืองฉะเชิงเทราให้ได้ดีกว่านี้ เชื่อว่าทุกคนสามารถช่วยกันเปลี่ยนได้ กัปตันโป้ง กล่าวทิ้งท้าย
การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองฉะเชิงเทราครั้งนี้ มีเพียง “กัปตันโป้ง” เพียงรายเดียวที่ตอบรับพร้อมแจกแจงถึงนโยบายที่อยากทำให้เกิดขึ้นในอนาคต ผ่านทางสื่อสู่ประชาชนชาวแปดริ้วอย่างเป็นทางการ แม้ผู้สื่อข่าวจะได้มีการประสานงานไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครทุกรายแล้ว แต่ได้รับการปฏิเสธ จึงถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีแนวทางในการทำงานที่ชัดเจนมากที่สุด ในการสร้างอนาคตให้แก่ชาวเทศบาลเมืองฉะเชิงเทราในยุคต่อไป
สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา