Authority & Harm

สัสดีกาฬสินธุ์พร้อมตรวจเลือกทหารฯ ดีเดย์1-11เม.ย.นี้



กาฬสินธุ์-สัสดีจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมดำเนินการตรวจเลือกทหารกองเกิน เข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 1-11 เมษายน 2568 

วันที่ 13 มีนาคม 2568 พ.อ.วิเศษศิลป์ แสนภูวา สัสดี จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ในการตรวจเลือกทหารกองเกิน เข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2568 นี้ ทางสำนักงานสัสดี จ.กาฬสินธุ์ ร่วมกับสำนักงานสัสดีอำเภอ ทั้ง 18 อำเภอใน จ.กาฬสินธุ์ ได้กำหนดวัน เวลา สถานที่ ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้จึงขอแจ้งไปยังที่อยู่ในกำหนดเรียกไปเข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกิน เข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2568 คือ ชายสัญชาติไทย คนเกิดพุทธศักราช 2547 ซึ่งมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ และคนเกิดพุทธศักราช 2539 ถึงพุทธศักราช 2546 ซึ่งมีอายุ 22 ถึง 29 ปีบริบูรณ์ ที่ยังไม่เคยเข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกิน ได้เข้ารับการตรวจเลือกฯ อย่างพร้อมเพรียงกัน

พ.อ.วิเศษศิลป์เปิดเผยอีกว่า สำหรับกำหนดการตรวจเลือกทหารกองเกิน ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 1-11 เมษายน 2568 โดยได้จัดเจ้าหน้าที่ดำเนินการ 2 คณะ ประกอบด้วย คณะที่ 1 วันที่ 1 เม.ย.ที่หอประชุม อ.สามชัย, วันที่ 2 เม.ย.ที่หอประชุม อ.คำม่วง, วันที่ 3 เม.ย.ที่หอประชุม อ.สมเด็จ, วันที่ 4-5 เม.ย.ที่หอประชุม อ.กุฉินารายณ์, วันที่  7 เม.ย. ที่หอประชุม อ.นาคู, วันที่ 8 เม.ย.ที่หอประชุม อ.เขาวง, วันที่ 9 เม.ย.ที่หอประชุม อ.ห้วยผึ้ง, วันที่ 10-11 เม.ย.ที่หอประชุม อ.เมืองกาฬสินธุ์ และวันที่ 12 เม.ย. ที่หอประชุม อ.นามน

“ในส่วนคณะที่ 2 วันที่ 1 เม.ย. ที่หอประชุม อ.ท่าคันโท, วันที่ 2 เม.ย. ที่หอประชุม อ.หนองกุงศรี, วันที่ 3 เม.ย.ที่หอประชุม อ.ห้วยเม็ก, วันที่ 4 เม.ย. ที่หอประชุม อ.สหัสขันธ์, วันที่ 5 เม.ย.ที่หอประชุม อ.ดอนจาน, วันที่ 7-8 เม.ย. ที่หอประชุม อ.ยางตลาด, วันที่ 9 เม.ย.ที่หอประชุม อ.ร่องคำ, วันที่ 10 เม.ย.ที่หอประชุม อ.กมลาไสย และวันที่ 11 เม.ย.ที่หอประชุม อ.ฆ้องชัย จึงขอให้ชายไทยในกลุ่มดังกล่าว ที่มีภูมิลำเนาพื้นที่นั้นๆ ไปเข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ตามวัน เวลา และสถานที่ ที่กำหนดไว้ในหมายเรียก” พ.อ.วิเศษศิลป์กล่าว

ทั้งนี้ หลักฐานที่ต้องนำไปในวันตรวจเลือกฯ มี 1. ใบสำคัญ (แบบ สด.9), 2. บัตรประจำตัวประชาชน, 3. หมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.35), 4. ใบสำคัญความเห็นแพทย์ หรือประวัติการรักษา (ถ้ามี) และ 5. หลักฐานสำเร็จการศึกษา (สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าขึ้นไป)