EDU Research & Innovation

ส่องฟ้าดูดาวเล่าวิถีชีวิตที่เมืองเก่าสงขลา กับ'ดาราศาสตร์อิสลามฉบับชาวบ้าน'



สงขลา-คำกล่าวที่คุ้นหูอย่าง “ให้ดวงดาวนำทาง” อาจฟังดูเป็นเพียงสำนวน แต่แท้จริงแล้ววิถีชีวิตของเราต่างเกี่ยวโยงคู่ท้องฟ้า โดยเฉพาะมิติด้านศาสนาที่นำไปสู่องค์ความรู้ที่เรียกว่า “ดาราศาสตร์พหุวัฒนธรรม” แววตาของผู้คนที่แหงนมองท้องฟ้าผ่านกล้องโทรทรรศน์ที่ตั้งเรียงรายกลางย่านเมืองเก่าสงขลา สะท้อนความใคร่รู้ปนตื่นเต้นที่ได้เห็นดวงดาวด้วยตาตนเองท่ามกลางฉากหลังของตลาดบ้านบนและมัสยิดอุสาสนอิสลาม พร้อมดวงจันทร์บอลลูนขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน ความงดงามที่ปรากฏเบื้องหน้าไม่เพียงสร้างความประทับใจแก่ชุมชนและนักท่องเที่ยวที่สัญจรผ่านมา แต่ยังจุดประกายความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับดาราศาสตร์อิสลาม หรือ “อัลฟาลัก” วิชาวิทยาศาสตร์มรดกของสังคมมุสลิมที่ศึกษาเกี่ยวกับตำแหน่งและการเคลื่อนที่ของวัตถุท้องฟ้า ซึ่งหลอมรวมวิถีชีวิต ความเชื่อ และศาสนาของชาวมุสลิมไว้อย่างลึกซึ้ง

กิจกรรม “ดาราศาสตร์อิสลามฉบับชาวบ้าน” จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในย่านเมืองเก่าสงขลา โดยหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติฯ สงขลา และกลุ่มเครือข่ายสถาปนิกสร้างสรรค์ทักษิณ ผ่านการสนับสนุนโดยบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ณ ตลาดบ้านบน มัสยิดอุสาสนอิสลาม อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการผสานศาสตร์และศิลป์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมือง พร้อมเปิดพื้นที่ให้ชุมชนได้ค้นหาความหมายของดาราศาสตร์ที่แฝงอยู่ในวิถีชีวิต

“ในทุกๆ วัน วิถีชีวิตของชาวมุสลิมไม่อาจแยกออกจากดาราศาสตร์ได้ เพราะอัลฟาลัก คือรากฐานของศาสนาอิสลามที่บรรพบุรุษใช้กำหนดการปฏิบัติศาสนกิจเพื่อสร้างระเบียบในวิถีชีวิตประจำวัน ทั้งการกำหนดเวลาละหมาด การกำหนดทิศกิบลัต ไปจนถึงการกำหนดวันสำคัญทางศาสนา” นายธีรยุทธ์ ลอยลิบ หัวหน้าหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา สงขลา กล่าวว่า “ทุกศาสนาล้วนเชื่อมโยงกับดาราศาสตร์ ซึ่งเราเรียกว่า ดาราศาสตร์พหุวัฒนธรรม โดยเฉพาะในศาสนาอิสลามที่ใช้ท้องฟ้าเป็นเครื่องนำทาง ด้วยบริบทของพื้นที่สงขลาซึ่งมีประชากรมุสลิมกว่าร้อยละ 80 หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติฯ สงขลา จึงมุ่งให้ความรู้แก่เยาวชน ครู ไปจนถึงผู้นำศาสนาที่มีความสามารถในการตัดสินใจ โดยหลายคนยังไม่ทราบว่าดาราศาสตร์มีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของพวกเรามากเพียงใด เราจึงอยากสร้างความตระหนักรู้ผ่านกิจกรรมดาราศาสตร์อิสลามฉบับชาวบ้านให้เข้าถึงง่ายและไม่ใช่เรื่องวิชาการเกินไป ก่อนหน้านี้เราให้ความรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งกิจกรรมล่าสุดถือเป็นการลงพื้นที่จริงครั้งแรก โดยเริ่มต้นจากสงขลาซึ่งเป็นหัวเมืองใหญ่ และมีแผนจะต่อยอดไปจังหวัดอื่นๆ เช่น ปัตตานี และยะลาในเดือนต่อไป”

นายธีรยุทธ์ กล่าวต่อว่า “หลายคนอาจไม่เคยตั้งคำถามว่าเฟสของดวงจันทร์เกิดขึ้นได้อย่างไร หรือทำไมเวลาละหมาดถูกกำหนดไว้เช่นนั้น แท้จริงท้องฟ้าคือปฏิทินที่แม่นยำที่สุดสำหรับการทำศาสนกิจ หากเข้าใจดาราศาสตร์อิสลาม จะเห็นเหตุและผลของพิธีกรรมทางศาสนา เช่น การหาทิศกิบลัตที่นครมักกะฮ์จากเงาดวงอาทิตย์ โดยไม่ต้องรอเสียงเรียกละหมาดเสมอไป ปลายทางหากทุกคนเข้าใจความรู้พื้นฐานก็จะใช้เหตุผลวิทยาศาสตร์อธิบายควบคู่กับมิติด้านศาสนาได้ และสร้างมาตรฐานสากลจากดาราศาสตร์และวัฒนธรรมในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม สะท้อนว่าดาราศาสตร์เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกำหนดความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ”

ตลอดกิจกรรม เยาวชนและชุมชนต่างฟังเรื่องราวดาราศาสตร์อย่างเพลิดเพลินด้วยเนื้อหาที่ถ่ายทอดใน “ฉบับชาวบ้าน” ที่เข้าใจง่ายและใกล้ตัว บรรยากาศกิจกรรมยิ่งครึกครื้นขึ้นเมื่อนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านเดินทางมาร่วมงาน โดยเฉพาะประเทศมาเลเซีย ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามเป็นหลัก โดยไม่เพียงแต่เปิดมุมมองใหม่ให้การเรียนรู้ดาราศาสตร์อิสลามควบคู่กับดาราศาสตร์สมัยใหม่ผ่านกล้องโทรทรรศน์เท่านั้น แต่ยังเติมเต็มความสนุกด้วยกิจกรรมโซนงานฝีมือ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างพวงกุญแจ และระบายสีปูน พลาสเตอร์จักรราศี ที่สร้างประสบการณ์น่าจดจำพร้อมความรู้ให้ผู้ร่วมงานกว่า 300 คน ไปพร้อมกัน

ดร.จเร สุวรรณชาต ประธานกลุ่มเครือข่ายสถาปนิกสร้างสรรค์ทักษิณ กล่าวถึงบทบาทของดาราศาสตร์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ว่า “สงขลาเป็นเมืองที่มีรากลึกของพหุวัฒนธรรม และเชื่อมโยงกับดวงดาวมาตั้งแต่สมัยก่อน โดยดาราศาสตร์อิสลามถือเป็นส่วนหนึ่งที่แฝงอยู่ในวิถีชีวิตของคนพื้นที่ หากสังเกตเราจะเห็นว่าสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลามมีดวงดาวเป็นองค์ประกอบ เราจึงเห็นโอกาสที่จะนำองค์ความรู้ดาราศาสตร์สื่อสารผ่านกิจกรรมนี้ร่วมกับทางหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติฯ สงขลา และเชฟรอนในย่านเมืองเก่าสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่ของโครงการ ‘ศูนย์การเรียนรู้ย่านเมืองเก่า คิด บวก ดี’ ที่เราพัฒนาผ่านการทำงานร่วมกับเชฟรอนกว่า 8 ปี โดยตลาดบ้านบนเดิมทีเป็นชุมชนมุสลิมและเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวอยู่แล้ว การเติมดวงดาวเข้าไปในเรื่องราวของย่านทำให้พื้นที่แห่งนี้มีเสน่ห์มากขึ้นในเชิงวัฒนธรรม และเสริมการท่องเที่ยวไปในตัว”

ดร.จเร กล่าวเสริมว่า “เรามุ่งขับเคลื่อนสงขลาให้เป็นเมืองสร้างสรรค์และยกระดับสู่การเป็นเมืองมรดกโลก ดังนั้นเราต้องมองย้อนกลับไปสำรวจความคิดของคนรุ่นก่อนว่าแสวงหาอะไร และมองเรื่องดวงดาวกับเมืองอย่างไร การหลอมรวมศาสตร์และศิลป์ให้เข้ากับวิถีชีวิตของชุมชนจึงเป็นอีกก้าวสำคัญในการอนุรักษ์วิถีดั้งเดิมสู่คนรุ่นต่อไป และให้คนรุ่นใหม่เข้าใจว่า ดวงดาวไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ทางศาสนา แต่ยังเป็นมรดกทางปัญญาที่สร้างความหมายในวัฒนธรรมของชาวมุสลิมในทุกสมัย”

จังหวัดสงขลาเปรียบเสมือน “บ้านหลังที่สอง” ของเชฟรอน ที่ดำเนินธุรกิจและสร้างความผูกพันกับชุมชนมายาวนานกว่า 40 ปี โดยเชฟรอนมุ่งมั่นส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของผู้คนในพื้นที่ นางสาวพรสุรีย์ กอนันทา รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกิจการองค์กร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่เชฟรอนให้ความสำคัญไม่แพ้กับการสร้างความมั่นคงทางพลังงานคือสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนของสังคม โดยสงขลาถือเป็นพื้นที่สำคัญที่เราสนับสนุนมรดกทางวัฒนธรรมและการศึกษาผ่านหลากหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการอนุรักษ์ย่านเมืองเก่าสงขลา หรือการส่งเสริมองค์ความรู้ด้านดาราศาสตร์ ผ่านการสนับสนุนหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา สงขลา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้ดาราศาสตร์มุสลิมแห่งแรกของไทย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของภาคใต้ สำหรับกิจกรรมดาราศาสตร์ในครั้งนี้ เชฟรอนได้เชื่อมโยงสองพันธมิตรหลัก เพื่อสนับสนุนการสร้างสรรค์กิจกรรมที่ผสานมรดกทางวัฒนธรรมกับองค์ความรู้ด้านดาราศาสตร์ ทั้งในมิติของศาสตร์ดั้งเดิมที่เกี่ยวโยงกับศาสนาและศาสตร์สมัยใหม่เข้าด้วยกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในชุมชน พร้อมเสริมสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้บ้านหลังที่สองของเชฟรอนเติบโตไปพร้อมกัน”

ทุกครั้งที่เงยหน้ามองท้องฟ้า สิ่งที่เห็นจะไม่ได้มีเพียงหมู่ดาวที่ส่องแสงลงมา แต่เรายังสัมผัสได้ถึงเรื่องราวเบื้องหลังของศาสนาและวัฒนธรรมที่หมุนรอบตัวเราไม่ต่างกับดวงดาวที่โคจรรอบจักรวาล โดยองค์ความรู้ด้านดาราศาสตร์ไม่เพียงช่วยให้เราเข้าใจปรากฏการณ์บนท้องฟ้า แต่ยังสะท้อนความเชื่อ ศาสนา และวิถีชีวิตที่สืบทอดกันมา ให้เราตระหนักได้ว่าวิถีดวงดาราได้บอกเล่าวิถีชีวิตโดยแท้จริง