In News
นายกฯประชุมนโยบายเศรษฐกิจอัปเดต กระตุ้นศก.46โครงการ/คาดปีนี้จีดีพี3.0%

กรุงเทพฯ-ด่วน..!! นายกฯ นั่งประธานนโยบายเศรษฐกิจ เคาะ อนุมัติเงินหมื่นเฟส 3 พร้อมกำหนดแนวทางลงทะเบียนเพื่อสำรวจประชาชนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน
วันนี้ (10 มีนาคม 2568) เวลา 10.00 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายกรัฐมนตรีกล่าวก่อนการประชุมว่า ระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา การเติบโตของเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้น โดยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจส่วนใหญ่มาจากการส่งออกและการท่องเที่ยวถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ประมาณการเติบโตตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปี 2568 คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 3 แต่รัฐบาลเชื่อว่าด้วยศักยภาพของเศรษฐกิจไทย และความตั้งใจในการทำงานของทุกกระทรวงและภาคเอกชนจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตได้มากกว่าร้อยละ 3 ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อน และการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง รวมถึงทำให้เศรษฐกิจแข็งแรงมากยิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของการประชุมในวันนี้ เพื่อที่จะร่วมกันคิดหาแนวทางเสนอโครงการต่าง ๆ ที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานต่าง ๆ โดยต้องปฏิบัติภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัวมากกว่าร้อยละ 3 และเพื่อวางรากฐานการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างในระยะยาวไปพร้อมกัน ขอให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ
ทั้งนี้ ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจัดหมวดหมู่ของมาตรการทั้งหมด 46 โครงการ ตามเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ 4 ด้าน ประกอบด้วย การบริโภคภาคเอกชน (12 โครงการ) การลงทุนภาคเอกชน (17 โครงการ) การใช้จ่ายภาครัฐ (13 โครงการ) และการส่งออกสินค้าและบริการ (4 โครงการ) ซึ่งเน้นการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว โดยกระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทย สำหรับปี 2568 จะขยายตัวได้ที่ ร้อยละ 3.0 ผ่านการขับเคลื่อนปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งหมดนี้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจัดหมวดหมู่ของมาตรการ ดังกล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบหลักการ เงื่อนไข หลักเกณฑ์ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาท ในระยะที่ 3 และเห็นชอบแนวทางการลงทะเบียนเพื่อสำรวจประชาชนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน โดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินโครงการฯ และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการจัดทำข้อเสนอโครงการฯ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังกล่าวเสนอแนะถึงการติดตามตรวจสอบหรือตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ (Fraud Detection) รวมทั้งการสืบสวนสอบสวน เพื่อระงับสิทธิเพิกถอนสิทธิเรียกเงินคืน ตลอดจนดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่กระทำผิดหลักเกณฑ์และ เงื่อนไขของโครงการ อยากให้ตั้งคณะกรรมการดูแลเรื่องนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ