In Thailand

ผู้่ว่าฯแพร่สั่งจัดการหนุ่มจากกรุงไม่กักตัว



แพร่-ผู้ว่าแพร่ สั่งจัดการหนุ่มหัวร้อน กลับจาก กทม.ไม่ยอมกักตัว ยึดมาตรการป้องกันโควิด กลุ่มเสี่ยงสูงไม่ยอมกักตัว เจอจับ ปรับจริง ต้องกักตัวเท่านั้น

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 กรกฎาคม 2564 นายสมศักดิ์ สุขประเสริฐ นายอำเภอเมืองแพร่ เป็นตัวแทนนายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สสจ.แพร่ และฝ่ายปกครองตำบลสวนเขื่อน อำเภอเมืองแพร่ เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.อมร ขว้างแป้น พนักงานสอบสวน สภ.พระธาตุช่อแฮ อ.เมืองแพร่ กรณีมีชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งไปทำงานอยู่ที่แคมป์คนงานใน กทม. กลับเข้ามาในพื้นที่จังหวัดแพร่ แต่ไม่ยอมกักตัว 

ในเบื้องต้นจากการสอบถาม ผู้ต้องหาเป็นชาย อายุ 32 ปี ชาวบ้านหมู่ 4 ต.สวนเขื่อน อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ เดินทางกลับมาถึงที่จังหวัดแพร่ เมื่อเวลา 03.00 น. ของคืนที่ผ่านมา โดยรถโดยสารประจำทาง แล้วให้แม่ไปรับที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดแพร่ แต่ไม่ยอมเข้ากักตัวตัวในสถานที่ที่รัฐจัดหาให้ หลังจากได้รับแจ้งจากมารดาของผู้ต้องหาเจ้าหน้าที่เข้าเจรจา แต่ไม่เป็นผล

โดยเมื่อเวลา 09.30 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้รับแจ้งจากนายสาคร ปัญญาไว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.สวนเขื่อน อ.เมืองแพร่  ว่ามีลูกบ้านที่ทำงานอยู่แคมป์คนงานที่ กทม.เดินทางเข้ามาในพื้นที่ แต่ไม่ยอมเข้ากักตัว จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระธาตุช่อแอ เข้าช่วยเหลือนำตัว นายเอ (นามสมมุต) อายุ 32 ปี ซึ่งขัดขืนไม่ยอมเข้ากักตัวทั้งที่มาจากพื่นที่เสี่ยง ขณะเจ้าหน้าที่เข้าไปที่บ้านนายเอ มีอาการหงุดหงิดพูดจาโวยวายไล่เจ้าหน้าที่ให้ออกจากบ้านไปไม่ยอมไปกักตัว จนเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์และเชิญตัวนายเอ มาสงบสติที่สถานีตำรวจภูธรพระธาตุช่อแฮ จึงเริ่มมีสติและพูดคุยกับเจ้าหน้าที่

นายสมศักดิ์  สุขประเสริฐ นายอำเภเมืองแพร่ กล่าวว่า ได้รับแจ้งเมื่อช่วงเช้าว่ามีผู้ลักลอบกลับเข้ามาในจังหวัดแพร่ มาถึงเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยได้ให้แม่ไปรับที่สถานีขนส่ง กลับมานอนที่บ้าน พอทางหมู่บ้านทราบจึงได้เข้าไปสอบถามรายละเอียดทราบว่ากลับมาจากแคมป์คนงานที่ กทม. และไม่ยอมเข้ากักตัว จึงได้ให้เจ้าหน้าที่นำตัวมาดำเนินคดี เนื่องจากไม่ดำเนินการตามคำสั่งจังหวัด ว่าหากมาจากแคมป์คนงานต้องเข้ากักตัวทันที ในสถานที่ที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ แต่รายนี้ไม่ทราบว่าเขาจะกลับมา สำหรับในอำเภอเมืองแพร่นั้นหากผู้ที่มาจากจังหวัดเสี่ยง โดยเฉพาะแคมป์คนงาน ต้องเข้าไปกักตัวที่ Local​ Quarantine ทางแต่ละท้องที่จัดไว้ หากกลับมาจากสถานที่เสี่ยงต้องกักตัว 14 วัน ตามที่ทาง สสจ. กำหนด 

นายเอ ผู้ต้องหา เล่าว่า ตนเองไม่ทราบถึงขั้นตอนและแนวทางการปฏิบัติตัวจึงไม่ได้แจ้งล่วงหน้า เพียงแค่แจ้งแม่ว่าตนเองจะกลับบ้าน เนื่องจากมีคำสั่งปิดแคมป์งานก่อสร้าง1เดือน ซึ่งตนเองก็หยุดอยู่ห้องพักได้สิบกว่าวันแล้ว จึงโทรหาแม่ว่าจะกลับ บ้านเย็นนี้แล้วตอนตี4 มาถึงแพร่ให้แม่เอารถมารับที่สถานีขนส่ง และกลับมานอนที่บ้านพอเช้ามาก็มีคนมาเรียกตนเองหงุดหงิดและเครียดหลายเรื่อง จึงขัดขืน ตอนแรกจะโทรให้แม่มารับและเก็บเสื้อผ้าจะกลับ กรุงเทพฯ แล้ว เพราะตอนแรกที่กลับบ้านนั้นคิดว่ามันหยุดยาว เพราะตอนแรกจะเริ่มงานวันศุกร์ แต่เขายังไม่ให้ทำ เลยตัดสินใจกระทันหันกลับมาพักที่บ้านจึงตัดสินใจกลับทันที แต่ไม่รุ้ขั้นตอน ประกอบกับนอนน้อย ตกงานกลับมาจึงหงุดหงิดและโวยวายใส่เจ้าหน้าที่ แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วยอมกักตัว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายเอ เพื่อส่งดำเนินคดีในข้อหา ฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งต้องส่งตัวขึ้นศาลจังหวัดแพร่ และจากนั้นต้องนำตัวไปกักตัวอีก 14 วันที่สถานที่กักตัวที่ทางจังหวัดจัดไว้ให้แล้ว