Think In Truth
UN เตือน...! ภัยคุกคามอาชญากรรมจะ เพิ่มมากขึ้น รวบรวมโดย: ฅนข่าว2499

การเติบโตอย่างไร้การควบคุมของกลุ่มธุรกิจและคาสิโนในเขตพื้นที่บริเวณโดยรอบประเทศไทยและโดยเฉพาะลาวได้เปิดช่องทางและโอกาสใหม่สำหรับการฟอกเงินและการค้ายาเสพติดสำหรับเครือข่ายอาชญากรรมที่ใช้เขตนี้ผลักดันยาเสพติดให้มีปริมาณที่พุ่งสูงขึ้นทั่วเอเชีย
ย้อนหลังไปก่อนหน้านี้มีรายงานของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ(United Nations Office on Drugs and Crime, UNODC)ระบุว่ากลุ่มอาชญากรข้ามชาติที่มีฐานที่ตั้งในเขตแดนไร้กฎหมายของเมียนมาร์ตะวันออกกำลังส่งเมทแอมเฟตามีนเข้าสู่ลาวเพิ่มมากขึ้น และจากข้อมูลล่าสุดระบุว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษซึ่งมีกฎระเบียบที่ผ่อนปรนเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ และคาสิโนที่มักเป็นศูนย์กลางของการค้ามนุษย์และการฟอกเงินหลักของเครือข่ายอาชญากรรมที่ตั้งอยู่ในประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บรรยายภาพ:สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2540 โดยชื่อแรกสุดคือ หน่วยกำกับควบคุมยาเสพติดและอาชญกรรม โดยเป็นการรวมระว่างแผนโครงการควบคุมยาเสพติดสหประชาชาติ (UNDCP) และกองควบคุมเหตุอาชญกรรมและความยุติธรรมในอาชญกรรมในสำนักงานสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา สำนักงานยังเป็นสมาชิกของกลุ่มพัฒนาแห่งสหประชาชาติ และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ในปี พ.ศ. 2545ในปี พ.ศ. 2559-2560 สำนักงานมีงบประมาณถึง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีคาสิโนมากกว่า 140 แห่งและเขตเศรษฐกิจพิเศษ 128 แห่งทั่วทั้งภูมิภาค มีเพียงไม่กี่แห่งที่ทำให้เกิดความกังวลมากกว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งได้รับชื่อมาจากพื้นที่ชายแดนที่เต็มไปด้วยอาชญากรรมซึ่งเป็นจุดที่ประเทศลาว เมียนมาร์ และไทยมาบรรจบกัน พื้นที่ 10,000 เฮกตาร์(1 เฮกตาร์ เท่ากับ 10,000 ตร.เมตร) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของลาวนี้บริหารโดยนายจ้าว เว่ย ชาวจีน ซึ่งเป็นเจ้าของคาสิโน Kings Romans ซึ่งเป็นคาสิโนที่เป็นจุดเด่นของเขตนี้
บรรยายภาพ : รูปปั้นเทพเจ้าที่มีลักษณะคล้ายกับโรมันอยู่ด้านหน้าคาสิโน Kings Romans(ขอบคุณภาพจาก เอพี)
“มีเขตเศรษฐกิจพิเศษและเขตปกครองตนเองอีกหลายแห่งที่มีปัญหาความมั่นคงและอาชญากรรมกระจายอยู่ทั่วแม่น้ำโขง แต่เขตเศรษฐกิจพิเศษ GT เป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจที่แพร่หลายและมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ที่สุด และเห็นได้ชัดว่า Zhao Wei (จ้าว เว่ย) และกลุ่มของเขามีเงินทุนที่ดีมากและสามารถเคลื่อนย้ายเงินได้แม้จะมีการคว่ำบาตร” Jeremy Douglas ตัวแทนระดับภูมิภาคของ UNODC กล่าว
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรนาย Zhao และบริษัทของเขาในปี 2018 โดยทำให้เขาตกเป็นเป้าหมายหลักของเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติที่ฟอกเงินผ่านเขตเศรษฐกิจสำหรับพ่อค้ายาเสพติดในเมียนมาร์ ขณะเดียวกันก็ค้าขายทุกอย่างตั้งแต่ยาเสพติดไปจนถึงผู้คนและสัตว์ป่า
แม้ว่าอาณาจักรธุรกิจของจ้าว เว่ยยังคงขยายตัวต่อไป และยังมีโครงการการพนันและเขตเศรษฐกิจอื่นๆ มากมายทั่วประเทศลาวที่อยู่ระหว่างดำเนินการ UNODC เกรงว่าบทบาทของประเทศเล็กๆ ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลแห่งนี้ในการค้ามนุษย์และการฟอกเงินในภูมิภาคจะเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม กลุ่ม DokNgiew Kham (ดอกงิ้วคำ) ของจ้าว เว่ยไม่หวั่นไหวต่อการคว่ำบาตร และกำลังเร่งสร้างสนามบินนานาชาติทางทิศตะวันออกของเขตสามเหลี่ยมทองคำโดยร่วมทุนกับรัฐบาลลาว ท่าเรือมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ที่ก่อสร้างทางตอนเหนือของเขตนี้จะรองรับเรือบรรทุกสินค้าที่แล่นไปตามแม่น้ำโขงทั้งไปและกลับจากจีน โดยได้รับความอนุเคราะห์จาก Osiano Trading(โอซิอาโน เทรดดิ้งซึ่งเป็นบริษัทอีกแห่งหนึ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นลาวบอกกับวิทยุเอเชียเสรีหรือ Radio Free Asia เมื่อปี 2020 ว่า จ้าว เว่ยเป็นเจ้าของ)
นอกจากนี้ Osianoยังได้พัฒนา”สวนวัฒนธรรม” มูลค่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตั้งอยู่ในชานเมืองเวียงจันทน์ เมืองหลวงของลาว ซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านพื้นเมือง เครื่องเล่น และตามรายงานระบุว่ามีสถานที่เล่นการพนันด้วย นอกจากนี้ จ้าว เว่ยและทีมงานยังได้เผยแพร่ข้อมูลการเดินทางไปเยือนภาคตะวันออกเฉียงเหนือและตอนใต้ของลาวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อค้นหาที่ดินสำหรับโครงการพัฒนาอื่นๆ ด้วย โดย Zhao (จ้าว เว่ย) ซึ่งเป็นชื่อเล่นที่กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ระบุชื่อไว้ ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการร่วมของโครงการรีสอร์ทบนเกาะที่เพิ่งได้รับการอนุมัติในกัมพูชา ซึ่งให้สัญชาติแก่เขาในปี 2018 (2561)
UNODC สงสัยว่าพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำส่วนใหญ่ถูกพัฒนาด้วยกำไรจากการฟอกเงินยาเสพติด และกล่าวว่าแผนการขยายพื้นที่ของ จ้าว เว่ยในพื้นที่ดังกล่าวและที่อื่นๆ เปิดโอกาสให้ฟอกเงินได้มากขึ้น นอกจากนี้ UNODC ยังเกรงว่าท่าเรือและโกดังสินค้าที่เขากำลังสร้างอยู่ทางเหนือของพื้นที่ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำโขงจากเมียนมาร์ จะเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการจัดเก็บและขนส่งยาเสพติดจำนวนมากที่ไหลผ่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไปไกลถึงออสเตรเลียและญี่ปุ่น
พล.ต.ต.เขมมาริน หัสสิริ ผู้บังคับบัญชากองกิจการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ประเทศไทยเชื่อว่าการเติบโตของเขตเศรษฐกิจพิเศษและเมืองคาสิโนบนชายแดนติดกับลาวและเมียนมาร์ อาจส่งผลให้เกิดอาชญากรรมเพิ่มมากขึ้น เมทแอมเฟตามีนจำนวนมากที่หลั่งไหลออกมาจากเพื่อนบ้าน ไหลเข้ามาหรือผ่านประเทศไทยไปและหากมีสิ่งใดที่จะอำนวยความสะดวกให้กับกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการค้ายาเสพติด ในอดีตที่ผ่านมาพื้นที่เหล่านี้มีชื่อเสียงมากในด้านการค้ายาเสพติดแต่ในปัจจุบัน พื้นที่เหล่านี้มีทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด การค้ามนุษย์ การฉ้อโกงทางการสื่อสาร การพนันออนไลน์
คาสิโนตามชายแดนไทยจะดึงดูดนักพนันมาหลายทศวรรษ โดยส่วนใหญ่มาจากจีน ซึ่งการพนันส่วนใหญ่ถูกห้าม อย่างไรก็ตาม การปิดชายแดนและข้อจำกัดการเดินทางที่เกิดขึ้นภายหลังการระบาดของ COVID-19 ทำให้จำนวนผู้มาเยือนลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เว็บไซต์เกมออนไลน์จำนวนมากเข้ามาทดแทน จำนวนเว็บไซต์ออนไลน์ที่กำหนดเป้าหมายไปที่คนไทยทั้งจากในและนอกประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่านับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่
UNODC ระบุว่าจำนวนเว็บไซต์ในประเทศไทยที่ห้ามการพนันส่วนใหญ่ก็เพิ่มขึ้นจาก 240 เป็น 558 เว็บไซต์ระหว่างปี 2019 ถึง 2021
บรรยายภาพ : คาสิโน Blue Shield (บลูชิลด์) ของKings Romans Group ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ริมฝั่งแม่น้ำโขงในประเทศลาว ใกล้ชายแดนระหว่างลาว เมียนมาร์ และไทย (ถ่ายเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2559: ขอบคุณภาพจากรอยเตอร์)
อย่างไรก็ตามคาสิโนเหล่านี้มีชื่อเสียงในเรื่องการย้ายเงินสดที่ไม่ต้องรับผิดชอบ และคาสิโนออนไลน์นั้นสามารถทำงานร่วมกับระบบการชำระเงินที่ไม่เปิดเผยตัวตนและสกุลเงินดิจิทัลได้ และเมื่อนำมารวมกันแล้ว คาสิโนเหล่านี้ก็สามารถผสมผสานและทำให้เงินถูกต้องตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
บรรยายภาพ : ร้านอาหารจีน โรงแรมและคาสิโนที่ถูกพบเห็นที่จังหวัดพระสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชาและจากการปราบปรามคาสิโนออนไลน์ทำให้ผู้ประกอบการในกัมพูชาเริ่มย้ายฐานไปที่ลาว(ขอบคุณภาพจากรอยเตอร์ถ่ายเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2017)
มีรายงานว่าลาวได้ให้อำนาจแก่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง คือ Laos Offshore Gaming Authority (หน่วยงานการพนันนอกชายฝั่งลาว) ในการเริ่มออกใบอนุญาตเว็บไซต์พนันออนไลน์ในลาว ซึ่งทำให้ความกลัวดังกล่าวทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากชาวลาวถูกห้ามไม่ให้เล่นการพนันในลาว เว็บไซต์เหล่านี้จะมุ่งเป้าไปที่ลูกค้าต่างชาติ
นอกจากนี้แล้ว เมืองคาสิโนในภูมิภาคแม่น้ำโขงยังกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์การค้ามนุษย์ โดยมีเครือข่ายอาชญากรรมล่อลวงหรือลักลอบพาชายหนุ่มและหญิงสาววัยรุ่นข้ามพรมแดนโดยสัญญาว่าจะทำงานด้านการพนันที่ให้ค่าจ้างดี จากนั้นจึงดักจับพวกเขาไว้ในคุกเพื่อหลอกลวงทางออนไลน์โดยกำหนดเป้าหมายไปที่ประเทศอื่นๆโดยมีกัมพูชาเป็นศูนย์กลางล่าสุดสำหรับแผนการเหล่านี้
จากปัญหาดังกล่าว UNODC ได้เรียกร้องให้รัฐบาลในภูมิภาคได้ให้ความสนใจกิจกรรมทางอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้นซึ่งเกิดขึ้นโดยรอบ คาสิโนและเขตเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว รวมถึงจัดทำแผนใหม่และการออกกฎหมายเข้มงวดมากยิ่งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง.