Authority & Harm
ผบ.ตร.เซ็นคำสั่งไล่ออกจากราชการแล้ว 'บิ๊กโจ๊ก'พร้อมลูกน้องรวม5นาย

กรุงเทพฯ-โฆษก ตร.เผย ผบ.ตร.ลงนามคำสั่งไล่ออกจากราชการ อดีต รอง ผบ.ตร.กับพวกรวม 5 นายแล้ว ตามความเห็นคณะกรรมการเสนอแนะการลงโทษ เปิดช่องสามารถใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.ตร. หรือฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดได้ ยืนยันทุกขั้นตอนดำเนินการตามกฎหมาย เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาโต้แย้งสิทธิตามกระบวนการ
วันนี้ (11 มีนาคม 2568) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าคำสั่งไล่ออก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. ว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ลงนามในคำสั่งไล่ออกจากราชการ ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. กับพวก รวม 5 นายแล้ว ตามความเห็นของคณะกรรมการเสนอแนะการลงโทษ ที่มี รอง ผบ.ตร.อาวุโสสูงสุด เป็นประธาน และ รอง ผบ.ตร.ทุกคน เป็นกรรมการ โดยคณะกรรมการฯ มีมติให้ลงโทษไล่ออกจากราชการ เสนอ ผบ.ตร.ลงนาม ถือเป็นตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งกระบวนการดังกล่าวนั้นใช้บังคับกับข้าราชการตำรวจทุกนายที่ถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง หากผลการสอบสวนคณะกรรมการเห็นว่ามีมูล จะเสนอให้หัวหน้าหน่วยที่มีอำนาจพิจารณาสั่งลงโทษ มีความเห็น หากเห็นชอบ จะสั่งตั้งคณะกรรมการเสนอแนะการลงโทษ เพื่อเสนอแนะให้ความเห็นว่าจะลงโทษอย่างไร หากคณะกรรมการมีความเห็นให้ออกจากราชการ จะเข้าสู่ขั้นตอนการเสนอหัวหน้าหน่วยเพื่อมีความเห็นและลงนามออกคำสั่งให้ออกจากราชการ เมื่อมีคำสั่งแล้วจะรายงานการลงโทษไปยังคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) รับทราบ โดย ก.ตร.จะเห็นชอบ หรือเห็นว่ามีเหตุอันสมควรจะสั่งการแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งได้ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ โฆษก ตร. กล่าวว่า นับแต่วันที่ ผบ.ตร.ลงนามคำสั่งมีผล ผู้ถูกกล่าวหาสามารถอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ได้ภายใน 30 วัน ก.พ.ค.ตร.มีกำหนดระยะเวลาพิจารณา 120 วัน ขยายเวลาได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 60 วัน รวมทั้งสิ้น 240 วัน หาก ก.พ.ค.ตร.วินิจฉัยเป็นคุณกับผู้ถูกกล่าวหา อุทธรณ์ฟังขึ้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องเรียกผู้ถูกกล่าวหากลับเข้ารับราชการภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ ก.พ.ค.ตร.มีคำวินิจฉัย หาก ก.พ.ค.ตร.วินิจฉัยเป็นโทษ ยืนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ไล่ออกจากราชการ ผู้ถูกกล่าวหาสามารถฟ้องศาลปกครองสูงสุดภายในระยะเวลา 90 วัน นับแต่วันที่ ก.พ.ค.ตร.วินิจฉัย และคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดเป็นที่สุด ซึ่งหากศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยเสร็จเด็ดขาดว่าคำสั่งลงโทษไล่ออกของ ผบ.ตร.เป็นไปตามกฎหมายถูกต้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ จะเห็นว่าทุกกระบวนการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการมา ล้วนเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และกฎหมายเองยังเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์คำสั่งต่อ ก.พ.ค.ตร. หรือฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้อีก ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้โต้แย้ง สามารถต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม เป็นสิทธิขั้นตอนตามกฎหมาย