Biz news

เอบีมคอนซัลติ้งชี้ฝ่าวิกฤตห่วงโซ่อุปทาน เสริมความแกร่งรับความเสี่ยงระดับโลก



กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – เอบีม คอนซัลติ้งเผยผลสำรวจในหัวข้อ “"Survey on Procurement and Supply Chain Risk Management in Japanese Assembly Manufacturing Industries Five Barriers Identified from a Survey of 108 Companies and Pathways to Breaking Through Them,"ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความท้าทายและโอกาสในการจัดการความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศญี่ปุ่นรายงานฉบับนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของการบริหารจัดการความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานท่ามกลางความซับซ้อนของความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเช่นภัยธรรมชาติและความผันผวนทางเศรษฐกิจ เป็นต้น

แม้ว่าความจำเป็นในการปรับตัวจะเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ผู้ผลิตในญี่ปุ่นจำนวนมากยังคงเผชิญกับอุปสรรคในการยกระดับศักยภาพด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทาน หรือ Supply Chain Management (SCM)จากการสำรวจบริษัท 82 แห่งในญี่ปุ่นและการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ผลิต 26 รายจากญี่ปุ่นยุโรปและสหรัฐอเมริกา
เอบีม คอนซัลติ้งพบว่าบริษัทญี่ปุ่นมีอัตราการฟื้นตัวของสินค้าคงคลังหลังวิกฤตที่ช้ากว่าประเทศอื่นๆอย่างชัดเจนซึ่งสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในกลยุทธ์การจัดการห่วงโซ่อุปทานของประเทศ

จากผลสำรวจของเอบีม คอนซัลติ้ง ระบุว่า 20% ของบริษัทที่เข้าร่วมการสำรวจสูญเสียกำไรไปมากกว่า 20% เนื่องจากปัญหาการหยุดชะงักในการจัดซื้อ และ 40% ของบริษัทไม่สามารถประเมินผลกระทบของการหยุดชะงักต่อการดำเนินงานได้อย่างครบถ้วนบริษัทที่มีความก้าวหน้าในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน(SCM)สามารถฟื้นตัวจากความล่าช้าในระบบห่วงโซ่อุปทานได้รวดเร็วกว่าเมื่อเที่ยบกับบริษัทที่ยังอยู่ในขั้นระยะเริ่มต้นของการพัฒนาความสามารถด้านนี้

เอบีม คอนซัลติ้ง ได้ระบุถึงอุปสรรค 5 ประการที่ส่งผลต่อการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่:

  1. บทบาทและความรับผิดชอบที่ไม่ชัดเจนในด้านการจัดซื้อและการบริหารสินค้าคงคลัง
  2. การพึ่งพาการดำเนินงานที่ขาดมาตรฐาน
  3. การขาดการพัฒนาทักษะและศักยภาพบุคลากรในด้าน SCM
  4. ระบบและข้อมูลห่วงโซ่อุปทานที่ไม่เชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ
  5. การลงทุนในระบบและโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ต่อเนื่องในช่วงเวลาที่สถานการณ์ปกติ

สำหรับผู้นำองค์กรผลการสำรวจชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการมีบทบาทเชิงรุกโดยผู้นำองค์กรต้องมีส่วนร่วมในการกำหนดบทบาทและแนวทางเพื่อสร้างระบบ SCM ที่มีความยืดหยุ่นและสามารถรับมือกับความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่น การกำหนดบทบาทในองค์กรให้ชัดเจนการส่งเสริมกระบวนการที่มีมาตรฐานและการให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลรวมทั้งการลงทุนในระบบข้อมูลแบบรวมศูนย์เพื่อเพิ่มความสามารถในการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำในช่วงวิกฤต ซึ่งจะช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับห่วงโซ่อุปทานได้ในประเทศไทยความยืดหยุ่นและการทำงานร่วมกันเป็นจุดแข็งสำคัญมาตรการเหล่านี้สอดคล้องกับความสำคัญของการสร้างระบบที่เชื่อมโยงกันซึ่งจะช่วยเสริมสร้างประโยชน์ให้กับระบบนิเวศขององค์กรโดยรวมอุตสาหกรรมการผลิตของไทยจึงควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบดิจิทัลที่สามารถเชื่อมโยงกระบวนการทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

 

สำหรับประเทศไทยที่อุตสาหกรรมการผลิตกำลังเผชิญความท้าทายจากความไม่แน่นอนระดับโลกและการหยุดชะงักในห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศการมีกลยุทธ์SCM ที่คล่องตัวและปรับเปลี่ยนได้จึงเป็นเรื่องสำคัญบริษัทในประเทศไทยเป็นที่รู้จักในด้านความยืดหยุ่นและการทำงานร่วมกันหากสามารถนำคำแนะนำเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะการพัฒนาระบบดิจิทัลที่เชื่อมโยงกันจะช่วยลดความเสี่ยงเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

 

งานวิจัยนี้ยังชี้ให้เห็นว่าผู้นำองค์กรจำเป็นต้องมองSCM ให้เป็นทรัพย์สินเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในแนวหน้า ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือเบื้องหลังผ่านการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างแผนกการเตรียมความพร้อมในช่วงที่สถานการณ์ปกติ และการนำดิจิทัลโซลูชันเข้ามาปรับใช้ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและสร้างโอกาสในการแข่งขันในตลาดโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวน

การนำมาตรการเหล่านี้ไปปรับใช้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่ตอบสนองต่อความเสี่ยงลดผลกระทบต่อการดำเนินงานและการเงินเพิ่มความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าเอบีม คอนซัลติ้งเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความสามารถในการฟื้นตัวให้กับอุตสาหกรรมการผลิตทั้งในญี่ปุ่นและไทยเพื่อผลักดันการเติบโตที่ยั่งยืนในตลาดที่มีความผันผวน

เอบีม คอนซัลติ้งเราใช้ความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์ในฐานะผู้นำด้าน SAP โซลูชันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อช่วยสนับสนุนองค์กรในการเปลี่ยนแปลงระบบห่วงโซ่อุปทานด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลล้ำสมัยเรามุ่งเน้นการออกแบบโซลูชันที่เหมาะสมเฉพาะสำหรับความต้องการของแต่ละธุรกิจเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวและดำเนินงานได้อย่างมั่นคงในสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

 

เอบีม คอนซัลติ้ง ร่วมมือกับองค์กรต่างๆเพื่อเชื่อมโยงกระบวนการธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มีประสิทธิภาพผ่านบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่การประเมินออกแบบดำเนินการไปจนถึงการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างระบบห่วงโซ่อุปทานอัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพลดต้นทุนและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดที่มีการแข่งขันสูง