Authority & Harm

โจรจี้ร้านทองชร.หนีข้ามปท.รวบทัน1คน



เชียงราย-ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงรายแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีจี้ชิงทรัพย์จากร้านทองทวีสินเชียงราย 1 ราย ที่เหลือหลบหนีในประเทศเพื่อนบ้าน ประสานเพื่อนบ้านจับกุม โยงเคยก่อเหตุจี้ร้านทองบ้านดู่มาก่อนหน้า ย่ามใจก่อเหตุซ้ำ

เช้าวันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม 2564 ที่ บริเวณด้านหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย ถนนรัตนาเขต ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย  พล.ต.ต.เฉลิมพล จินตรัตน์  รอง ผบช.ภ.5  พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์  ผบก.ภ.จว.เชียงราย พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5  พร้อมชุดปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย  กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัวผู้ต้องหาจากคดีคนร้ายบุกจี้ชิงทรัพย์จากร้านทองสินทวี สาขาป่าก่อเงี้ยว เขตเทศบาลนครเชียงราย เบื้องต้นได้ทองไปน้ำหนักกว่า 114 บาท 

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้จำนวน 1 ราย เป็นชาย ชื่อ นายพิเชษฐ์ ซาวคำเขต อายุ 24 ปี ชาว ตำบลศรีค้ำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย โดยผู้ต้องหาพร้อมกับพวกรวม 2 คนใช้อาวุธปืนพกสั้น และใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า M-SLAZ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองทวีสิน สาขาตลาดป่าก่อเงี้ยว ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้ทรัพย์สินเป็นทองรูปพรรณรวมน้ำหนักประมาณ 114 บาท แล้วหลบหนีไป  ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมานั้น 

จากการสอบปากคำผู้ต้องหา เบื้องต้นได้ให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกับพวกอีก 1 คน ก่อเหตุจริง โดยหลังจากได้ทองคำรูปพรรณที่ชิงมาจากร้านดังกล่าวแล้ว ได้พากันหลบหนีด้วยรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปยังท้องที่ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ชายแดนไทย-เมียนมา

ก่อนนำรถไปฝากไว้ที่ชายแดน อำเภอแม่สาย และพากันพร้อมกับทองคำรูปพรรณ และปืนที่ใช้ก่อเหตุข้ามไปยังเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา หรือหลังก่อเหตุได้เพียง 1 วัน กระทั่งวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ได้มีธุระต้องมาทำที่จังหวัดเชียงราย จึงได้ลักลอบเดินทางเข้ามายังฝั่งไทยอีกครั้งหนึ่ง  และไปยืมรถยนต์กระบะจากญาติคนหนึ่งโดยอ้างว่ามารดาป่วยและจะพาไปหาหมอ 

 จากนั้น ขับรถขับออกไปตามถนนสายเชียงราย-เทิง และถูกเจ้าหน้าที่สืบทราบ จึงถูกจับกุมได้ขณะขับรถไปถึงบ้านโป่งฮึ้ง หมู่ที่ 2 ตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย ส่วนเพื่อนที่ร่วมก่อเหตุ ยังคงหลบหนีอยู่ในฝั่งเมืองท่าขี้เหล็กพร้อมของกลางอาวุธปืนและทองคำรูปพรรณที่จี้ไปได

นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังสารภาพด้วยว่า ก่อนหน้าเคยก่อเหตุจี้ชิงทองคำรูปพรรณที่ร้านทองทวีสิน เลขที่ 149/1 หมู่บ้านต้นลุง หมู่ที่ 11 ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย เมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา และได้ทองคำ ไปน้ำหนักรวม 54 บาทด้วย โดยตนได้ทำหน้าที่เป็นคนขับรถจักรยานยนต์ทั้ง 2 ครั้ง ส่วนรถจักรยานยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุในพื้นที่ร้านทองทวีสินในเขตพื้นที่ตำบลบ้านดู่ ได้นำไปทำลายหลักฐานแล้วในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน แต่ผู้ที่ร่วมก่อเหตุที่ร้านทองทั้ง 2 แห่งเป็นคนละคนกัน

พล.ต.ต.เฉลิมพล จินตรัตน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า จากการสอบสวนสาเหตุที่คนร้ายเลือกลงมือเนื่องจากทางร้านมีจุดอ่อนคือไม่มีลูกกรงเป็นเครื่องป้องกันการเข้าถึงทองรูปพรรณของทางร้าน ทองที่คนร้ายได้ไปได้นำไปขายที่ท่าขี้เหล็กในราคาบาทละ 18,000 บาท เหตุจูงใจเชื่อว่า น่าจะต้องการเงินไปชำระหนี้สิน ซึ่งจะได้สอบสวนขยายผลต่อไป ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุเชื่อว่าจะเป็นปืนกระบอกเดียวกันกับที่ใช้ก่อเหตุร้านทองหน้าตลาดบ้านดู่ ส่วนการติดตามคนร้ายที่ร่วมกับ นายพิเชษฐ์ กระทำผิดนั้น มีจำนวน 2 คน เบื้องต้นทราบชื่อแล้วเป็นคนฝั่งท่าขี้เหล็ก เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ประสานกับทางการเมียนมา เพื่อขอให้ติดามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป

รองผู้บัญชาการภาค 5 ยังได้กล่าวฝากไปถึงสถานประกอบการร้านทองด้วยว่า ปัจจุบันร้านทองส่วนใหญ่มีการติดตั้งลูกกรงป้องกันไม่เข้าถึงทองได้โดยง่าย ร้านไหนที่ไม่มีลูกกรงก็จะเป็นเป้าหมายของคนร้ายที่จะเลือกลงมือก่อเหตุ อยากให้ทุกร้านได้ลงทุนติดตั้งให้ครบ เพื่อเป็นการป้องกัน นอกจากนี้ หากเกิดเหตุการณ์ที่สุ่มเสี่ยงน่าสงสัย จึงขอให้แจ้งตำรวจโดยเร็ว ซึ่งตำรวจสายตรวจจะได้เข้าไปตรวจตราเพื่อป้องปรามและป้องกันไม่เกิดเหตุการณ์คนร้ายชิงทรัพย์ร้านทองได้อีก

ธีรวัฒน์ คำธิตา / เชียงราย