Biz news
'กอช.-สกพอ.'ลงนามเอ็มโอยูสร้างทักษะ การเงิน-ส่งเสริมการออมชราภาพในอีอีซี
กรุงเทพฯ-พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมความรู้ทางการเงิน ระหว่าง สกพอ. และ กอช. โดยมีนายธีรลักษ์ แสงสนิท รองปลัดกระทรวงการคลัง ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ กอช. เป็นประธานในพิธี เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ที่กระทรวงการคลัง
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงการคลัง มีการจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) การส่งเสริมความรู้ทางการเงิน ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) โดยมีนายธีรลักษ์ แสงสนิท รองปลัดกระทรวงการคลัง ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี พร้อมกล่าวว่า ขณะนี้ประเทศต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคม ทั้งภาวะหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น การเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ คนไทยยังขาดเงินออมเพื่อรองรับชีวิตในยามเกษียณ ซึ่งการมีแผนทางการเงินที่ดี จึงเปรียบเสมือนการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เชื่อว่า การร่วมมือกันในครั้งนี้ จะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับคนไทย ได้เข้าถึงโอกาสการออมเงิน เพื่อให้ได้มีเงินบำนาญใช้ในยามชราภาพได้อย่างเท่าเทียม
ด้านนางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ กล่าวว่า การส่งเสริมการออมในครั้งนี้ เป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับความรู้ทางการเงินและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับบุคลากรและครอบครัว ใน 3 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง และจังหวัดฉะเชิงเทรา ผ่านกิจกรรม และโครงการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ เพื่อสร้างทักษะทางการเงิน ได้เกิดการพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน เพราะการมีสุขภาพทางการเงินที่ดี จะนำไปสู่การเกษียณอายุอย่างมีคุณภาพ
“ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ มีประชากรสูงวัยเกิน 20% จากสัดส่วประชากรทั้งหมด และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่วนใหญ่ก็ยังขาดทักษะการวางแผนทางการเงินให้กับตัวเองที่สำคัญผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อย ที่พึ่งพารายได้หลักจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และประชาชนอีกจำนวนมาก ไม่มีเงินออมไว้ใช้ในยามชราภาพ สาเหตุส่วนหนึ่ง เพราะยังขาดระบบที่เอื้อต่อการออมเงิน โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบ หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ กว่า 21 ล้านคน ที่ยังขาดสิทธิสวัสดิการใดๆ รองรับ ซึ่งการส่งเสริมและสนับสนุนการออมเพื่อการชราภาพ จึงเป็นเป้าหมายที่สำคัญของ กอช. ในการสร้างสังคมที่ยั่งยืน”นางสาวจารุลักษณ์ กล่าว
ด้านนายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กล่าวว่า การลงนาม MOU ในวันนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ อีอีซี จะเชื่อมประสานกับ กอช. เพื่อร่วมกันส่งเสริมความรู้ และสนับสนุนการวางแผนทางการเงินเพื่อการออมให้สามารถเตรียมความพร้อมรับกับวัยเกษียณ ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย อาทิ ผู้ประกอบการ ผู้อยู่อาศัย ประชาชนในพื้นที่อีอีซี รวมทั้งให้ได้รับข้อมูลข่าวสาร และมีโอกาสเลือกรับสิทธิสวัสดิการด้านการเงินบำนาญ เมื่ออายุครบ 60 ปี จากทางกอช. ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการวางแผนด้านการเงินและการออมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การสร้างมั่นคงด้านการเงิน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อีอีซีได้อย่างต่อเนื่อง
“การพัฒนาศักยภาพชุมชนในพื้นที่ อีอีซี นั้น จำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมให้ประชาชนในพื้นที่พร้อมรับต่อการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ประชาชนในพื้นที่ ได้เข้าถึงความรู้ในด้านการเงินและการออม สอดคล้องกับภารกิจอีอีซีในการเชื่อมประโยชน์จากการลงทุน สู่การยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน และสังคมให้เติบโตแบบยั่งยืน” นายจุฬา กล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจสมัครเป็นสมาชิก กอช. ต้องเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป ที่มีอายุตั้งแต่ 15 – 60 ปี สามารถสมัครเป็นสมาชิก กอช. โดยเริ่มต้นส่งเงินออมขั้นต่ำเพียง 50 บาท สูงสุด 30,000 บาท และไม่จำเป็นต้องส่งเงินออมเป็นประจำหรือเท่ากันทุกเดือน และสามารถนำเงินออม ไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาทต่อปี นอกจากนี้ รัฐยังคุ้มครองผลตอบแทนการลงทุนเมื่ออายุครบ 60ปี และยังคงได้รับสิทธิสวัสดิการอื่นๆ ของรัฐตามปกติ อาทิ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ สิทธิบัตรทอง 30 บาท เป็นต้น โดยทุกครั้งที่คุณออมจะมีรัฐช่วยสมทบเงินออมให้สูงสุด 100 % แต่ไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี ตามช่วงอายุ ดังนี้
• อายุ 15-30 ปี รัฐสมทบให้ร้อยละ 50 ของเงินออมในเดือนถัดไป แต่ไม่เกิน 1,800บาทต่อปี
• อายุ 31-50 ปี รัฐสมทบให้ร้อยละ 80 ของเงินออมในเดือนถัดไป แต่ไม่เกิน 1,800บาทต่อปี
• อายุ 51-60 ปี รัฐสมทบให้ร้อยละ 100 ของเงินออมในเดือนถัดไป แต่ไม่เกิน 1,800บาทต่อปี
ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบสิทธิและสมัครได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์ พร้อมกันนี้ กอช. ขอแนะนำให้สมาชิกส่งเงินออม เพียง 5 ปี ปีละ 30,000 บาท ก็มีสิทธิรับบำนาญตลอดชีพได้ ซึ่งสามารถสมัครและส่งเงินออม ผ่านแอปพลิเคชัน กอช. , เป๋าตัง, ทางรัฐ, MyMo, กรุงไทยเน็กซ์, ทรูมันนี่, เคพลัส,เป๋าตัง, ออมเพลิน หรือทางไลน์แอด กอช. @nsf.th และสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนเงินออม 02 049 9000