In Bangkok

กทม.เข้มเฝ้าระวังสารเคมีรั่วไหลกำชับ มาตรการปลอดภัยหลังไฟไหม้ที่บางพลี



กรุงเทพฯ-นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) กทม. กล่าวถึงมาตรการเฝ้าระวังสารแอมโมเนียรั่วไหล หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้คลังสินค้าแช่เย็นถนนบางนา-ตราด ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการว่า เหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว ศูนย์วิทยุพระราม (สายด่วน 199) ได้รับแจ้งจากองค์การบริหารส่วนตำบลบางโฉลง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 68 เวลา 19.24 น. ว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคาร 3 ชั้น ลักษณะเป็นคลังสินค้าห้องเย็นขนาดใหญ่ ใกล้เคียงถนนบางนา-ตราด คู่ขนาน กม.18 และขอรับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัย พร้อมทั้งยานพาหนะและอุปกรณ์จาก กทม. เพื่อเข้าระงับเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว โดย กทม. ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัย 30 นาย พร้อมรถหอน้ำดับเพลิงขนาดความสูง 90 เมตรและรถดับเพลิง 3 คัน เดินทางไปยังที่เกิดเหตุและได้ร่วมกับหน่วยดับเพลิงและกู้ภัยในพื้นที่เจาะผนังอาคาร เพื่อระบายควันและฉีดน้ำดับจนเพลิงสงบ และไม่พบการรั่วไหลของก๊าซแอมโมเนียแต่อย่างใด

สำหรับการเตรียมความพร้อมด้านการป้องกันและระงับเหตุอันตราย หรืออุบัติภัยที่เกิดจากสารเคมีและวัตถุอันตรายในพื้นที่กรุงเทพฯ สปภ. ได้ประสานความร่วมมือสำนักอนามัย (สนอ.) และสำนักงานเขตพื้นที่เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบ ติดตาม และให้คำแนะนำการประกอบกิจการโรงงาน หรือสถานประกอบการในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ผลิต เก็บ ครอบครอง หรือใช้สารเคมีและวัตถุอันตรายให้ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเกิดเหตุอันตรายที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่ใกล้จะถึง ทั้งนี้ หากประชาชนพบเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน หรือเหตุสาธารณภัยอื่น ๆ สามารถแจ้งเหตุได้ที่สายด่วน โทร. 199 ตลอด 24 ชั่วโมง

นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 สนอ. ได้เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินทางด้านสารเคมีและวัตถุอันตราย โดยตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ได้จัดทำและดำเนินโครงการส่งเสริมการจัดการสารเคมีและวัตถุอันตรายในสถานประกอบการ และภาวะฉุกเฉิน โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในสังกัด กทม. ได้แก่ สปภ. สำนักการโยธา (สนย.) สำนักงานเขต และหน่วยงานภายนอก ได้แก่ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน เพื่อตรวจแนะนำความปลอดภัยด้านสารเคมีและวัตถุอันตรายในสถานประกอบกิจการที่มีการจัดเก็บ การผลิตการสะสม การขนส่ง และการใช้สารเคมีและวัตถุอันตรายในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้เป็นไปตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 สนอ. ได้กำหนดแผนการลงตรวจสอบสถานประกอบการดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 17 ธ.ค. 67 - 22 พ.ค. 68

ขณะเดียวกันได้จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ “หลักสูตรการตอบโต้อุบัติภัยจากสารเคมีและวัตถุอันตราย” เพื่อส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขต สปภ. สำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) และสำนักการแพทย์ (สนพ.) ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการสารเคมีและวัตถุอันตราย การกำกับ ควบคุม ดูแลสถานประกอบกิจการให้มีความปลอดภัย การจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ และการตอบโต้อุบัติภัยสารเคมี พร้อมทั้งจัดการอบรมส่งเสริมความรู้ด้านการบริหารจัดการสารเคมีและวัตถุอันตรายในสถานประกอบกิจการให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ประกอบการ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบกิจการที่มีการจัดเก็บ การผลิต การสะสม การขนส่ง และการใช้สารเคมีอันตรายและวัตถุอันตราย มีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักรู้ต่อการบริหารจัดการสารเคมีให้เกิดความปลอดภัยในสถานประกอบการของตนและต่อสาธารณะได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมทั้งจัดเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ เพื่อตรวจวัดความเข้มข้นของสารเคมีในบรรยากาศที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

นายธราพงษ์ เพ็ชร์คง ผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง กทม. กล่าวว่า สำนักงานเขตฯ ได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ติดตามข่าวจากหน่วยงานราชการของอำเภอบางพลี ได้แก่ โรงพยาบาลบางพลี ซึ่งรับทราบข้อมูลว่าเป็นคลังสินค้าของบริษัท BSC ก.ม .18 บางพลี ประกอบกิจการห้องเย็น โดยเบื้องต้นไม่มีสารแอมโมเนียรั่วไหลและได้นำหน้ากากอนามัยแจกจ่ายให้กับประชาชนที่อยู่ในรัศมีใกล้จุดเกิดเหตุ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและควัน ซึ่งจุดดังกล่าวห่างจากสำนักงานเขตฯ ประมาณ 25 กิโลเมตร จากการตรวจสอบพบว่าเพลิงสงบและไม่มีการรั่วไหลของก๊าซแอมโมเนีย อย่างไรก็ตาม สำนักงานเขตฯ จะเฝ้าระวังเหตุดังกล่าวต่อไป พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเฝ้าระวังและให้คำแนะนำสถานประกอบการโรงงาน หรือสถานประกอบการที่มีการผลิต ครอบครอง หรือมีการใช้สารเคมีและวัตถุอันตรายในกระบวนการผลิตในพื้นที่เขตลาดกระบังให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อป้องกันการเกิดเหตุอันตรายที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชน