Authority & Harm
พระธาตุก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ การสำนึกผิด และกตัญญู โดย: ฟอนต์ สีดำ

ตำนานพระธาตุก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ พระธาตุก่องข้าวน้อย ตั้งอยู่ที่บ้านตาดทอง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร เป็นโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับตำนานโศกนาฏกรรมของชายหนุ่มผู้พลั้งมือฆ่าแม่ตนเองเพราะความหิวโหยและอารมณ์ชั่ววูบ
เนื้อเรื่องตำนาน :
นานมาแล้ว มีชายหนุ่มชาวนาในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง อาศัยอยู่กับแม่ที่ชราภาพ ครอบครัวของเขายากจน ต้องออกไปทำไร่ทำนาแต่เช้าจรดเย็น วันหนึ่ง ชายหนุ่มออกไปไถนาแต่เช้าตรู่จนสายตัวแทบขาด ทำงานหนักจนเหนื่อยล้าและหิวโหยอย่างที่สุด ในเวลานั้นยังไม่มีอาหารให้กินได้สะดวกเช่นปัจจุบัน เมื่อถึงเวลาพักกลางวัน เขาจึงเดินกลับมาที่พักใต้ต้นไม้ หวังจะได้กินข้าวที่แม่เตรียมมาให้
เมื่อเปิดห่อข้าวออกดู ปรากฏว่าในห่อมีข้าวเพียงก่องเดียว (ก่องข้าว คือ ภาชนะเล็ก ๆ ใช้ใส่ข้าวเหนียว) ซึ่งมีปริมาณน้อยมาก เมื่อเทียบกับความเหนื่อยล้าที่เขาเผชิญมา ชายหนุ่มรู้สึกโกรธจัด เพราะคิดว่าแม่ให้ข้าวตนเพียงเล็กน้อยโดยไม่ใส่ใจในความหิวของเขา ด้วยความโมโหและขาดสติ เขาหยิบไม้ใกล้มือขึ้นมาฟาดแม่ของตนด้วยแรงโทสะ จนแม่ล้มลงสิ้นใจทันที
หลังจากที่ความโกรธจางหายไป ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกผิดและสลดใจอย่างถึงที่สุด เขาก้มลงดูร่างแม่ที่จากไปโดยไม่มีวันหวนคืน เมื่อสังเกตดูดี ๆ จึงพบว่าภายในห่อข้าวยังมีอาหารอย่างอื่นอีกมากมายซ่อนอยู่ด้านล่าง แม่อาจตั้งใจให้เขากินข้าวน้อย ๆ ก่อน แล้วค่อยกินส่วนที่เหลือทีหลัง
ชายหนุ่มเสียใจจนไม่อาจให้อภัยตนเองได้ เขานั่งร้องไห้ข้างศพแม่อยู่หลายวัน ต่อมาด้วยความรู้สึกผิดและต้องการไถ่บาป เขาจึงตัดสินใจสร้างเจดีย์เล็ก ๆ ขึ้น ณ จุดที่เกิดเหตุ โดยใช้ดินจากมือของตนเองปั้นขึ้นเป็นพระธาตุ เพื่อเป็นการขอขมาต่อดวงวิญญาณของแม่
พระธาตุก่องข้าวน้อยในปัจจุบัน ปัจจุบัน พระธาตุก่องข้าวน้อยตั้งอยู่ที่บ้านตาดทอง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร เป็นเจดีย์ดินขนาดเล็ก สูงประมาณ 1.5 เมตร ฐานกว้างประมาณ 2 เมตร ถูกบูรณะและได้รับการอนุรักษ์เป็นโบราณสถาน โดยมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวมากราบไหว้ขอขมา และเรียนรู้ถึงบทเรียนจากตำนานนี้
เรื่องราวของพระธาตุก่องข้าวน้อยเป็นอุทาหรณ์เตือนใจถึงโทษของความโกรธและการขาดสติ ซึ่งอาจนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่อาจแก้ไขได้ นับเป็นตำนานที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและจริยธรรมของชาวอีสาน และเป็นพฤติกรรมของคนอีสานที่จะถามไถ่ผู้คนที่พบหน้ากันก็จะทักว่า “ทานข้าวหรือยัง” นั่นคือการตรวจเช็คถึงการพูดคุยกันภายหลัง หากคุยในขณะที่หิวมักจะได้ข้อสรุปที่ไม่ดีเท่าที่ควร หากมีปฏิสัมพันธ์ในช่วงเวลาที่อิ่มหรือไม่หิว จะทำให้คู่สนทนาอารมณ์ดีและได้ผลของการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี ได้ข้อสรุปในการสนทนาได้ตามที่ต้องการหรือมากกว่า
ตำนานพระธาตุก่องข้าวน้อยเป็นเรื่องราวที่สะท้อนคติชนและมีคุณค่าต่อวัฒนธรรมของสังคมไทย โดยเฉพาะในแถบอีสาน ซึ่งสามารถวิเคราะห์ได้ในหลายแง่มุม ดังนี้
1. ความเกี่ยวข้องกับคติชนวิทยา
(1) คติสอนใจ (Moral Lesson)
เรื่องราวของพระธาตุก่องข้าวน้อยแฝงคติเตือนใจเกี่ยวกับโทษของความโกรธ การขาดสติ และการตัดสินใจโดยไม่ไตร่ตรอง ตำนานแสดงให้เห็นว่าความโกรธชั่ววูบสามารถนำไปสู่การกระทำที่ไม่สามารถแก้ไขได้ เป็นการเน้นย้ำให้ผู้คนรู้จักควบคุมอารมณ์และพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจทำสิ่งใด
(2) การอธิบายที่มา (Etiological Myth)
ตำนานนี้เป็นการอธิบายที่มาของพระธาตุก่องข้าวน้อย โดยใช้เรื่องเล่าทางคติชนเพื่อให้เข้าใจถึงเหตุผลของการมีเจดีย์ดินขนาดเล็กที่สร้างขึ้นโดยชายหนุ่มผู้สำนึกผิด ตำนานประเภทนี้มักพบในสังคมไทยเพื่ออธิบายสถานที่สำคัญทางศาสนา
(3) บทเรียนด้านความกตัญญู (Gratitude and Filial Piety)
เรื่องราวนี้เน้นย้ำคุณค่าของความกตัญญู ซึ่งเป็นหลักสำคัญในคติชนของสังคมไทยและอีสาน ชายหนุ่มในเรื่องละเลยความรักของแม่ จนกระทั่งสายเกินไปที่จะกลับไปแสดงความกตัญญู ตำนานนี้จึงเป็นอุทาหรณ์ให้ลูกหลานเคารพและดูแลพ่อแม่ให้ดี
(4) ความเชื่อเรื่องการไถ่บาป (Redemption and Karma)
ในสังคมไทย ความเชื่อเรื่องกรรมมีอิทธิพลอย่างมาก ชายหนุ่มในเรื่องพยายามไถ่บาปโดยการสร้างพระธาตุเพื่อเป็นการขอขมาต่อดวงวิญญาณของแม่ ซึ่งสะท้อนแนวคิดทางพุทธศาสนาเกี่ยวกับการสำนึกผิดและการทำความดีเพื่อชดเชยกรรม
2. ประโยชน์ต่อวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทย
(1) การควบคุมอารมณ์และการใช้สติปัญญา
ตำนานนี้ช่วยสอนให้คนไทยรู้จักการควบคุมอารมณ์และใช้สติในการตัดสินใจ เพราะความโกรธหรือการเข้าใจผิดอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายได้ สิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่อวิถีชีวิตในสังคมที่ต้องอยู่ร่วมกัน
(2) การให้ความสำคัญกับความกตัญญู
วัฒนธรรมไทยให้ความสำคัญกับความกตัญญูต่อพ่อแม่ ตำนานนี้ย้ำเตือนให้คนรุ่นหลังเห็นถึงผลร้ายของการละเลยความรักของพ่อแม่ และกระตุ้นให้แสดงความเคารพและดูแลพวกท่านก่อนที่จะสายเกินไป
(3) การสร้างจารีตและพิธีกรรมท้องถิ่น
ปัจจุบัน พระธาตุก่องข้าวน้อยกลายเป็นศูนย์กลางของพิธีกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรม เช่น การไหว้ขอขมาและการทำบุญเพื่อระลึกถึงพ่อแม่ที่ล่วงลับ สิ่งนี้ช่วยรักษาขนบธรรมเนียมของชุมชนและสร้างความสามัคคี
(4) การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
ตำนานนี้ช่วยให้พระธาตุก่องข้าวน้อยกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดยโสธร ดึงดูดผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมาเยี่ยมชม ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการอนุรักษ์มรดกท้องถิ่น
ตำนานพระธาตุก่องข้าวน้อยฆ่าแม่เป็นตัวอย่างของเรื่องเล่าคติชนที่มีบทเรียนทางศีลธรรมลึกซึ้ง และมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวอีสาน ตำนานนี้สอนให้คนระมัดระวังอารมณ์ ให้ความเคารพต่อพ่อแม่ และเชื่อในเรื่องกรรม ซึ่งเป็นคุณค่าที่สำคัญในสังคมไทย ทั้งยังช่วยรักษาประเพณีและส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอีกด้วย
พระธาตุก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ไม่ได้เป็นเพียงโบราณสถานให้นักประวัติศาสตร์และโบราณคดีได้สำรวจเพื่อสร้างผลงานทางวิชาการเท่านั้น หากแต่เป็นโบราณสถานที่เป็นสื่อเตือนใจ ของคนในสังคม ได้ตระหนักถึงการการยับยั้งชั่งใจ การสำนึกผิดและละอายต่อการกระทำบาป รวมทั้งการแสดงออกถึงความกตัญญูรู้คุณต่อบุพการี ซึ่งเป็นเนื้อหาสำคัญในการกล่อมเกลาพฤติกรรมของคนในสังคม ให้ระลึกถึงการลดความรุนแรงจากกิเลส ไม่ว่าจะเกิดจากโทสะจริต โมหะจริต และโลภจริต ในการจัดระเบียบทางสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
การสื่อถึงเนื้อหาแห่งการสำนึกผิดและกตัญญูนี้ ไม่ได้มีเพียงโบราณสถานพระธาตุก่องข้าวน้อยฆ่าแม่เท่านั้น หากแต่ใด้มีการเล่าเรื่องเพื่อสื่อเนื้อหาให้คนในสังคมได้เรียนรู้ และซึมซับคุณธรรมจริยธรรมในการสำนึกผิดและกตัญญูนี้ผ่านการเล่าเรื่องในหลายรูปแบบ ผ่านศิลปะการเล่าเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นนิทาน การแสดงหมอลำ หนังบักตื้อ(หนังประโมไท) หรือละครในรูปแบบต่างๆ ที่แสดงออกนำเสนอต่อสังคม ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ถูกถ่ายทอดให้ซึมซับเข้าไปในใต้จิตสำนึกของคนในสังคม จึงทำให้เกิดวัฒนธรรมความรักความกตัญญูของคนในสังคมอีสานที่มีต่อบุพการีสูง คุณค่าแห่งการสืบทอดคุณลักษณะทางสังคมแบบนี้ รัฐบาลหรือกระทรวงวัฒนธรรมควรให้ความสนใจและให้ความสำคัญในการส่งเสริมการแสดงออกทางศิลปะการสืบทอดและเล่าเรื่อง เพื่อเป็นเนื้อหาที่ซึมซับเข้าสู่จิตในสำนึกของคนในสังคมทั้งในและนอกประเทศ โดยการขยายการแสดงในรูปแบบต่างๆ ที่สอดคล้องกับศิลปะวัฒนธรรมของสังคมโลกในหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น