In News

รัฐฯหนุนเกษตรกรใช้ไม้ยืนต้นค้ำเงินกู้ได้ ล่าสุดสถาบันการเงินปล่อยกู้แล้ว185ล.



กรุงเทพฯ-ไม้ยืนต้นก็ค้ำเงินกู้ได้ รัฐบาลย้ำต้องอำนวยความสะดวกกับเกษตรกรให้มากที่สุดสั่งบูรณาการความร่วมมือเดินหน้าช่วยเกษตรกร-SME ให้ใช้ไม้ยืนต้นค้ำประกันนำเงินทุนไปต่อยอดธุรกิจ ได้เร็วขึ้นเผยปีที่ผ่านมา สถาบันการเงินรับไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันแล้วจำนวน 167,302 ต้น วงเงินกว่า 185 ล้านบาท

วันนี้ (5 กุมภาพันธ์ 2568 ) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตกลงความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบ Host to Host ซึ่งจะช่วยรับส่งข้อมูลการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กับ ธ.ก.ส. ได้สะดวก รวดเร็ว และแม่นยำขึ้น และช่วยให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ SME นำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ได้เงินทุนไปต่อยอดธุรกิจได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ จะร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนด้านวิชาการ ในการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ และบุคคลทั่วไป มีความรู้เกี่ยวกับการปลูกต้นไม้ ปลูกป่า และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน รวมถึงการนำไม้ยืนต้นมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนต่อไป

 สำหรับทรัพย์สินที่สามารถนำมาเป็นหลักประกัน ตามกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ ได้แก่ 1.กิจการ เช่น ร้านอาหารเคลื่อนที่ (ฟู้ดทรัค) 2.สิทธิเรียกร้อง เช่น สิทธิในเงินฝาก 3.สังหาริมทรัพย์ที่ผู้ให้หลักประกันใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น เครื่องจักร 4.อสังหาริมทรัพย์ในกรณีที่ผู้ให้หลักประกันประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรง เช่น คอนโดมิเนียม 5.ทรัพย์สินทางปัญญา เช่น เครื่องหมายการค้า สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ และ 6.ทรัพย์สินอื่น ได้แก่ ไม้ยืนต้น ปัจจุบัน ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค.2567 สถาบันการเงินมีการจดทะเบียนรับไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันแล้วจำนวน 167,302 ต้น วงเงินหลักประกันกว่า 185 ล้านบาท และเฉพาะ ธ.ก.ส. ซึ่งเป็นธนาคารแห่งแรกที่รับไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ได้รับไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันแล้ว จำนวน 1,520 ต้น วงเงินหลักประกันมากกว่า 10 ล้านบาท

“การใช้ไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เกษตรกรและผู้ประกอบการ SME สามารถนำไม้ยืนต้นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมาเป็นหลักประกันการขอสินเชื่อได้โดยไม่ต้องตัดต้นไม้ และยังสามารถสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นในอนาคต จากการเติบโตของต้นไม้ รวมทั้งเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนเครดิต สอดรับกับการพัฒนาธุรกิจของไทยสู่อนาคตที่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับการสร้างเศรษฐกิจสีเขียว” นายอนุกูล ย้ำ