In Environment
ทีอีไอร่วมกับภาคีฯในเชียงรายคิกออฟ กับ3เมืองคู่ขนานไทย-ลาวทำแนวกันไฟ

เชียงราย-สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย(ทีอีไอ) พร้อมด้วยภาคีความร่วมมือภาคส่วนต่าง ๆ จัดกิจกรรม Kick Off ขับเคลื่อนความร่วมมือทำแนวกันไฟลดเผา 3 เมืองคู่ขนาน สร้างสัมพันธ์ไทย-ลาว ณ หลักหมุดหมายแก่งผาได อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ร่วมกันจัดทำแนวกันไฟแนวชายแดนไทย-ลาว ป้องกันการลุกลาม รวมทั้งรณรงค์ลดการเผาในแปลงเกษตรและป่าใน หมู่บ้านแนวเขตชายแดนของอำเภอเวียงแก่น หนึ่งในกิจกรรมสำคัญการขับเคลื่อนพัฒนาความร่วมมือ ไทย-ลาว-เมียนมา การจัดการและลดมลพิษหมอกควันข้ามแดน
นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวว่า จังหวัดเชียงราย เป็นหนึ่งในพื้นที่วิกฤตไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ เนื่องจากมีการเผาป่าและเผาเตรียมพื้นที่ทำการเกษตรช่วงหน้าแล้ง ด้วยพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งลาวและเมียนมา จึงทำให้ระดับมลพิษหมอกควันข้ามแดนที่รุนแรงได้มากขึ้นและยากต่อการควบคุม ที่ผ่านมาจังหวัดเชียงรายและแขวงบ่อแก้ว มีความร่วมมืออันดีและตระหนักต่อปัญหาไฟป่าและหมอกควัน และกิจกรรม Kick Off ขับเคลื่อนความร่วมมือทำแนวกันไฟลดเผา ครั้งนี้ จะยิ่งตอกย้ำและระดับความร่วมมือที่จริงจังของทั้ง 2 ฝ่าย เมืองคู่ขนานระหว่างกัน ซึ่งความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันนี้ จะส่งเสริมให้เกิดการปฏิบัติที่ดีร่วมกันการจัดการลดเผาและลดผลกระทบร่วมกันได้มากขึ้นในอนาคต และยังเป็นการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานเกี่ยวข้องให้เกิดการปฏิบัติให้เป็นวิถีข้ามแดนให้ต่อเนื่องต่อไป
ท่านทองจัน มะนีไซ เจ้าแขวงบ่อแก้ว กล่าวถึง แขวงบ่อแก้วและจังหวัดเชียงราย ซึ่งทั้งสองฝ่ายฯ เรามีความร่วมมืออันดีและเห็นชอบในการร่วมกันแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและหมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและสังคมโดยรวม ผ่านกลไกพัวพันธ์ความร่วมมือทางการตามชายแดนไทย-ลาว และมีความร่วมมือร่วมกันอย่างใกล้ชิตลอดมา การเยี่ยมเยือนกัน และช่วยเหลือระบบติดตามสถานการณ์หมอกควันของไทยที่ผ่านมา ประจักษ์ซึ่งความพยายามและตั้งเป้าหมายร่วมเพื่อลมหายใจที่ปลอดฝุ่น โดย สปป.ลาว และไทย เราต่างก็พร้อมให้ความร่วมมือในการสกัดกั้นไฟไหม้ตามแผนงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลรูปธรรมร่วมกัน ซึ่งต้องอาศัยการอำนวยความสะดวกและเชื่อมั่นถึงการมีบรรยากาศที่ดีในการทำงานร่วมกันยิ่งขึ้นต่อไป
ท่านพงสะหวัน สิดทะวง เจ้าแขวงไซยะบูลี กล่าวถึง แขวงไชยะบุรีอยู่ทางตะวันตกสุดของ สปป.ลาว มีพื้นที่ติดต่อกับ 5 จังหวัดของประเทศไทย จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเลย ติดกับ 3 แขวงของ สปป.ลาว เราต่างมีความสัมพันธ์อันดีในด้านการไปมาระหว่างเมืองเขตแดนในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องเป็นระยะ ปัญหาอากาศเป็นมลพิษจากการเผา และฝุ่นควันลอยข้ามแดน ยังต้องอาศัยความเข้าใจทีดีระหว่างกัน เพื่อร่วมกันรณรงค์สร้างความตระหนักให้กับพี่น้องประชาชนให้ร่วมลดการเผา เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นในอนาคต
นายสุพจน์ ลังกาวีระนันท์ นายอำเภอเวียงแก่น กล่าวว่าอำเภอเวียงแก่น ในฐานะอำเภอและเมืองคู่ขนาน พร้อมด้วยประชาชนในพื้นที่ ได้ดำเนินงานตามแนวนโยบายการหารือการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดน ไทย-ลาว ระหว่างจังหวัดเชียงรายกับแขวงบ่อแก้ว ดำเนินด้านความสัมพันธ์ระหว่างกัน ผ่านกิจกรรมด้านความมั่นคงและด้านสิ่งแวดล้อม การป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและประชาชน ด้วยความร่วมมืออันดีและชัดเจน โดยมีผู้นำจากเมืองห้วยทรายและปากทา เข้าร่วมกิจกรรมของอำเภอเวียงแก่นมาเป็นระยะ อาทิ ร่วมปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว แนวกำแพงสีเขียวให้ระบบนิเวศป่า ร่วมทำแนวกันไฟตามแนวเขตชายแดนในหน้าแล้งสกัดกั้นไฟตามแนวชายแดน และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ดูงานเกษตรลดเผาและเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ณ ประเทศไทย เพื่อนำไปปรับปฏิบัติในพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืนต่อไป
ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวเสริมท้ายว่า สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ในฐานะองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม ได้เข้ามามีบาทและสนับสนุนความร่วมมือดำเนินงานการขับเคลื่อนการจัดการและลดมลพิษหมอกควันข้ามแดน ร่วมกับจังหวัดเชียงรายและประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งลาวและเมียนมา การทำงานในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนความร่วมมือในการขยับกลไกการทำงานทั้งในระดับนโยบายและระดับพื้นที่ ซึ่งเป็นบรรยากาศอันดีในเสริมสร้างศักยภาพการจัดการและลดหมอกควันข้ามแดนชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ถ่ายทอดองค์ความรู้ การดูงานของผู้นำจาก สปป.ลาว ที่แม่แจ่มโมเดล จ.เชียงใหม่ จนผลักดันให้เกิดเป็นแนวทางและปฏิบัติที่ดีเพื่อลดเผาในภาคเกษตรเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดนร่วมกัน