Think In Truth

ญาณบารมีที่รู้เขารู้เราและอดทนให้ความ เมตตาเพื่อละซึ่งอัตตา โดย: ฟอนต์ สีดำ



พระคาถาชัยมงคลคาถา บทที่แปดมีว่า ทุคคาหะ ทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง, พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท, ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ฯ เป็นเรื่องยุทธวิธีในการเอาชนะมารที่มีทิฐิ หลงตนเองสูง ไม่ยอมรับเหตุผลของผู้อื่นโดยง่าย ด้วยญาณบารมี ที่หยั่งรู้ในตัวตนของผู้นั้น หยั่งรู้ความคิด ความเชื่อที่เป็นพื้นฐานของคนผู้นั้นอย่างแจ่มแจ้ง จึงอาศัยญาณที่เหนือกว่าในความอดทนที่จะอธิบาย ให้เหตุผลด้วยความเมตต จนกระทั่งผู้ที่หลงผิดอย่างผกาพรหม ยอมละทิ้งในความเป็นตัวตน และน้อมรับในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เรื่องราวของพระพุทธเจ้าและผกาพรหม ผกาพรหม เป็นเทพชั้นสูงในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีความเชื่อว่าตนเองเป็นผู้สูงส่งที่สุด มีอายุยืนยาว และเป็นอมตะ ผกาพรหมมีความหยิ่งทะนงในอำนาจของตนเป็นอย่างมาก  เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมแล้ว ได้เสด็จออกเผยแผ่พระธรรมคำสอน ผกาพรหมรู้สึกไม่พอใจที่มนุษย์หันมาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จึงพยายามขัดขวางและทดสอบพระพุทธเจ้าด้วยวิธีต่างๆ เช่น

  • การล่อลวง: ผกาพรหมพยายามล่อลวงพระพุทธเจ้าด้วยกามคุณและความสุขทางโลก
  • การข่มขู่: ผกาพรหมขู่เข็ญพระพุทธเจ้าด้วยอำนาจเวทย์มนต์
  • การโต้แย้ง: ผกาพรหมโต้แย้งพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

แต่พระพุทธเจ้าทรงสามารถเอาชนะผกาพรหมได้ด้วย ปัญญาและเมตตา พระองค์ทรงแสดงให้ผกาพรหมเห็นถึงความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่ง และความว่างเปล่าของอัตตา ทำให้ผกาพรหมยอมรับความจริงและเข้าใจพระธรรมคำสอนในที่สุด

เหตุการณ์สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงชัยชนะของพระพุทธเจ้าเหนือผกาพรหม คือ การที่พระพุทธเจ้าทรงแปลงกายให้เล็กลงไปจนเท่าธุลี แล้วเข้าไปอยู่ในมวยผมของผกาพรหม เมื่อผกาพรหมพยายามหาพระพุทธเจ้าไม่พบ ก็ต้องยอมรับความยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า

วิธีการเอาชนะผกาพรหมของพระพุทธเจ้า และการนำมาประยุกต์ใช้ในยุคปัจจุบัน  เรื่องราวของพระพุทธเจ้าที่ทรงเอาชนะผกาพรหมนั้น เป็นเรื่องราวที่เปรียบเสมือนการเอาชนะกิเลส ตัณหา และอุปสรรคภายในจิตใจของมนุษย์ทุกคน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ดังนี้ครับ

1. ปัญญา (ปัญญา):

  • ในเรื่องราว: พระพุทธเจ้าทรงใช้ปัญญาในการเข้าใจธรรมชาติของความเป็นจริง และเห็นถึงความไม่เที่ยงแท้ของทุกสิ่ง
  • ประยุกต์ใช้: ในยุคปัจจุบัน เราสามารถใช้ปัญญาในการวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆรอบตัว เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด และหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ขาดสติ

2. เมตตา (มัททุ):

  • ในเรื่องราว: พระพุทธเจ้าทรงแสดงเมตตาต่อผกาพรหม แม้ผกาพรหมจะพยายามขัดขวางก็ตาม
  • ประยุกต์ใช้: การมีเมตตาต่อผู้อื่น แม้จะเป็นคู่แข่งหรือคนที่คิดต่าง จะช่วยให้เราสามารถแก้ไขปัญหาและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้

3. สมาธิ (สมาธิ):

  • ในเรื่องราว: พระพุทธเจ้าทรงมีสมาธิที่มั่นคง ทำให้ไม่หวั่นไหวต่อการยั่วยุของผกาพรหม
  • ประยุกต์ใช้: การฝึกสมาธิจะช่วยให้จิตใจสงบ มีสมาธิในการทำงาน และสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น

4. ความไม่ยึดติด (วิราคะ):

  • ในเรื่องราว: พระพุทธเจ้าทรงไม่ยึดติดกับลาภยศ สรรเสริญ หรือตำหนิติเตียน
  • ประยุกต์ใช้: การไม่ยึดติดกับสิ่งภายนอก จะช่วยให้เรามีความสุขที่แท้จริง และสามารถเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างสงบ

การนำหลักธรรมเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

  • การทำงาน: ใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหา, มีเมตตาต่อเพื่อนร่วมงาน, ฝึกสมาธิเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และไม่ยึดติดกับผลตอบแทน
  • ความสัมพันธ์: ใช้ปัญญาในการเข้าใจผู้อื่น, มีเมตตาต่อคนรอบข้าง, ฝึกสมาธิเพื่อควบคุมอารมณ์ และไม่ยึดติดกับความคิดเห็นของผู้อื่น
  • การพัฒนาตนเอง: ใช้ปัญญาในการศึกษาหาความรู้, มีเมตตาต่อตนเองและผู้อื่น, ฝึกสมาธิเพื่อพัฒนาจิตใจ และไม่ยึดติดกับอัตตา

เรื่องราวของพระพุทธเจ้าที่ทรงเอาชนะผกาพรหม สอนให้เราเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาตนเองทั้งทางปัญญา จิตใจ และอารมณ์ การนำหลักธรรมเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน จะช่วยให้เราสามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ และดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขได้

เรื่องราวของพระพุทธเจ้าและผกาพรหม สอนให้เราเห็นถึง

  • ความสำคัญของปัญญา: ปัญญาเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด สามารถเอาชนะอุปสรรคและความทุกข์ได้
  • ความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่ง: สิ่งทั้งหลายในโลกเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่มีสิ่งใดที่ยั่งยืน
  • ความว่างเปล่าของอัตตา: ความยึดมั่นถือมั่นในตนเองเป็นเหตุให้เกิดทุกข์

เรื่องราวของพระพุทธเจ้าเอาชนะผกาพรหมมาประยุกต์ใช้ในการเอาชนะผู้มีทิฐิมานะ  เรื่องราวของพระพุทธเจ้าที่ทรงเอาชนะผกาพรหมเป็นเรื่องราวที่เปี่ยมไปด้วยหลักธรรมอันล้ำค่า ที่เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเผชิญหน้ากับผู้ที่มีทิฐิมานะได้ ดังนี้ครับ

1. เข้าใจธรรมชาติของทิฐิ:

  • เรียนรู้: ศึกษาธรรมชาติของทิฐิให้ลึกซึ้ง เข้าใจว่าทิฐินั้นเกิดจากความยึดมั่นถือมั่นในความคิดเห็นของตนเองเป็นหลัก
  • เห็นใจ: พยายามมองเห็นว่าผู้ที่มีทิฐิมานะนั้นกำลังทุกข์ทรมานจากความยึดติดของตนเอง

2. ใช้ปัญญาในการสื่อสาร:

  • เลือกคำพูด: ใช้คำพูดที่สุภาพและนุ่มนวล หลีกเลี่ยงการโต้เถียงโดยตรง
  • นำเสนอข้อมูล: นำเสนอข้อมูลหรือเหตุผลอย่างชัดเจนและเปิดกว้าง ให้โอกาสอีกฝ่ายได้พิจารณา
  • ฟังอย่างตั้งใจ: ฟังความคิดเห็นของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ เพื่อเข้าใจมุมมองของเขา

3. แสดงความเมตตา:

  • เห็นอกเห็นใจ: พยายามเห็นอกเห็นใจในความรู้สึกของอีกฝ่าย
  • ไม่ตัดสิน: หลีกเลี่ยงการตัดสินหรือดูถูกอีกฝ่าย
  • แสดงความปรารถนาดี: แสดงความปรารถนาดีให้เห็นว่าเราต้องการให้เขาเข้าใจ

4. ให้เป็นตัวอย่างที่ดี:

  • ปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม: แสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติตนที่เหมาะสม สงบ และมีสติ
  • ไม่ยึดติด: ไม่ยึดติดกับผลลัพธ์ของการสื่อสาร

5. ใช้ความอดทน:

  • ไม่ท้อแท้: การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของผู้อื่นต้องใช้เวลาและความอดทน
  • คงความสม่ำเสมอ: คงความสม่ำเสมอในการปฏิบัติตนที่ดี

เปรียบเทียบกับเรื่องราวของพระพุทธเจ้า:

  • พระพุทธเจ้าทรงใช้ปัญญา: ในการแสดงธรรมให้ผกาพรหมเห็นถึงความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่ง
  • พระพุทธเจ้าทรงแสดงเมตตา: แม้ผกาพรหมจะไม่ยอมรับในตอนแรก พระพุทธเจ้าก็ยังคงแสดงความเมตตา
  • พระพุทธเจ้าทรงเป็นตัวอย่างที่ดี: ด้วยการทรงดำเนินชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ

สิ่งที่ควรระวัง:

  • อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงผู้อื่น: เราสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเองได้ แต่ไม่สามารถบังคับให้ผู้อื่นเปลี่ยนแปลงได้
  • รักษาสภาพจิตใจของตนเอง: การเผชิญหน้ากับผู้ที่มีทิฐิมานะอาจทำให้เราเกิดความเครียดได้ จึงต้องดูแลสภาพจิตใจของตนเองให้ดี

การเอาชนะผู้ที่มีทิฐิมานะนั้น ไม่ใช่การเอาชนะกัน แต่เป็นการช่วยให้ผู้อื่นได้เห็นความจริงและหลุดพ้นจากความทุกข์ การนำหลักธรรมจากเรื่องราวของพระพุทธเจ้ามาประยุกต์ใช้ จะช่วยให้เราสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ท่านผู้อ่านคงสามารถนำกรณีศึกษาระหว่าง .เบียร์ คนตื่นธรรม กับ กองทัพธรรม โดยแยกพิจารณาทีละบุคคลเพื่อเปรียบถึงยุทธวิธี ก็จะพบความจริงที่ปรากฏถึงญานบารมีที่เหนือกว่า ที่มีความเมตตาเห็นความจริงในความไม่เที่ยงของอัตตา โดยไม่พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงผู้อื่น ก็จะพบว่าสามารถผ่านพ้นหมู่มารในเหล่าผู้มีทิฐิมานะได้