Authority & Harm
หนุ่มใหญ่กาฬสินธุ์สุดช้ำค้ำประกันหลาน ออกรถสุดท้ายรับหมายศาลให้ชดใช้

กรุงเทพฯ-หนุ่มใหญ่ชาวตำบลลำคลอง อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ สุดช้ำ! หลังได้รับหมายศาล แจ้งชดใช้ความเสียหายให้กับเต้นท์รถมูลค่าหลายแสนบาท หลังลงชื่อค้ำประกันให้หลานสาวเช่าซื้อรถมือสองตั้งแต่ปี 2560 ไม่คาดฝันมาก่อนว่าจะมาตกเป็นจำเลย เพราะหลานสาวเบี้ยวไม่ส่งงวดรถล่องหนทั้งรถทั้งคน โร่ร้องยุติธรรมช่วยเหลือ ติดตามตัวหลานสาวแสบมารับผิดชอบ หวั่นที่ดินถูกบังคับคดียึด ขายทอดตลาด
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ว่าการอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ นายเลิง บุญมา อายุ 54 ปี ชาวบ้านโนนตูม หมู่ 4 ต.ลำคลอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เดินทางพบนายทะเบียนอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อขอคำปรึกษาแนวทางการติดตามตัวนางสาวเอ (นามสมมุติ) หลานสาว ซึ่งเป็นญาติลูกพี่ลูกน้อง ที่ไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้ตนได้รับหมายศาลฐานไม่ชำระค่างวดรถ ก่อนที่จะเข้าปรึกษาด้านคดีความกับเจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์
นายเลิงกล่าวว่า ทุกวันนี้ตนและลูกเมียเป็นทุกข์ใจอย่างมาก หลังจากได้รับหมายศาลจังหวัดภูเขียว ระบุให้ตกเป็นจำเลยคนที่ 2 และให้ชดใช้ตามสัญญาเช่าซื้อรถเก๋ง วงเงินหลายแสนบาท เนื่องจากเคยลงชื่อค้ำประกันเช่าซื้อรถให้กับนางสาวเอ (นามสมมุติ) หลานสาว จำเลยคนที่ 1 แต่นางสาวเอกลับไม่ชำระค่างวดรถ จากการตรวจดูเอกสารพบว่าชำระไปแต่ 4 งวด จากทั้งหมด 36 งวด และสุดท้ายหายไปทั้งคนทั้งรถ ซึ่งเมื่อ 4-5 วันก่อน มีคนแปลกหน้า 2 คนมาถ่ายภาพที่ดินซึ่งเป็นที่นาของตน จากการสอบถามทราบว่าเป็นพนักงานของเต้นท์รถแห่งหนึ่ง พร้อมกับบอกว่าให้รอรับหนังสือจากกองบังคับคดี ทำให้ตนไม่สบายใจ ได้แต่ปรับทุกข์กับญาติว่า ที่ดินอาจจะถูกยึดตามคำสั่งศาล หากไม่มีเงินไปชดใช้ให้กับเต้นท์รถซึ่งเป็นโจทก์ฟ้องตน ในฐานะจำเลยที่ 2
นายเลิงกล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่ตนได้รับหมายศาลจังหวัดภูเขียวนั้น เนื่องจากเมื่อปี 2560 ได้ลงชื่อค้ำประกันเช่าซื้อรถเก๋งมือสองให้กับนางสาวเอ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน โดยทำสัญญากับเต้นท์รถแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ทีแรกตนไม่อยากจะเซ็นต์ชื่อเป็นผู้ค้ำให้เลย แต่ก็มีญาติผู้ใหญ่รบเร้าและเห็นใจหลานสาว ที่อยากมีรถขับไปทำงาน ซึ่งทำงานอยู่ที่เต้นท์รถแห่งหนึ่ง และที่บ้านก็ประกอบอาชีพค้าขาย มีรายได้ประจำ คิดว่าคงไม่ติดขัดในการผ่อนชำระค่างวดรถ โดยราคาเช่าซื้อ 208,800 บาท ชำระเดือนละ 5,800 บาท ทั้งหมดจำนวน 36 งวด
“ต่อมาในปี 2561 ตนก็ได้รับหมายศาลจังหวัดภูเขียว ระบุตนตกเป็นจำเลยคนที่ 2 และนางสาวเอเป็นจำเลยคนที่ 1 เนื่องจากผิดสัญญาเช่าซื้อรถ ตามเอกสารระบุนางสาวเอได้ชำระเพียง 4 เดือนเท่านั้น ทำให้ตนรู้สึกตกใจมาก เพราะจู่ๆก็ได้รับหมายศาลและตกเป็นจำเลยดังกล่าว พยายามติดต่อนางสาวเอ เพื่อสอบถามเรื่องราวความเป็นไปก็ไม่สามารถติดต่อได้ ทราบจากญาติว่าเปลี่ยนที่ทำงานและเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์บ่อย และเมื่อปี 2566 พ่อนางสาวเอเสียชีวิต ตนจึงได้พบกับนางสาวเอที่มางานศพ จึงได้สอบถามว่าทำไม่ไม่ชำระค่างวด นางสาวเอก็ตอบว่าตอนนี้เคลียร์จบแล้ว ไม่ต้องห่วง ทำให้ตนรู้สึกสบายใจ ว่าคงเป็นอย่างที่นางสาวเอบอก เพราะไม่เห็นมีหนังสือหรือเอกสารอะไรจากศาลหรือที่ไหนส่งมาถึงตนอีก” นายเลิงกล่าว
“แต่แล้ว เมื่อ 4-5 วันก่อน ขณะที่ตนออกไปที่นา ซึ่งเป็นที่ทำกิน ก็ได้มีคนแปลกหน้า 2 คนเข้ามาถ่ายภาพ ก่อนบอกว่าให้รอรับหนังสือจากกองบังคับคดีดังกล่าว ทำให้ตนกับลูกเมียไม่สบายใจเป็นอย่างมาก จนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะนางสาวเอไม่ชำระค่างวดรถเป็นแน่ จะติดต่อสอบถามกับนางสาวเอก็ติดต่อไม่ได้อีก ไม่รู้ไปอยู่ไหน และรถที่เช่าซื้อยังอยู่หรือเปล่า สุดท้ายจึงได้มายื่นคำขอให้ฝ่ายทะเบียนอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ช่วยหาที่อยู่ว่าอยู่ไหน มีตัวตนอยู่หรือเปล่า จากนั้นมาขอคำปรึกษากับสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ เพื่อหาแนวทางทางแก้ไขปัญหา แต่ก็เป็นเรื่องยาก เนื่องจากมีคำสั่งของศาลออกมาแล้ว” นายเลิงกล่าวด้วยความทุกข์ใจ
นายเลิงกล่าวในตอนท้ายว่า จากการขอคำปรึกษากับเจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมฯ และตรวจสอบเอกสาร พบว่าเงินต้นคงเหลือ 185,600 บาท หากรวมดอกเบี้ยตั้งแต่ปี 2561-2568 คงจะประมาณ 300,000 แสนบาท ทั้งนี้ ก็คงจะรอหนังสือจากกองบังคับคดีว่าจะเป็นอย่างไร คำสั่งศาลให้ชดใช้เท่าไหร่ จากนั้นก็คงจะเข้าไปขอความเห็นใจและขอไกล่เกลี่ยกับโจทก์อีกทีหนึ่ง เพระเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมูลเหตุจากนางสาวเอ ในฐานะคนทำสัญญากับเต้นท์รถ ขอให้ไปบังคับเอากับนางสาวเอ ซึ่งมีตัวตนอยู่ ขอความสงสารเห็นใจตนด้วย เพราะเป็นเพียงชาวบ้านธรรมาดา ฐานะยากจน มีที่ทำกินแปลงเดียว อย่าเพิ่งมายึดที่ทำกินและขายทอดตลาดเลย ขอความเป็นธรรมให้กับตนด้วย อย่างไรก็ตาม ก็อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคน อย่าได้หลงเชื่อไปเซ็นต์ค้ำประกันใดๆให้กับคนอื่น ความเดือดร้อน เป็นทุกข์ใจ จะตามมาเหมือนกับที่ตนกำลังประสบอยู่ก็อาจเป็นได้ จึงอยากวิงวอนไปถึงนางสาวเอ ซึ่งเป็นหลานแท้ๆ ขอให้กลับมาแสดงความรับผิดชอบด้วย อย่าให้ตนต้องมารับผิดชอบคนเดียวเลย